xs
xsm
sm
md
lg

กลุ่มพันธมิตรยานยนต์ชี้“ภัยคุกคามชัดเจนซึ่งหน้า” ร้องวอชิงตันห้ามบ.รถ-แบตเตอรี่จีนตั้งรง.ในอเมริกา

เผยแพร่:   ปรับปรุง:


บริษัทรถชั้นนำเตือน “ภัยคุกคามชัดเจนซึ่งหน้า” ต่ออนาคตอุตสาหกรรมยานยนต์ในอเมริกา จากบริษัทรถและแบตเตอรี่ขั้นสูงของจีนที่ได้รับการสนับสนุนอย่างมโหฬารจากปักกิ่ง
ค่ายรถดังรวมพลังเรียกร้องวอชิงตันห้ามบริษัทรถและผู้ผลิตแบตเตอรี่จีนที่ได้รับการสนับสนุนจากปักกิ่งเข้าไปตั้งโรงงานในอเมริกา เนื่องจากเป็น “ภัยคุกคามชัดเจนซึ่งหน้า” ต่ออนาคตอุตสาหกรรมยานยนต์

กลุ่มพันธมิตรเพื่อนวัตกรรมยานยนต์ (The Alliance for Automotive Innovation) ที่เป็นตัวแทนของเจเนอรัล มอเตอร์ (จีเอ็ม), ฟอร์ด, โตโยต้า มอเตอร์, โฟล์คสวาเกน, ฮุนได, สเตนแลนทิส และค่ายรถชั้นนำอื่นๆ อีกหลายแห่ง ยื่นจดหมายต่อสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ เรียกร้องให้คองเกรสส์และคณะบริหารของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ป้องกันไม่ให้บริษัทรถและผู้ผลิตแบตเตอรี่ขั้นสูงที่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลจีน เข้าไปตั้งโรงงานผลิตในอเมริกา รวมทั้งยังต้องการร่วมมือกับคองเกรสส์เพื่อต่อต้านอิทธิพลและกลยุทธ์ระดับโลกของจีน

ในแถลงการณ์ที่ส่งถึงคณะกรรมาธิการของสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ กลุ่มพันธมิตรเพื่อนวัตกรรมยานยนต์ระบุว่า จีนเป็น “ภัยคุกคามชัดเจนซึ่งหน้า” ต่ออนาคตอุตสาหกรรมยานยนต์ในอเมริกา และเรียกร้องให้คองเกรสส์สนับสนุนคำสั่งของกระทรวงพาณิชย์ที่ห้ามนำเข้าบริการและเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารจากจีน ซึ่งเท่ากับเป็นการแบนการนำเข้ารถจากจีนโดยสิ้นเชิง

กลุ่มล็อบบี้ของอุตสาหกรรมยานยนต์แห่งนี้สำทับว่า ไม่ว่าผู้ผลิตรถและแบตเตอรี่ที่ทำธุรกิจในอเมริกาจะลงทุนมากแค่ไหนก็ไม่สามารถต้านทานผู้เล่นจีนที่ได้เงินอุดหนุนจากรัฐบาลและผลิตสินค้าออกมาจนล้นตลาดทั่วโลกเรื้อรัง ซึ่งเข้าข่ายการทุ่มตลาดที่คองเกรสส์และวอชิงตันต้องป้องกันไม่ให้เกิดขึ้นในอเมริกา

ข้อเรียกร้องนี้เกิดขึ้นขณะที่คณะกรรมาธิการการแข่งขันทางยุทธศาสตร์ระหว่างอเมริกากับพรรคคอมมิวนิสต์จีนของสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ ที่มีจอห์น มูเลนาร์ จากพรรครีพับลิกันเป็นประธาน เปิดอภิปรายในหัวข้อ“ม้าโทรจัน: ภัยคุกคามจากจีนต่ออุตสาหกรรมยานยนต์อเมริกัน” ซึ่งเป็นการหารือเกี่ยวกับการเติบโตของอุตสาหกรรมยานยนต์จีนในระดับโลก และการที่จีนครอบงำเทคโนโลยีและวัตถุดิบสำคัญหลายอย่าง เช่น อีวีและแบตเตอรี่ขั้นสูง

มูเลนาร์ระบุว่า ภาคยานยนต์ของจีนไม่ใช่เรื่องราวความสำเร็จทางธุรกิจ แต่เป็นโปรเจ็กต์การเมืองของพรรคคอมมิวนิสต์จีน พร้อมตั้งข้อสังเกตว่า ในช่วงเวลาแค่ 5 ปี จีนสามารถผลักดันตัวเองจากผู้ส่งออกขนาดเล็กเป็นผู้ส่งออกรถยนต์ใหญ่ที่สุดในโลก ปีที่ผ่านมาส่งออกรถถึง 6 ล้านคันในราคาต่ำกว่าราคาตลาดซึ่งบริษัทรถอเมริกาและชาติพันธมิตรไม่สามารถแข่งขันได้

มูเลนาร์ร่ายยาวว่า ด้วยมาตรการอุดหนุนขนาดใหญ่ ตลอดจนถึงการควบคุมวัตถุดิบและห่วงโซ่อุปทาน และกฎระเบียบที่แสวงหาประโยชน์อย่างเอารัดเอาเปรียบ ปักกิ่งได้เปลี่ยนอุตสาหกรรมยานยนต์ในประเทศให้กลายเป็นเครื่องมือของรัฐเช่นเดียวกับที่ทำกับอุตสาหกรรมเหล็กกล้า การต่อเรือ โดรน โพลีซิลิคอน และอุตสาหกรรมอื่นๆ อีกมากมาย

เขาสำทับว่า ทุกครั้งที่สินค้าจากมาตรการอุดหนุนของปักกิ่งถูกส่งออกไปทุ่มตลาดทั่วโลก คู่แข่งหลายแห่งพากันล้มละลาย และทำให้อเมริกาต้องพึ่งพิงจีน แต่ตอนนี้อเมริกาต้องไม่ปล่อยให้สถานการณ์นี้เกิดขึ้นซ้ำรอยในอุตสาหกรรมยานยนต์

มูเลนาร์แนะนำนโยบายในการต่อสู้กับการผงาดขึ้นมาของจีนที่รวมถึงการบังคับใช้กฎหมายเข้มงวดขึ้น และการสร้างข้อตกลงการค้าใหม่ถ้าจำเป็น เพื่อป้องกันไม่ให้รถจีนเข้าไปท่วมตลาดอเมริกาและชาติพันธมิตร

สถานการณ์ดังกล่าวอาจเกิดขึ้นแล้วในเม็กซิโกที่การนำเข้าจากจีนคิดเป็นสัดส่วนกว่า 20% ของยอดขายรถยนต์ขนาดเล็กในเดือนพฤศจิกายน เทียบกับปี 2018 ที่ยอดขายรถนำเข้าจากจีนแทบจะเป็น 0% ทั้งนี้ จากข้อมูลของธนาคารแบงโกของเม็กซิโก

เขายังอ้างอิงข้อกังวลด้านความมั่นคงของชาติเกี่ยวกับรถนำเข้าจากจีน และข้อกังวลที่ว่า ปักกิ่งอาจปิดใช้งานรถด้วยซอฟต์แวร์หรือส่วนประกอบที่ผลิตในจีนในกรณีที่สองประเทศเกิดการเผชิญหน้าครั้งใหญ่ และเสนอให้คองเกรสส์บัญญัติกฎของกระทรวงพาณิชย์ในสมัยอดีตประธานาธิบดีโจ ไบเดน เป็นกฎหมาย โดยกฎดังกล่าวห้ามไม่ให้รถที่ผลิตในอเมริกาใช้ฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์จีน รวมทั้งยังเรียกร้องให้รัฐบาลลงทุนเพื่อส่งเสริมศักยภาพการผลิตในประเทศ

ขณะเดียวกัน จดหมายของกลุ่มพันธมิตรเพื่อนวัตกรรมยานยนต์ยังเรียกร้องให้อเมริกาคงการสนับสนุนตลาดอีวี แม้คณะบริหารของทรัมป์ยุติกฎระเบียบด้านสิ่งแวดล้อมหลายอย่าง รวมทั้งยุติการสนับสนุนเพื่อส่งเสริมการเปลี่ยนผ่านสู่รถยนต์ไฟฟ้าก็ตาม นอกจากนี้ในจดหมายยังกล่าวถึงประเด็นรถอัตโนมัติ เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ แร่ธาตุหายาก ฯลฯ
กำลังโหลดความคิดเห็น