กระแสข่าวการฟอกเงินในตลาดหุ้น ดังกระหึ่มมาพักใหญ่แล้ว จนสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์ก.ล.ต.) และตลาดหลักทรัพย์ต้องลงไปตรวจสอบ แต่ยังไม่พบธุรกรรมการฟอกเงินในบริษัทจดทะเบียนแห่งใด
ไม่มีใครกล้ารับประกันว่า ไม่มีการฟอกเงินในตลาดหุ้น ไม่มี “เงินเทา” หรือเงินจากแก๊งสแกมเมอร์ นำมาฟอกเป็นเงินขาวในบริษัทจดทะเบียน แต่ถ้ามีคงเกิดขึ้นเพียงบางบริษัท ซึ่งเทียบไม่ได้กับความผิดอื่นที่สร้างความเสียหายร้ายแรงกว่า โดยเฉพาะการไซฟ่อน ผ่องถ่าย โยกย้ายเงินออกจากบริษัทจดทะเบียน
การฟอกเงินในตลาดหุ้นที่เป็นประเด็นถูกพูดถึงในวงกว้างคือ การนำเงินที่ได้มาโดยมิชอบด้วยกฎหมายหรือเงินผิดกฎหมาย เข้ามาลงทุนหรือซื้อหุ้นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เพื่อฟอกให้เป็นเงินที่ขาวสะอาด ซึ่งอยู่ระหว่างการตรวจสอบของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องว่า มีทุนเทาเข้าไปซื้อหุ้นบริษัทจดทะเบียนใดบ้าง
ส่วนการไซฟ่อน ผ่องถ่าย โยกย้ายเงินออกจากบริษัทจดทะเบียน ถือเป็นการยักยอกทรัพย์ โกงประชาชนผู้ถือหุ้นรายย่อย ซึ่งเกิดขึ้นมาตลอด 50 ปีของการก่อตั้งตลาดหลักทรัพย์ฯ และปัจจุบันยังดำเนินอยู่ สร้างความสูญเสียของนักลงทุนนับล้านคน แต่ยังไม่มีหน่วยงานใดป้องกันแก้ไขได้
การไซฟ่อน ผ่องถ่าย ปล้นเงินของนักลงทุนในตลาดหุ้น มหาโจรในคราบผู้บริหารบริษัทจดทะเบียน จะสร้างธุรกรรมผ่านการลงทุนในสินทรัพย์ และซื้อหรือขายสินทรัพย์ ซึ่งเมื่อขายสินทรัพย์จะขายในราคาต่ำ แต่ถ้าซื้อ จะซื้อในราคาแพง โดยรับส่วนต่างของราคาเป็นเงินทอน
รวมทั้งธุรกรรมการซื้อทรัพย์สิน โดยวางเงินมัดจำสูง ๆ บางบริษัท ฯ วางเงินมัดจำถึง 80% ของมูลค่าสินทรัพย์ที่จะซื้อ สุดท้ายไม่ซื้อสินทรัพย์ และปล่อยให้เงินมัดจำถูกยืด ก่อนยื่นฟ้องเรียกค่ามัดจำคืนพอเป็นพิธี แต่ไม่ได้มัดจำคืนอยู่ดี
ในรอบ 3 ปีที่ผ่านมา มีบริษัทจดทะเบียนหลายสิบบริษัท หรืออาจเกือบ 100 บริษัท ถูก ก.ล.ต.หรือตลาดหลักทรัพย์ ฯ สั่งให้ชี้แจงข้อมูลเพิ่มเติม จากธุรกรรมอันต้องสงสัยว่า ไม่โปร่งใส เข้าข่ายการผ่องถ่าย ไซฟ่อนเงิน ปล้นผู้ถือหุ้นรายย่อย
ธุรกรรมอันต้องสงสัยไม่โปร่งใส แทบทั้งหมดเป็นการลงทุนหรือซื้อขายสินทรัพย์ ซึ่งในทางพฤตินัย คนในตลาดหุ้นรู้ได้ทันทีว่า มหาโจรในคราบผู้บริหารบริษัทจดทะเบียน กำลังเปิดปฏิบัติการปล้นนักลงทุน
แต่ในทางนิตินัยหรือในทางกฎหมาย กลับไม่มีใครดำเนินการ “ลากคอ” บรรดามหาโจรในตลาดหุ้นเข้าคุกได้ โดย ก.ล.ต.และตลาดหลักทรัพย์ ฯ ทำได้เพียง สั่งให้บริษัทจดทะเบียนชี้แจงข้อมูลเพิ่มเติม และเมื่อจะชี้แจงข้อมูลเพิ่มเติมมา แม้จะเป็นข้อมูลที่มีเหตุผลข้าง ๆ คู ๆ แต่ก็ถือเป็นการเสร็จสิ้นขบวนการตรวจสอบ
มหาโจรในคราบผู้บริหารบริษัทจดทะเบียนนับร้อยคน ซึ่งเปิดปฏิบัติการปล้นในตลาดหุ้น สร้างความเสียหายให้นักลงทุนนับแสนนับล้านราย มีเพียงบางรายเท่านั้นที่ตรวจจับได้ และถูกก.ล.ต.ฟ้องดำเนินคดีข้อหาหนัก ล่าสุดคือผู้บริหาร บริษัท ซีเอ็มโอ จำกัด (มหาชน) หรือ CMO
ปัญหาการนำเงิน ”สีเทา” มา “ฟอกขาว” เป็นอีกปัญหาที่ต้องตรวจสอบแก้ไข แต่ปัญหาที่ใหญ่กว่า และเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นเรื้อรัง สร้างความเสียหายร้ายแรงยิ่งกว่าคือ การไซฟ่อน ผ่องถ่ายเงินออกจากบริษัทจดทะเบียน ปล้นประชาชนผู้ลงทุนจนหมดตัวตาม ๆ กัน ซึ่งยังไม่ถูกหยิบยกเป็นวาระแห่งสังคมตลาดหุ้น ทั้งที่จะต้อง ปราบปรามให้สิ้นซาก
ต้องกวาดจับมหาโจรในคราบผู้บริหารบริษัทจดทะเบียนให้พ้นจากตลาดหุ้น
ถ้าประเด็นการไซฟ่อน ผ่องถ่ายเงินออกจากบริษัทจดทะเบียนในตลาดหุ้น ปล้นประชาชนผู้ลงทุนรายย่อย ถูกปลุกให้เป็นกระแสจนทุกฝ่ายให้ความสนใจเช่นเดียวกับการฟอกเงินในตลาดหุ้น
ธุรกรรมอันต้องสงสัยว่าไม่โปร่งใส ธุรกรรมการผ่องถ่ายเงินของบรรดามหาโจรในคราบผู้บริหารบริษัทจดทะเบียน ซึ่งดำเนินต่อเนื่องมา 50ปี อาจถึงเวลาที่ต้องปราบให้สิ้นซากกันเสียที