หลังจากเดอะมอลล์ งามวงศ์วาน ทยอยปรับปรุงมาตั้งแต่ปลายปี 2561 ด้วยงบลงทุนกว่า 1 พันล้านบาท สร้างความฮือฮาด้วยการเปลี่ยนโลโก้ใหม่เป็นรูปตัว M ก็เริ่มทยอยเปิดให้บริการชั้น G, ชั้น 3, 4 และ 5 โดยล่าสุดเพิ่งจะเปิดพื้นที่ชั้น 3 เมนส์ แอนด์ ไลฟ์สไตล์ (Men's & Life Style) สตรีทและแฟชั่นไลฟ์สไตล์ชายแห่งใหม่ กว่า 350 แบรนด์ดังให้เลือกช้อป
ขณะที่อีกสองชั้นที่เหลือ กำลังปรับปรุงพื้นที่ คาดว่าจะแล้วเสร็จกลางปี 2563 น่าสังเกตว่า เดอะมอลล์กรุ๊ปพยายามที่จะดึง แมกเนตใหม่ๆ เข้ามาในศูนย์การค้าชานเมืองแห่งนี้ โดยเฉพาะแบรนด์ที่ไม่เคยมีมาก่อนในกลุ่มเดอะมอลล์ ท่ามกลางการแข่งขันอย่างรุนแรงที่กลุ่มเซ็นทรัล กลุ่มบางกอกแลนด์ รวมทั้งเทสโก้ โลตัส และบิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ ล้อมรอบพื้นที่ไว้หมดแล้ว
ปัจจุบัน เดอะมอลล์งามวงศ์วาน เปิดให้บริการแล้ว 6 ชั้น เริ่มกันที่ชั้น G จากปกติจะมีทางเข้าอยู่ทางเดียว แต่ได้สร้างอาคารใหม่ที่ชื่อว่า กลาสเฮ้าส์ (Glass House) ซึ่งเป็นแลนด์มาร์คใหม่ ตั้งใจจะเป็นพื้นที่โซน กรูเมต์ อีท (Gourmet Eats) สำหรับร้านอาหารชั้นนำ เชื่อมต่อกับ กรูเมต์ มาร์เก็ต (Gourmet Market) ซูเปอร์มาร์เก็ตระดับพรีเมียมที่ขยายพื้นที่กว้างกว่าเดิม
โดยโซนกรูเมต์ อีท นำร้านเด็ด แบรนด์ดัง มาให้บริการพร้อม พื้นที่รับประทานอาหารส่วนกลาง (Common Seats) ประกอบด้วย โซโห พิซซ่า (Soho Pizza), มุมกะเพรา, เดอะ บิบิมบับ (The Bibimbab), แสนยอด วอค ร้านอาหารจีนกวางตุ้งระดับตำนาน, โยชิโนยะ (Yoshinoya) ร้านข้าวหน้าเนื้อ, บุนทงกี (Boon Tong Kee) ข้าวมันไก่สิงคโปร์ และ เปปเปอร์ ลันซ์
เร็วๆ นี้จะมีร้านแบรนด์ดังมาเปิดเพิ่ม อาทิ ทิม ฮอร์ตันส์ (Tim Hortons) ร้านกาแฟสัญชาติแคนาดา, เกรย์ฮาวด์ คาเฟ่, ออน เดอะ เทเบิล, ร้านอาหารญี่ปุ่นมากูโร่ (MAGURO), ชานมเสือพ่นไฟ (Fire Tiger), มอส เบอเกอร์, ร้านเครปเย็นญี่ปุ่นโอ-ลิ-โนะ (Olino), บอนชอน, ปั้นคำหอม, ร้านขนมปัง ไวท์ สตอรี (White Story), สเวนเซ่นส์, ฟาสฟู้ดอย่างเคเอฟซี และเชสเตอร์
มากันที่ชั้น 3 เพิ่งเปิดไปเมื่อเร็วๆ นี้ คือ สปอร์ตมอลล์ (Sports Mall) ศูนย์รวมสินค้ากีฬาโฉมใหม่ ต่อจากสาขาพารากอน โดยมีแบรนด์ใหญ่ อาดิดาส (Adidas), ไนกี้ (Nike), อันเดอร์ อาเมอร์ (Under Armour) จากนั้นจะเป็นแผนก เมน อิน เทรนด์ (Men In Trend) และ วอช แกลอเรีย (Watch Galleria) เร็วๆ นี้จะมีไอ สตูดิโอ มาเปิดบริเวณลิฟท์แก้ว และร้านเครื่องเขียนสมใจ
ชั้น 4 เปิดไปเมื่อเดือนธันวาคม 2562 ประกอบด้วย พาวเวอร์มอลล์ (Power Mall) เครื่องใช้ไฟฟ้าจากแบรนด์ชั้นนำระดับโลก, บีเทรนด์ (Be Trend) พื้นที่ 2,500 ตารางเมตร จำหน่ายสินค้าเครื่องเขียน และอุปกรณ์สำนักงานกว่า 20,000 รายการ, เดอะลีฟวิ่ง (The Living) สินค้าตกแต่งบ้านและอุปกรณ์ทำครัว และ คิดส์ แพลนเนต (Kids Planet) สินค้าบริการเพื่อแม่และเด็ก
ชั้น 5 โซนร้านอาหาร (Dining Garden) รวมร้านอาหารกว่า 50 ร้าน อาทิ สุกี้เอี่ยวไถ่, แหลมเจริญซีฟู้ด, บ้านหญิง, เน้นเนื้อ, มงก๊ก สุกี้ยากี้, ฮาจิบัง ราเมน , ซูชิ เซกิ, ยาโยอิ, เอ็มเค, เดอะพิซซ่า, เรดซัน, โอโตยะ, ร้านอาหารเหนือ อองตองข้าวซอย ต้นตำรับจากซอยอารีย์ ถัดมาจะเป็นร้านทอง ธนาคาร สถาบันการเงิน และศูนย์บริการภาครัฐแบบเบ็ดเสร็จ
ชั้น 6 เปิดไปเมื่อปีที่แล้ว ได้แก่ โซนกรูเมต์ อีท รวมสตรีทฟู้ดกว่า 30 ร้าน พร้อมกับร้านเคเอฟซี เชสเตอร์ แดรี่ควีน ฟูกุมัทฉะ คาเฟ่ อเมซอน โซนไอทีและมือถือ ศูนย์บริการมือถือ, ร้านชีวิตดี (Chivit-D) ของเอสซีจี ศูนย์รวมสินค้าและบริการสำหรับผู้สูงอายุ แต่สวนน้ำแฟนตาเซีย ลากูนยังไม่เปิด และชั้น 7 เป็น โรงภาพยนตร์เอสเอฟเอ็กซ์ (SFX Cinema) 10 โรงภาพยนตร์
สำหรับชั้น 1 และชั้น 2 ซึ่งกำลังปรับปรุงพื้นที่ คาดว่าจะแล้วเสร็จประมาณกลางปี 2563 ได้แก่ ชั้น 1 โซนแกรนด์ฮอลล์ บิวตี้ฮอลล์ แฟชั่นสุภาพสตรี บริการด้านความงาม เครื่องประดับ รองเท้าและกระเป๋า ส่วนชั้น 2 จะเป็นแผนกแฟชั่น ไลฟ์สไตล์ ร้านแว่นตา แฟชั่นสุภาพสตรี แผนกลองเจอเรย์ซาลอน (Lingerie Salons) บริการความงาม และคาเฟ่
โดยพบว่า เดอะมอลล์กรุ๊ปได้ดีลแบรนด์ชั้นนำมาลงไว้ที่นี่แล้ว ได้แก่ ชั้น 1 เอชแอนด์เอ็ม (H&M), ชาร์ลส แอนด์ คีธ (Charles & Keith), จัสปาล (JASPAL), คอตตอน ออน (Cotton On), โพเมโล (Pomelo) ส่วนชั้น 2 ได้แก่ ยูนิโคล่ (Uniqlo), มูจิ (Muji), เอทูแซด (AIIZ), เจดี สปอร์ต (JD Sports) อีฟแอนด์บอย (Eveandboy) และสตาร์บัคส์ คอฟฟี่
ความน่าสนใจก็คือ "มูจิ" สินค้าของใช้แบบมินิมอลจากประเทศญี่ปุ่น ที่ร่วมทุนกันระหว่างเรียวฮินเคคาขุ กับกลุ่มเซ็นทรัล จะมาเปิดสาขาแรกในกลุ่มเดอะมอลล์กรุ๊ป ที่เดอะมอลล์ งามวงศ์วาน ทั้งที่ผ่านมาเราจะเห็นแบรนด์นี้ตามห้างสรรพสินค้าและศูนย์การค้ากลุ่มเซ็นทรัล นอกนั้นจะเป็นแฟชั่นไอส์แลนด์ เมกาบางนา สยามดิสคัฟเวอรี่ ฟิวเจอร์พาร์ครังสิต สามย่านมิตรทาวน์
นอกจากการปรับปรุงแบบยกชั้นยกแผนกแล้ว เดอะมอลล์ งามวงศ์วาน ยังได้เพิ่มบริการใหม่ ได้แก่ อาคารจอดรถอัตโนมัติ (Automated Parking) ที่มีระบบจอดรถที่ใหญ่ที่สุดและทันสมัยที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รองรับรถยนต์ได้ 600 คัน รวมทั้งได้จัดให้มี สถานีรถตู้ (Van Station) บริเวณชั้น G เพื่อรองรับลูกค้าที่ใช้บริการขนส่งสาธารณะอีกด้วย
22 ธันวาคม 2534 ถือเป็นวันแรกที่เดอะมอลล์ งามวงศ์วาน เปิดให้บริการ ท่ามกลางโครงการอสังหาริมทรัพย์โซนนนทบุรีที่เติบโตต่อเนื่อง ผ่านการปรับปรุงตามยุคสมัยและการแข่งขัน ปลายปี 2563 จะครบรอบ 29 ปี และก้าวสู่ปีที่ 30 นอกจากจะเปลี่ยนโฉมใหม่หมดจดแม้กระทั่งโลโก้แล้ว การแข่งขันเพื่อดึงทราฟฟิกของผู้คนโซนกรุงเทพฯ เหนือจะมีมากขึ้นอย่างแน่นอน
อ่านประกอบ : Ibusiness review : 'เดอะมอลล์ งามวงศ์วาน' ห้างของผู้สูงวัย
(เกาะกระแสธุรกิจ เศรษฐกิจสดใหม่ เรื่องราวการตลาดที่ใกล้ชิดผู้บริโภค กับ Ibusiness Review ที่นี่ที่เดียว! ทางเฟซบุ๊ก Ibusiness และเว็บไซต์ ibusiness.co)