ฟอร์ดจับมือเรโนลต์ร่วมพัฒนาอีวีราคาประหยัดในยุโรป โดยมีกำหนดเปิดตัวรุ่นแรกจาก 2 รุ่นซึ่งจะเป็นรถยนต์ไฟฟ้าขนาดเล็กในปี 2028 ตอกย้ำความจำเป็นที่ค่ายรถดั้งเดิมต้องร่วมแรงร่วมใจกันเพื่อรับมือการแข่งขันกับบริษัทรถจีนที่ถือเป็นภัยคุกคามความอยู่รอดของอุตสาหกรรมยานยนต์
จิม ฟาร์ลีย์ ซีอีโอฟอร์ด กล่าวเมื่อวันจันทร์ (8 ธ.ค.) ว่าฟอร์ดรู้ดีว่า กำลังต่อสู้เพื่อความอยู่รอด ก่อนประกาศการร่วมมือกับเรโนลต์ในการพัฒนาอีวีราคาประหยัดเพื่อรับมือแบรนด์รถจีนอย่างเช่น BYD, MG ของ SAIC, ฉางอาน และเสี่ยวเผิง
ในงานแถลงข่าวที่ปารีสเมื่อวันอังคาร (9 ธ.ค.) ฟอร์ดระบุว่า การร่วมมือครั้งใหม่นี้เป็นเพียงก้าวแรกของแผนปรับโครงสร้างในยุโรป ซึ่งรวมถึงการผลิตอีวีขนาดเล็กใหม่ 2 รุ่นโดยอิงกับแพลตฟอร์ม Ampere ซึ่งเป็นบริษัทพัฒนาเทคโนโลยีอีวีของเรโนลต์ ขณะที่ฟอร์ดจะรับผิดชอบการออกแบบเพื่อให้มั่นใจว่า รถทุกคันมีดีเอ็นเอของฟอร์ดอย่างชัดเจน
รถรุ่นแรกคาดว่า จะเป็น Fiesta เวอร์ชันไฟฟ้าซึ่งจะผลิตในโรงงานของเรโนลต์ทางเหนือของฝรั่งเศส และกำหนดเปิดตัวในยุโรปปี 2028 โดยจะเป็นรถที่มีขนาดเล็กกว่าที่ฟอร์ดเตรียมผลิตสำหรับอเมริกา และช่วยอุดช่องว่างไลน์อัพผลิตภัณฑ์ในยุโรปของบริษัท
ส่วนอีวีรุ่นที่สองมีแนวโน้มเป็นครอสโอเวอร์ขนาดเล็กคล้ายกับ Renault 4
ไลน์อัพอีวีของฟอร์ดในยุโรปขณะนี้ประกอบด้วย Electric Explorer และ Capri ที่ใช้แพลตฟอร์มร่วมกับ ID.4 และ ID.5 ของโฟล์คสวาเกน และ Puma Gen E
ฟาร์ลีย์บอกว่า การร่วมมือกับเรโนลต์จะช่วยเสริมความร่วมมือที่มีอยู่แล้วกับโฟล์คสวาเกน
ทั้งสองบริษัทยังมีแผนร่วมกันพัฒนารถตู้แบรนด์เรโนลต์และฟอร์ดสำหรับตลาดยุโรป
ซีอีโอฟอร์ดสำทับว่า ในฐานะบริษัทอเมริกัน ฟอร์ดมองว่า ยุโรปเป็นด่านหน้าของการเปลี่ยนแปลงของอุตสาหกรรมยานยนต์ในระดับโลก และการต่อสู้ในภูมิภาคนี้จะเป็นคู่มือสำหรับฟอร์ดในอนาคต
ที่ผ่านมา ฟาร์ลีย์เตือนหลายครั้งว่า บริษัทรถจีนอย่าง BYD เป็นภัยคุกคามความอยู่รอดของอุตสาหกรรมยานยนต์ การเป็นพันธมิตรกับเรโนลต์ครั้งนี้ยังมีความสำคัญสำหรับการหวนคืนตลาดยุโรปของฟอร์ด
ไมเคิล ฟาวดูคิดิส นักวิเคราะห์ของอ็อดโด-บีเอชเอฟ มองว่า ดีลนี้เปิดโอกาสให้เรโนลต์ได้ชดเชยต้นทุนคงที่ของบริษัทและสร้างรายได้ ควบคู่กับนำเสนอวิธีการที่มีประสิทธิภาพด้านต้นทุนในการทำตลาดอีวีราคาจับต้องได้มากขึ้นสำหรับฟอร์ด
การเป็นพันธมิตรนี้ยังตอกย้ำว่า ค่ายรถดั้งเดิมมีความจำเป็นมากขึ้นที่จะต้องร่วมมือกันในเชิงปฏิบัติเพื่อรับมือการแข่งขันจากรถราคาถูกของจีน
ฟาร์ลีย์สำทับว่า เมื่อร่วมมือกัน ฟอร์ดและเรโนลต์สามารถสร้างผู้เล่นที่ทรงพลังในด้านรถยนต์เพื่อการพาณิชย์ขนาดเล็กในยุโรปที่จะกลายเป็นโจทย์หินสำหรับบริษัทจีน
เขายังบอกว่า แม้มีรถตู้จีนในยุโรปไม่กี่แบรนด์ แต่ความจริงฟอร์ดและเรโนลต์ต้องแข่งขันกับค่ายรถจีนโดยตรงทุกวันในตลาดเกิดใหม่
ฟรองซัวส์ โปรวอสต์ ซีอีโอเรโนลต์ เห็นด้วยว่า อีกไม่นาน บริษัทรถจีนจะบุกตลาดยุโรปมากขึ้น และเขาไม่อยากรอจนถึงตอนนั้น
การร่วมมือครั้งนี้เกิดขึ้นหลังจากทีมเจ้าหน้าที่เรโนลต์ไปเยือนสำนักงานใหญ่ในดีทรอยต์ของฟอร์ดเมื่อเดือนมีนาคม อย่างไรก็ตาม ทั้งฟาร์ลีย์และโปรวอสต์ยืนยันว่า ทั้งสองบริษัทไม่มีแผนผนวกกิจการกัน
ส่วนแบ่งตลาดรถยนต์นั่งส่วนบุคคลของฟอร์ดในยุโรปลดลงเกือบครึ่งจาก 6.1% ในปี 2019 เหลือ 3.3% ในช่วง 10 เดือนแรกของปีนี้ ฟอร์ดยังปลดพนักงานและปิดโรงงานในเมืองซาร์ลูอิสในเยอรมนี ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแผนปรับโครงสร้าง
นอกจากนั้น การที่คณะบริหารของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ยุติการสนับสนุนอีวี ค่ายรถหมายเลขสองของอเมริกาแห่งนี้จึงต้องแบกรับค่าใช้จ่ายสองด้านคือ การลงทุนในรถเครื่องยนต์สันดาปและเทคโนโลยีอีวีราคาแพง
การใช้แพลตฟอร์มอีวีของเรโนลต์กับการออกแบบของตนเองจะทำให้ฟอร์ดสามารถแข่งขันในตลาดรถยนต์ไฟฟ้ายุโรปกับบริษัทดั้งเดิมอย่างโฟล์คสวาเกน รวมถึงบริษัทรถจีน
ขณะเดียวกัน นอกจากฟอร์ดแล้ว เรโนลต์ยังพัฒนารถตู้ร่วมกับนิสสันและวอลโว่ กรุ๊ป
เรโนลต์เป็นบริษัทรถกระแสหลักที่มีขนาดเล็กที่สุดในยุโรป และไม่ได้ส่งรถไปขายในจีนหรืออเมริกา ซึ่งเป็นสองตลาดรถใหญ่ที่สุดในโลก ดังนั้น การร่วมมือกับฟอร์ดจึงช่วยให้บริษัทสามารถเพิ่มการผลิตเพื่อลดต้นทุน
บริษัทแดนน้ำหอมแห่งนี้กำลังตามหาพันธมิตรเพื่อใช้ศักยภาพการผลิตของโรงงานอย่างเต็มที่ และลดภาระในการพัฒนาอีวีรุ่นใหม่ๆ
ปี 2026 เรโนลต์จะผลิตรถ 2 รุ่นโดยใช้แพลตฟอร์มจากจีลี่ของจีนในบราซิล และตอนนี้กำลังคุยกับบริษัทรถอีกหลายแห่งที่รวมถึงเชอรี่ของจีนเช่นเดียวกัน เพื่อร่วมกันผลิตและจำหน่ายรถ
โปรวอสต์ทิ้งท้ายว่า เป้าหมายของเรโนลต์คือ เพื่อแสดงให้เห็นว่า บริษัทสามารถผลิตอีวีในยุโรปที่สามารถแข่งขันกับทุกค่าย ไม่เว้นแม้แต่บริษัทรถจีน
จิม ฟาร์ลีย์ ซีอีโอฟอร์ด กล่าวเมื่อวันจันทร์ (8 ธ.ค.) ว่าฟอร์ดรู้ดีว่า กำลังต่อสู้เพื่อความอยู่รอด ก่อนประกาศการร่วมมือกับเรโนลต์ในการพัฒนาอีวีราคาประหยัดเพื่อรับมือแบรนด์รถจีนอย่างเช่น BYD, MG ของ SAIC, ฉางอาน และเสี่ยวเผิง
ในงานแถลงข่าวที่ปารีสเมื่อวันอังคาร (9 ธ.ค.) ฟอร์ดระบุว่า การร่วมมือครั้งใหม่นี้เป็นเพียงก้าวแรกของแผนปรับโครงสร้างในยุโรป ซึ่งรวมถึงการผลิตอีวีขนาดเล็กใหม่ 2 รุ่นโดยอิงกับแพลตฟอร์ม Ampere ซึ่งเป็นบริษัทพัฒนาเทคโนโลยีอีวีของเรโนลต์ ขณะที่ฟอร์ดจะรับผิดชอบการออกแบบเพื่อให้มั่นใจว่า รถทุกคันมีดีเอ็นเอของฟอร์ดอย่างชัดเจน
รถรุ่นแรกคาดว่า จะเป็น Fiesta เวอร์ชันไฟฟ้าซึ่งจะผลิตในโรงงานของเรโนลต์ทางเหนือของฝรั่งเศส และกำหนดเปิดตัวในยุโรปปี 2028 โดยจะเป็นรถที่มีขนาดเล็กกว่าที่ฟอร์ดเตรียมผลิตสำหรับอเมริกา และช่วยอุดช่องว่างไลน์อัพผลิตภัณฑ์ในยุโรปของบริษัท
ส่วนอีวีรุ่นที่สองมีแนวโน้มเป็นครอสโอเวอร์ขนาดเล็กคล้ายกับ Renault 4
ไลน์อัพอีวีของฟอร์ดในยุโรปขณะนี้ประกอบด้วย Electric Explorer และ Capri ที่ใช้แพลตฟอร์มร่วมกับ ID.4 และ ID.5 ของโฟล์คสวาเกน และ Puma Gen E
ฟาร์ลีย์บอกว่า การร่วมมือกับเรโนลต์จะช่วยเสริมความร่วมมือที่มีอยู่แล้วกับโฟล์คสวาเกน
ทั้งสองบริษัทยังมีแผนร่วมกันพัฒนารถตู้แบรนด์เรโนลต์และฟอร์ดสำหรับตลาดยุโรป
ซีอีโอฟอร์ดสำทับว่า ในฐานะบริษัทอเมริกัน ฟอร์ดมองว่า ยุโรปเป็นด่านหน้าของการเปลี่ยนแปลงของอุตสาหกรรมยานยนต์ในระดับโลก และการต่อสู้ในภูมิภาคนี้จะเป็นคู่มือสำหรับฟอร์ดในอนาคต
ที่ผ่านมา ฟาร์ลีย์เตือนหลายครั้งว่า บริษัทรถจีนอย่าง BYD เป็นภัยคุกคามความอยู่รอดของอุตสาหกรรมยานยนต์ การเป็นพันธมิตรกับเรโนลต์ครั้งนี้ยังมีความสำคัญสำหรับการหวนคืนตลาดยุโรปของฟอร์ด
ไมเคิล ฟาวดูคิดิส นักวิเคราะห์ของอ็อดโด-บีเอชเอฟ มองว่า ดีลนี้เปิดโอกาสให้เรโนลต์ได้ชดเชยต้นทุนคงที่ของบริษัทและสร้างรายได้ ควบคู่กับนำเสนอวิธีการที่มีประสิทธิภาพด้านต้นทุนในการทำตลาดอีวีราคาจับต้องได้มากขึ้นสำหรับฟอร์ด
การเป็นพันธมิตรนี้ยังตอกย้ำว่า ค่ายรถดั้งเดิมมีความจำเป็นมากขึ้นที่จะต้องร่วมมือกันในเชิงปฏิบัติเพื่อรับมือการแข่งขันจากรถราคาถูกของจีน
ฟาร์ลีย์สำทับว่า เมื่อร่วมมือกัน ฟอร์ดและเรโนลต์สามารถสร้างผู้เล่นที่ทรงพลังในด้านรถยนต์เพื่อการพาณิชย์ขนาดเล็กในยุโรปที่จะกลายเป็นโจทย์หินสำหรับบริษัทจีน
เขายังบอกว่า แม้มีรถตู้จีนในยุโรปไม่กี่แบรนด์ แต่ความจริงฟอร์ดและเรโนลต์ต้องแข่งขันกับค่ายรถจีนโดยตรงทุกวันในตลาดเกิดใหม่
ฟรองซัวส์ โปรวอสต์ ซีอีโอเรโนลต์ เห็นด้วยว่า อีกไม่นาน บริษัทรถจีนจะบุกตลาดยุโรปมากขึ้น และเขาไม่อยากรอจนถึงตอนนั้น
การร่วมมือครั้งนี้เกิดขึ้นหลังจากทีมเจ้าหน้าที่เรโนลต์ไปเยือนสำนักงานใหญ่ในดีทรอยต์ของฟอร์ดเมื่อเดือนมีนาคม อย่างไรก็ตาม ทั้งฟาร์ลีย์และโปรวอสต์ยืนยันว่า ทั้งสองบริษัทไม่มีแผนผนวกกิจการกัน
ส่วนแบ่งตลาดรถยนต์นั่งส่วนบุคคลของฟอร์ดในยุโรปลดลงเกือบครึ่งจาก 6.1% ในปี 2019 เหลือ 3.3% ในช่วง 10 เดือนแรกของปีนี้ ฟอร์ดยังปลดพนักงานและปิดโรงงานในเมืองซาร์ลูอิสในเยอรมนี ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแผนปรับโครงสร้าง
นอกจากนั้น การที่คณะบริหารของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ยุติการสนับสนุนอีวี ค่ายรถหมายเลขสองของอเมริกาแห่งนี้จึงต้องแบกรับค่าใช้จ่ายสองด้านคือ การลงทุนในรถเครื่องยนต์สันดาปและเทคโนโลยีอีวีราคาแพง
การใช้แพลตฟอร์มอีวีของเรโนลต์กับการออกแบบของตนเองจะทำให้ฟอร์ดสามารถแข่งขันในตลาดรถยนต์ไฟฟ้ายุโรปกับบริษัทดั้งเดิมอย่างโฟล์คสวาเกน รวมถึงบริษัทรถจีน
ขณะเดียวกัน นอกจากฟอร์ดแล้ว เรโนลต์ยังพัฒนารถตู้ร่วมกับนิสสันและวอลโว่ กรุ๊ป
เรโนลต์เป็นบริษัทรถกระแสหลักที่มีขนาดเล็กที่สุดในยุโรป และไม่ได้ส่งรถไปขายในจีนหรืออเมริกา ซึ่งเป็นสองตลาดรถใหญ่ที่สุดในโลก ดังนั้น การร่วมมือกับฟอร์ดจึงช่วยให้บริษัทสามารถเพิ่มการผลิตเพื่อลดต้นทุน
บริษัทแดนน้ำหอมแห่งนี้กำลังตามหาพันธมิตรเพื่อใช้ศักยภาพการผลิตของโรงงานอย่างเต็มที่ และลดภาระในการพัฒนาอีวีรุ่นใหม่ๆ
ปี 2026 เรโนลต์จะผลิตรถ 2 รุ่นโดยใช้แพลตฟอร์มจากจีลี่ของจีนในบราซิล และตอนนี้กำลังคุยกับบริษัทรถอีกหลายแห่งที่รวมถึงเชอรี่ของจีนเช่นเดียวกัน เพื่อร่วมกันผลิตและจำหน่ายรถ
โปรวอสต์ทิ้งท้ายว่า เป้าหมายของเรโนลต์คือ เพื่อแสดงให้เห็นว่า บริษัทสามารถผลิตอีวีในยุโรปที่สามารถแข่งขันกับทุกค่าย ไม่เว้นแม้แต่บริษัทรถจีน