Ibusiness review : หมู่บ้านเสี่ยวหยู คุนหมิง หมู่บ้านแก้จนตัวอย่าง สู่แหล่งท่องเที่ยวใหม่ของจีน

นักท่องเที่ยวที่มาเยือนนครคุนหมิง มณฑลยูนนาน ประเทศจีน มีแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยม ไม่ว่าจะเป็นแหล่งชอปปิ้งใจกลางเมือง ประตูม้าทอง ประตูไก่มรกต ออกไปนอกเมืองก็จะเป็น ป่าหินสือหลิน เขาซีซาน หรือจะนั่งรถไฟไปเมืองลี่เจียง (Lijiang) ที่เป็นเมืองโบราณ มีภูเขาหิมะมังกรหยก สระมังกรดำ หรือนั่งรถบัสไปเมืองต้าหลี่ (Dail) หนึ่งในเมืองที่สวยที่สุดของจีน

แต่อีกด้านหนึ่งยังพบว่า รัฐบาลท้องถิ่นมณฑลยูนนาน ได้สร้างแหล่งท่องเที่ยวใหม่ ในหมู่บ้านที่ประชาชนมีรายได้ต่ำ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจและสร้างอาชีพ หนึ่งในนั้นคือ หมู่บ้านเสี่ยวหยู (Xiaoyu Village) ซึ่งเป็นหมู่บ้านชาวประมงเล็กๆ ริมทะเลสาบเตียนฉือ (Dianchi Lake) เขตจินหนิง (Jinning District) ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ของนครคุนหมิง

รถบัสพาคณะศึกษาดูงาน "โครงการมองจีนยุคใหม่ สิ่งที่สื่อไทยควรรู้ รุ่นที่ 5" ของสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย กว่า 25 ชีวิต เข้าไปยังถนนเล็กๆ ผ่านทะเลสาบเตียนฉือ ที่ทอดยาวจากริมฝั่งด้านทิศเหนือจรดทิศใต้ กว้างถึง 39 กิโลเมตร สักพักก็มาถึงหมู่บ้านดังกล่าว ซึ่งถูกเนรมิตทางเข้าอย่างเรียบง่าย ด้านในตกแต่งราวกับธีมพาร์คยอดนิยม

หมู่บ้านแห่งนี้มีชาวบ้านอาศัยอยู่ 84 หลังคาเรือน ประชากรรวม 217 คน เคยเป็นหมู่บ้านชาวประมงขนาดเล็ก ชาวบ้านส่วนใหญ่ทำการประมง และการเกษตร ประสบปัญหาความยากจน มีรายได้เพียง 1,000-3,000 หยวนต่อเดือนเท่านั้น ชาวบ้านต้องออกจากหมู่บ้านไปหางานทำต่างเมือง เช่นเดียวกับชาวยูนนานคนอื่นๆ

ไม่นับรวมปัญหาสิ่งแวดล้อม มีสภาพเสื่อมโทรม ชาวบ้านทิ้งน้ำเสียต่อท่อตรงลงทะเลสาบ อีกทั้งห้องน้ำยังไม่ถูกสุขลักษณะ

กระทั่งรัฐบาลประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ประกาศสงครามกับความยากจน รัฐบาลท้องถิ่นมณฑลยูนนาน จึงดำเนินโครงการขจัดความยากจน และพลิกฟื้นพื้นที่ชนบท โดยจัดสรรงบประมาณ 28 ล้านหยวน เพื่อจัดทำหมู่บ้านตัวอย่างแก้ปัญหาความยากจน ภาครัฐและภาคเอกชนสนับสนุนรีโนเวตหมู่บ้านแห่งนี้ให้สวยงาม และมีสภาพแวดล้อมที่ดีขึ้น

ปัจจุบัน หมู่บ้านเสี่ยวหยู กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวแห่งใหม่ของจีน มีทั้งร้านค้า ร้านอาหาร โฮมสเตย์ เปิดรับนักท่องเที่ยวเข้ามาเยี่ยมชมและพักผ่อนหย่อนใจ ส่งเสริมชาวจีนท่องเที่ยวในประเทศเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจหลังโควิด-19 ที่นี่จะมีนักท่องเที่ยวจำนวนมากในวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ ส่งผลให้ชาวบ้านที่นี่มีรายได้สูงถึง 3,000 หยวนต่อวัน

ยิ่งถ้าเป็นเทศกาล เช่น วันแรงงานของจีน จะพบว่ามีรายได้ครัวเรือนสูงถึงวันละ 15,000 หยวน เลยทีเดียว

จุดเด่นของหมู่บ้านเสี่ยวหยูก็คือ เป็นจุดชมพระอาทิตย์ตกดินในยามเย็น ด้วยทำเลติดกับทะเลสาบเตียนฉือ มีการสร้างจุดถ่ายรูปบริเวณทุ่งหญ้า ด้านหลังเป็นภูเขาและทะเลสาบ ที่พระอาทิตย์ส่องเป็นแสงสีทอง นอกจากนี้ พื้นที่ของหมู่บ้านยังมีการแบ่งโซนสนามหญ้าที่มีคาเฟ่เล็กๆ ที่นั่งรับประทานอาหารแบบกางเต็นท์ และโฮมสเตย์ริมบ่อน้ำ ตกแต่งด้วยเรือประมงขนาดเล็ก

สำหรับการเดินทางไปยังหมู่บ้านเสี่ยวหยู อำเภอจินหนิง จากใจกลางนครคุนหมิง ถ้าเป็นรถส่วนตัวใช้ทางด่วนหมายเลข G8511 (คุนหมิง-โม่ฮาน หรือ Kunmo Expressway) ตรงไปประมาณ 40 กิโลเมตร ใช้ทางออกไปยังทางหลวงหมายเลข G213 เมื่อออกจากด่านเก็บเงินแล้วจะเจอสามแยก ทางหลวงหมายเลข G213 ให้เลี้ยวขวาไปเล็กน้อย แล้วเลี้ยวซ้ายเข้าหมู่บ้านเสี่ยวหยู

ด้วยระยะทางไม่ไกล ใช้เวลาเดินทางจากดาวน์ทาวน์เพียง 40 นาที จึงทำให้ช่วงวันหยุดมีนักท่องเที่ยวมาเยือนไม่ขาดสาย

นางซู เหวินลี่ (Ms.Xu Wenli) ผู้อำนวยการแผนกการพัฒนาและความร่วมมือ สำนักงานฟื้นฟูชนบท มณฑลยูนนาน ระบุว่า จีนได้ใช้แนวคิดสังคมนิยมที่มีอัตลักษณ์เฉพาะ ซึ่งเน้นประชาชนเป็นศูนย์กลาง มาใช้เป็นอาวุธสำคัญเพื่อเอาชนะความยากจน มณฑลยูนนาน จึงได้กำหนดยุทธศาสตร์แก้ปัญหาความยากจนอย่างยั่งยืน และเฝ้าระวังไม่ให้ประชาชนกลับมายากจนอีก

หนึ่งในนั้นคือการพลิกโฉมพื้นที่ชนบท ให้เป็นเมืองน่าอยู่น่าเที่ยว ด้วยการพัฒนาระบบโครงสร้างพื้นฐาน เทคโนโลยีที่ทันสมัย อำนวยความสะดวกด้านการค้า การลงทุน และการท่องเที่ยว ควบคู่กับโครงการฟื้นฟูชนบท 33 โครงการ การวางแนวทางเพิ่มรายได้อย่างยั่งยืน การช่วยเหลือวิสาหกิจชุมชนให้เข้มแข็ง สนับสนุนเงินทุนยกระดับคุณภาพชีวิต ลงไปในชนบทอย่างต่อเนื่อง

ปัจจุบัน มณฑลยูนนานมีทั้งหมด 88 อำเภอ 8,902 หมู่บ้าน ประชากรกว่า 9 ล้านคน สามารถก้าวพ้นเส้นแบ่งความยากจนได้สำเร็จ มาตั้งแต่ปี 2563 และมีแผนยกระดับรายได้เฉลี่ยจาก 4,000 เป็น 8,050 หยวนต่อคนต่อปี ให้ได้ภายใน 3 ปี

หมายเหตุ : ข้อมูลส่วนหนึ่งจากการศึกษาดูงาน "โครงการมองจีนยุคใหม่ สิ่งที่สื่อไทยควรรู้ รุ่นที่ 5" ที่นครคุนหมิง มณฑลยูนนาน สาธารณรัฐประชาชนจีน ระหว่างวันที่ 24-27 กรกฎาคม 2566 ซึ่งจัดโดย สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย และสถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย