“ในมุมมองของคนทำงานจริงจะรู้อยู่แล้วว่าการทำเสื้อผ้ามันมี waste เยอะมาก ยิ่งผลัดเปลี่ยนแบบบ่อยเท่าไหร่ แต่ ณ ปัจจุบันนี้พยายามที่จะใช้แบบเดิมไม่เพิ่มแบบให้มันยุ่งยากและต่อยอดแบบเก่าไปเรื่อย ๆ อันนี้คือสิ่งที่คิดจริง ๆ ความ Contrast ความแตกต่าง
ก็คงต้องเป็นแบบชุดของจีนเนี่ยแหละค่ะ มันอาจจะไม่ค่อยเหมือนใคร แล้วก็ไม่ค่อยตามกระแสแฟชั่น รู้สึกว่าผู้หญิงสวยได้ในทุกรูปแบบไม่ว่าในแบบไหน ๆ ก็สวยได้ ใช่” คุณลิษา อัศวกิดาการ หรือ คุณจีน ดีไซเนอร์และเจ้าของแบรนด์แฟชั่น ‘B.Contrast’ เสื้อผ้าสำหรับผู้หญิงวัยทำงานซึ่งเป็นกลุ่มลูกค้าหลัก บอกเล่าถึงคอนเซ็ปต์ของการทำงานในระยะหลังมานี้ จากการได้เห็น “เศษผ้า” กองมหึมาที่ตัวเองเก็บสะสมเอาไว้ไม่ยอมทิ้งไป ปีแล้วปีเล่าด้วยความที่เสียดายของ การออกแบบ-เปลี่ยนแบบแฟชั่นแต่ละครั้งซึ่งทำมาหลายปีต้นเหตุของการเกิด waste มากมาย“ไม่ว่าจะเรื่องของการเปลี่ยนแบบบ่อยมาก ๆ ถ้าเกิดเทียบกับพวก Fast fashion อย่างแบรนด์ใหญ่ ๆ รู้เลยเขาผลัดเปลี่ยนแบบบ่อยเท่าไหร่มันเกิด waste ขึ้นมาเยอะมาก ๆ ขนาดจีนเป็นแบรนด์เล็ก ๆ จีนทำแบบแต่ละแบบต้องมีค่าแพทเทิร์น แพทเทิร์นเสีย แพทเทิร์นปรับ อันนั้นก็กระดาษ จีนมีค่าผ้า ค่าต้นแบบที่เสียไปไม่รู้ตั้งเท่าไหร่ ในการทำแต่ละแบบ เมื่อก่อนก็คือพยายามจะทำแบบเยอะ ๆ เนี่ยละค่ะ ดังนั้นทำให้เรารู้สึกตระหนัก รู้ว่าสิ่งเหล่านี้มัน แล้วคือทุกวันนี้ก็คือรู้ว่า “ภาวะโลกร้อน”มันทำให้เราประสบพบเจออะไรบ้าง ทุกอย่างมันเปลี่ยนแปลงเร็วมาก และคือสำหรับจีน(จีนไม่มีลูก) จีนก็ยังคิดอยู่เลยว่าคนมีลูกเขาจะกังวลไหมนะ กับการที่ต้องเติบโตมากับสภาพโลกที่มันเปลี่ยนแบบ น่ากลัวแบบนี้ ก็แค่คิดว่าเราอาจจะเป็นคนตัวเล็ก ๆ แหละแต่ว่า มันก็คือต้องปลูกฝังทุก ๆ คนให้เข้าใจ แล้วคิดแบบนี้ ให้มันเป็นมุมกว้างออกไป”
Born to be ‘Zero Waste’
อย่างกระโปรงรุ่นนี้ที่จีนใส่ จีนทำมาแล้วแบบนี้ ทำมาแล้วน่าจะ 3-4 แบบ(หัวเราะ) แล้วก็จะทำต่อไปเรื่อย ๆ เพราะรู้สึกว่าผู้หญิงทุกคนน่าจะชอบ ก็คืออาจจะปรับสั้นขึ้น ยาวลง เปลี่ยนผ้า เพิ่มสาย คือแบบเปลี่ยนหมด ผู้หญิงมั่นใจว่ามาตรฐานกระโปรงแบบนี้เขาสามารถซื้อได้ ตัวที่ 2 ตัวที่ 3 โดยการปรับนิด ๆ หน่อย ๆ เปลี่ยนผ้าเปลี่ยนทุกอย่างมันก็ปรับได้แล้ว เสื้อก็เหมือนกันก็คือ เสื้อเชิ้ต 1 ตัว มันปรับนิดนึงมันก็ทำแบบใหม่ได้เลย“ต้องบอกพื้นฐานนิสัยเลย(หัวเราะ) เป็นคนขี้เสียดายของอยู่แล้วค่ะ ขี้เสียดายของแบบถ้าถามคนรอบข้างก็จะรู้สึกว่า หรือว่าเป็นคนขี้เหนียวก็ได้ สั่งอาหารเป็นคนสั่งมาพอดีกิน ไม่เหลือ เหลือจะเสียดาย (ถ้าเหลือจะต้องเป็นคนกิน) ยกตัวอย่างนะคะเป็นคนพื้นฐานลักษณะนี้อยู่แล้ว เป็นคนขี้เสียดายของ”
จบใหม่ ๆ จีนทำมาร์เก็ตติ้ง จีนเป็นพีอาร์ที่บริษัทแห่งหนึ่ง(เป็นพีอาร์ภาคภาษาอังกฤษ) อยู่ประมาณ3 ปี แล้วก็ออกมาทำธุรกิจกับเพื่อนเพราะว่าเพื่อนสนิทชวน เปิดร้านที่สยามฯ เป็นร้านเสื้อผ้า TaylorMade ตัดสูท ชุดราตรี แล้วก็มีช่างประจำร้านตอนนั้นมีหลายคนอยู่ ตอนนั้นทำกับเพื่อนก็เป็นหุ้นกัน ทำอยู่ประมาณปีสองปี“ธุรกิจที่ทำตอนนั้นเกิดจาก “ความรัก” ในเรื่องการทำเสื้อผ้าที่มีอยู่เป็นทุนเดิมมาแล้ว ตั้งแต่เด็กเป็นเด็กผู้หญิงที่หยิบกระโปรงแม่มาใส่เป็นเกาะอก เดินใส่ส้นสูง หรือไม่ก็เล่นตุ๊กตากระดาษแต่ง หรือว่าบาร์บี้อย่างเงี้ย ก็จะเอาเศษผ้ามาใส่เป็นเสื้อมาผูกเป็นชุดให้เค้าอะไรอย่างเงี้ยค่ะ เป็นผู้หญิงที่สนใจในเรื่องของการแต่งตัว ในการแบบ mix and match แล้วพูดง่าย ๆ เป็นคนที่ชอบวาดรูปมาตั้งแต่เด็ก”จน “แม่” แบบพูดเลยว่า(ตอนนั้นน่าจะเป็นช่วงต่อ ม.ปลาย) บอกว่าเราไปเรียนสายอาชีพไปเลยไหม ถ้าเกิดสายวิชาการเราไม่ได้แบบโฟกัส จีนก็ตอนนั้นก็ยังโมโหแม่(หัวเราะ) ยังทะเลาะกันอยู่เลยว่าเอ้ย ทำไมไม่ให้เราเรียนเหมือนเส้นทางอื่น ๆ เหมือนที่เพื่อน ๆ เรียนกันทำไมให้เราไปเรียนสายนี้เราไม่เอา! เราจะเรียน
เริ่มต้นธุรกิจมากับตลาดออนไลน์ แจ้งเกิดด้วยงานคราฟท์ (Customize)
“เริ่มมาทำเป็นกระเป๋างานปักก่อน อาจจะเพราะช่วงนั้นตามกระแสด้วย กระเป๋าปักชื่อกำลังเริ่มได้รับความนิยม ก็ค่อนข้างฮิตเลยนะคะมีหลายแบรนด์ที่โอเคดี เป็นงานคราฟท์ไหม? ใช่ล่ะค่ะใช่ เพราะว่ามันเป็นกระเป๋าที่ปักใบต่อใบ กระเป๋าที่แฮนด์เมดจริง ๆ แต่ว่าก็เหมือนตอนที่จีนเข้ามาในตลาด ณ เวลานั้น ไม่ได้เข้ามาสายนะคะ ก็เข้ามาช่วงที่คนกำลังเริ่มฮิต” ช่องทางการขายก็คือออนไลน์ 100% มาตลอด เริ่มต้นจากอินสตาแกรม (ไอจี) แล้วก็เฟซบุ้กเป็นหลัก กลุ่มลูกค้าหลักเลยคือมาจากอินสตาแกรม“จนกระทั่งมาถึงเมื่อเร็ว ๆ นี้ จีนเพิ่งจะมาปรับแนวทางของแบรนด์นะคะ ก็ใช้เป็นเสื้อผ้าแนวหวานต่อยอดจากกระเป๋าลายปักดอกไม้ เพราะ ณ ตอนนั้นเข้าใจและคิดเอาเอง คิดไว้ว่าผู้หญิงเราเป็นผู้หญิงสายหวาน ก็เลยทำชุดออกมาก็คือชุดทุกแบบก็เป็นแบบที่เหมือนเดิม ออกแบบเอง-ครีเอทเอง โดยการที่อาจจะไปเห็นของคนอื่นแล้วเราก็มาพัฒนา เติมตรงนี้หน่อย เอ้ยปรับแขนหน่อยอะไรอย่างเงี้ยค่ะ ให้ได้เป็น “ชุดเดรส” ก็ฟีดแบ็คดีอยู่ ยังมีคนเอาไปก๊อปปี้ด้วย”
ต่อยอดสู่แฟชั่นเสื้อผ้า ‘B.Contrast’ จับตลาดกลุ่มผู้หญิงสายหวานก่อน
สวมใส่สบาย แล้วก็เป็นเสื้อชุดเดรสฟรีไซซ์ที่ใส่ได้ตั้งแต่ ผู้หญิงไซซ์ S จนถึงไซซ์ L หรือ XL ยังได้เลย เพราะว่าขนาดสัดส่วนของชุดของจีนโดยมาตรฐานเลย อก 42 สะโพก(บางที) บานจนถึง 48 ดังนั้น ลูกค้าที่ชอบเนี่ยเขาจะเลือกใส่ก็คือ ผู้หญิงที่เริ่มมีสัดส่วนแล้ว และก็มองหาเสื้อใส่สบาย แล้วก็มองหาเสื้อที่เหมือนหยิบใส่ชุดเดียวจบ ฉันไม่ต้องคิดแต่งอะไรเพิ่มเติมแล้วเพราะมันเป็นชุดเดรสซะส่วนใหญ่“ก็คือเราจะทำในแบบที่เรารู้สึกว่า มันสวย แล้วก็เหมาะกับ(น่าจะเหมาะกับ) กลุ่มลูกค้าอย่างเงี้ยค่ะ ก็จะไม่ค่อยไปทำตามกระแส” คือเพื่อนจีน คนรอบตัว ก็มักจะบอกเหมือนกันว่า คือกว่าจะมาจนถึงมาเรื่อย ๆ เนี่ยนะคะ เขาก็จะแบบ ทำไมไม่ซื้อมา-ขายไป ทำไมต้องมานั่งทำงานเอง เหนื่อยจะตายปวดหัว แต่สำหรับจีน“ตั้งแต่ต้นจนมาถึงทุกวันนี้ ตั้งแต่การตั้งชื่อแบรนด์ จีนยึดถือในเรื่องการสร้าง Branding มาก สร้างแบรนดิ้งคือสำหรับจีน ซื้อมา-ขายไปรวยไหม? รวยกว่าเยอะ ไม่เหนื่อยด้วย แต่เรา มันมีความรู้สึก “ลึก” ตรงนี้ สิ่งเหล่านี้มันคืองานศิลปะ มันคือความภาคภูมิใจแบบที่เราออกมา มันคือสิ่งที่จีนทำมาแต่ต้นด้วยสิ่งที่จีนเลือกผ้าเอง ออกแบบเอง ประดิษฐ์เอง มันคือความภูมิใจส่วนตัวที่แบบอาจจะบอกคนอื่นไม่เข้าใจ” หรือถ้าจะต้องมีจริง ๆ ในอนาคตนะคะสมมติ จีนก็จะต้องซื้อมาแล้วต้องมาตัดแขนมาแต่งลุคใหม่ คือจะแบบไม่ให้เขาไปแบบธรรมดาแบบนั้นแน่ ๆ
เสื้อตัวนี้คือจีนตัดเศษผ้าจากชุดเดรส(เก่า) คือชุดเดรส(เก่า) ของจีนมันเป็นคอลเล็กชั่นเดิมที่เหลือสต็อก ขายไม่หมด ขายไม่หมดจีนเลยอันนี้จีนทำเองเลย จับตัดทิ้งเลย(จับตัดเดรสทิ้ง) แล้วก็ Design ใหม่ ดีไซน์เดรสตัวนั้นใหม่ ขายหมดไปแล้ว! สุดท้ายพอเอามา Remake ใหม่ก็ขายหมด ก็เอาเศษผ้านั้นมาทำตัวนี้เพราะมันทำได้ มันใช้ผ้าไม่ได้เยอะมาก ก็มาทำได้อีกแบบหนึ่ง ก็เป็นแบบที่คนชอบอยู่เหมือนกัน“คือเหมือนบางทีมันอาจจะหลุดกระแสค่ะ ก็เอามาตัดทิ้งสุดท้ายก็ขายได้ ได้ลูกค้ากลุ่มใหม่ด้วย ใช่ค่ะ เอามาทำเป็นเสื้อ” เป็นการ Audit สต็อกไปด้วยในตัว แบบไม่มีอะไรต้องทิ้งเลย ซึ่งตอนนี้จีนก็เริ่มเอาเสื้อผ้าค้างสต็อกเดิม ๆ ของจีนเอามาปรับแบบอยู่ ก็ยังมีอีกประมาณ 2-3 แบบ(หัวเราะ) เพราะว่ารู้สึกว่าตอนนี้คนเขาเริ่มใส่กันแบบนี้นะ เอาแบบเก่าของจีนมาตัดเป็นเสื้อบ้าง เอาแบบกระโปรง(เก่า) มาตัดเป็นแบบกระโปรงทรงป้ายบ้าง อะไรอย่างเงี้ย เพราะด้วยความที่เป็นคนชอบแต่งตัว Mix and match อยู่แล้ว แล้วก็คือจะแต่งให้ลูกค้าดูว่ามันแต่งได้นะแบบนี้ ให้เขาเห็นเป็นไอเดีย
Remake & Redesign สร้างชีวิตใหม่สู่การเพิ่มมูลค่า
“ที่เราแบบต้องยึดอย่างหนึ่งค่ะว่าผู้หญิงจริง ๆ มันสวยได้ด้วยที่ความมั่นใจ แต่งยังไงก็สวย แบบหุ่นแบบไหนก็สวย ถ้าคุณแบบอยากจะแต่ง มีคนแต่งหลุดโลกกว่าจีนอีก คือจริง ๆ จีนเป็นคนลึก ๆ คือเป็นคนไม่ค่อยมั่นใจนะคะ ไม่มั่นใจเลย แต่ว่าเป็นคนชอบแต่งตัว” คือเป็นคนไม่มั่นใจแต่เป็นคนแต่งตัวแบบไม่สนใจ(หัวเราะ) ถามว่าลูกค้า get กับงานของเราที่ทำออกมาแบบนี้ไหม? ถ้า 2 ตัวที่ผ่านมาคือ get แล้วอีกสองตัวที่กำลังจะทำออกมาก็คิดว่าคง get เพราะว่าตั้งแต่ทำเสื้อมา แบบเสื้อของจีน ถ้าเกิดดูลึก ๆ ลงไปมันค่อนข้างจะ Niche มาก กลุ่มคนที่จะชอบ น้อย แต่ถามว่ายังอยู่ได้ไหม? อยู่ได้“นั่นแปลว่าบนโลกนี้มันมีความต้องการที่กำลังหาอยู่ ลูกค้าเห็นแล้วลูกค้าจีนไซซ์ XL, L เยอะมาก อ๋ออีกจุดเด่นหนึ่งที่จีนอยากจะบอกคือ จีนสามารถตัด customize ให้ลูกค้าได้ ลูกค้าหลายคนที่(เพราะจีนเป็นคนตอบแชทเอง) บางคนที่ไซซ์แบบพิเศษมาเขาก็จะถามว่า ตัดให้ได้ไหม? ถ้าจีนต้องเหมือนมีแพลนที่จะผลิตต่อสมมตินะคะว่า เอ้ยผ้ายังเหลืออยู่จีนสามารถผลิตได้ จีนให้ช่างทำให้ customize ได้สำหรับผู้หญิงที่อยากใส่แบบนี้แต่ฉันไม่สามารถใส่ได้! หลายคนมากที่จีนตัดให้แบบเป็นไซซ์พิเศษ” แต่ก็จะมีค่าแบบให้ช่าง ค่าแบบที่ได้มาจากลูกค้าคือจีนให้ช่าง 100% เลย เพราะว่าจีนรู้สึกว่าการที่เขาต้องมานั่งปรับแบบมันไม่ใช่เรื่องง่ายก็ให้เขาไปเลยเพื่อเป็นกำลังใจ แต่ว่าจีนได้ลูกค้าประจำกลับมา
ก็ราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 500 จนถึง 1,000 ต้น ถ้าเทียบกับแบรนด์แฟชั่นเจ้าตลาดรายใหญ่ (SARA/H&M) แล้วจีนว่าอยู่ในราคา ไม่ถูก แต่ก็กลาง ๆ ไม่แพง เพราะว่าถ้าเกิด “ราคา” ซารา H&M ที่เป็นราคาแบบแมสทั่วไปที่ปานกลางก็ยังแพงกว่าของจีนอยู่
ท่ามกลางวิกฤตของการแข่งขันปรับตัวด้วยการสร้าง Brand loyalty
ในการออกคอลเล็กชั่นใหม่ก็จะเรื่อย ๆ เลย หลัง ๆ เริ่มพยายามอยากจะเน้นความหลากหลายให้ลูกค้าดูแล้วไม่เบื่อ ก็จะหยิบมาเนี่ยอย่างช่วงนี้ก็จะหยิบแบบเก่ามาทำแบบใหม่ มาแทรก ๆ ให้ลูกค้าเขาดูค่ะ“ถ้าพูดถึงเรื่องความถี่เนี่ยอาจจะบอกได้ เดือนนึง 2-3 แบบ ก็เยอะอยู่ค่ะ(ในตัวคนเดียวที่ทำเองเกือบจะทุกโปรเสส) ต้องบอกเลยว่าความชอบตัวเองเป็นพื้นฐาน เพราะจีนเป็นคนที่แต่งตัวไม่ติดเทรนด์ก็คือใครเขาใส่อะไรยังไงก็ไม่ค่อยจะสนใจ คือรู้สึกว่าตัวเองก็คืออยากใส่อะไรก็คือใส่แบบนั้น แล้วต้องบอกว่าทุกสิ่งที่ทำออกมา มันก็ขายได้! นั่นแปลว่ามันมีกลุ่มลูกค้าที่เขาก็เป็นแบบเรา” คือพอเวลาโปรโมทไอจีไปเขาก็จะวิ่งหากลุ่มคนที่กำลังมองหาสิ่งนี้อยู่ ซึ่งมันก็เจอแทบจะทุกครั้ง
อุปสรรคใช่ไหมคะ ต้นทุน และก็ TikTok อุปสรรคเลยจีนต้องบอกว่าตั้งแต่ 2-3 ปีที่ผ่านมา ที่มีตลาดออนไลน์จากแพลตฟอร์มนี้มา(ตั้งแต่ก่อนที่คนอื่น ๆ จะมีปัญหา) คือด้วยความที่เราทำตรงนี้มานาน ตั้งแต่ตลาดนี้เข้ามาทำให้ตลาดเมืองไทย ผู้ประกอบการไทย ช่างคนไทย ล้มหายตายจากกันไปเยอะมาก!“ความไว ต้นทุน ราคาขาย คือราคาต้นทุนของจีนบางทีค่ะ ค่าช่างจีนยังไม่ได้เท่ากับราคาที่เขาขายในติ๊กต่อกเลย จีนน่ะการแข่งขันจีนสู้เขาไม่ได้เลย สู้ไม่ได้แทบจะไม่ได้เลย! ค่ะมันยากมาก แล้วด้วยผู้บริโภคปัจจุบันนี้เขามีการปรับเปลี่ยนในเรื่อง “พฤติกรรม” การใช้ของ เอ่อเขาก็ไม่ได้ติดแบรนด์กันเยอะ ใช้ของแบบ ซื้อของในติ๊กต่อกกันปาว ๆ ด้วยราคา” และก็ช่างต่าง ๆ เนี่ยที่เคยทำอยู่กรุงเทพฯ ตอนนี้ก็ไม่ไหว ไม่มีงานก็ ย้ายไปอยู่ต่างจังหวัดกันหมด (เราก็กระทบตรงนี้ด้วย) เปลี่ยนงานไม่ทำแล้วเสื้อผ้าเพราะว่าเดี๋ยวนี้คือกำลังของผู้ประกอบการคือ สั่งไม่ได้เหมือนเก่า “ได้รับผลกระทบมาก ส่วนการปรับตัวก็คงต้องพยายามเข้าใจผู้บริโภคให้มากขึ้น และก็ยึดความเป็น“แบรนด์” ของจีนน่ะค่ะ(แต่ไม่ได้ไปแข่งราคา) จีนคงลดได้มากไม่ได้ขนาดนั้น! นะคะคือจีนคงยึด ในเรื่องของไลฟ์สไตล์ ในสิ่งที่จีนนำเสนอให้ลูกค้ามากกว่าสิ่งที่ คือคงพยายามสร้างแบรนด์ในแบบฉบับของจีนต่อไปเรื่อย ๆ ให้ลูกค้าเห็นว่า สิ่งที่จีนทำในสิ่งที่แบรนด์ ‘B.Contrast’ เป็นเนี่ยมันเป็นแบบนี้แหละ” ซึ่งก็มีลูกค้าซื้อของ ๆ จีน คือในแบบที่จีนนำเสนอไป ถามว่า “คู่แข่ง” สมัยนี้มันเยอะไหม? เยอะมาก! เขาจะไปซื้อคนอื่นก็ได้ แต่เขาก็คือยังซื้อของจีนในสิ่งที่จีนนำเสนอเขาค่ะ ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะสู้ไหวไหม
Next Station ของการดีไซน์ต่อไป...
คุณจีน-คุณลิษา อัศวกิดาการ เจ้าของแบรนด์ ‘B.Contrast’ บอกด้วยว่า จีนเป็นคนชอบแต่งตัวชอบ mix and match เห็นอะไรสวย ๆ จีนก็จะแบบ เอาอีกแล้วแพ้ตัวเอง(หัวเราะ) จะต้องแบบทำแบบที่ตัวเองอยากใส่จนได้ ซึ่งมันก็อาจจะหลุด Theme ไปบ้างไม่ได้ 100% แต่ว่าบนพื้นฐานของ นับต่อแต่นี้ไปที่ตั้งใจจะทำ“พื้นฐานก็คือจะพยายามคง “โทนสี” ด้วยนะคะ โทนสีด้วย เมื่อก่อนเนี่ยจะใช้โทนพาสเทล(ผู้หญิง ๆ) ต่อไปนี้ก็คือจะทำเป็นโทนสีเอิร์ธโทนให้มากขึ้น ให้มันเรียบ ใส่ง่ายขึ้น” ผู้หญิงแบบสามารถหยิบใช้ได้บ่อย เหมือนที่เวลาจีนทำชุด จีนก็ต่อไปนี้เมื่อก่อนจะ base on ลูกค้าคิดว่า ผู้หญิงสายหวานต้องชอบแบบนี้ แต่นับต่อแต่นี้ไปพยายาม base on ตัวเองว่า จีนชอบแบบไหนจีนก็จะทำแบบที่จีนชอบ แต่บนพื้นฐานที่สามารถใส่ไปเที่ยวได้จริง ๆ บนไลฟ์สไตล์ของผู้หญิงที่ชอบไปคาเฟ่ ต้องแต่งตัวได้ขนาดไหน? ในอายุเท่าจีนนะคะ เพราะว่าเด็กวัยรุ่นคือจีนจะไม่แตะแล้วเพราะจีนจำไม่ได้ ก็คือเป็นอายุของผู้หญิงเจน Y จนถึงเจน Z ปลาย ๆ จีนก็ยังอยากได้กลุ่มนั้นอยู่ “เจน Y ไปคาเฟ่ต้องแต่งตัวแบบนี้ เสื้อเนี่ยแยกชิ้นได้ เสื้อ-กระโปรงที่จีนขายพยายามอยากจะทำให้มันครบเซ็ต เพราะรู้สึกว่าผู้หญิงบางคน ง่าย ความหมายคือฉันขี้เกียจคิดว่าฉันอยากแต่งตัวยังไง คุณยกเซ็ตให้ฉันเลยเนี่ยเสื้อ-กระโปรง เอาไปเลย จีนจะพยายามทำเป็นเซ็ตให้เขา” แต่เซ็ตนี้จะต้องแยก “ชิ้น” ใส่ได้ด้วย อันนี้คือสิ่งที่อยากจะทำในอนาคต
สร้างชีวิตใหม่ด้วยแฟชั่นที่ใส่ใจโลก ‘B.Contrast’ ให้ผู้หญิงสวยมั่นใจในแบบเป็นตัวเอง แบรนด์ที่ใส่แล้วรักษ์เลย เราได้เรียนรู้ไอเดียดี ๆ จากดีไซเนอร์เจ้าของแบรนด์แฟชั่นเสื้อผ้าสำหรับผู้หญิง ที่ต้องบอกว่า Born to be เพื่อจะมาทั้ง ช่วยโลกในการลดขยะ(ไม่เพิ่มความยากในการกำจัด) ด้วยการรีเมค+รีดีไซน์ สร้างชีวิตใหม่ให้กับชุดที่หลุดเทรนด์ไปแล้ว(ค้างสต็อก) กลับมาเพิ่มมูลค่าให้กับเจ้าของแบรนด์ในรูปแบบของคอลเล็กชั่นใหม่แทนได้ บนพื้นฐานที่มีคือความรักความชอบ(อิน) ในเรื่องการออกแบบ-ครีเอทเอง ซึ่งสิ่งนี้สำคัญมาก ๆ ในการที่จะขับเคลื่อนธุรกิจให้เดินหน้าต่อไปด้วย Passion เจ้าของธุรกิจที่ไม่เคยหมดหรือหยุดนิ่งเลย และในขณะที่ audience เองหรือลูกค้าผู้ที่ได้เห็นการนำเสนอชิ้นงานแต่ละครั้งที่ออกมา ก็ตอบรับเพราะ “ตรงความต้องการ” กันพอดีเลย ทั้งยังสร้างความพึงพอใจมากขึ้นไปอีกด้วยการ customize เป็นไซซ์พิเศษให้ได้ตาม(ใจของคนที่อยากใส่ชุด) สวยมั่นใจในแบบที่เป็นตัวเองมากกว่าที่เคย เพราะผู้หญิงทุกคนสวยได้จากความมั่นใจที่เธอกล้าสะท้อนตัวเองออกมา อีกเรื่องซึ่งถือเป็นการสร้างความตระหนักแบบไม่ต้องถูกยัดเยียดเลยก็คือว่า เป็นแบรนด์เสื้อผ้าให้ผู้คนได้รักษ์(โลก) ไปพร้อมกับการสวมใส่เลยทันทีด้วย ขอบคุณเจ้าของแบรนด์ที่กรุณาร่วมแบ่งปันในครั้งนี้
สามารถติดตามผลงานแฟชั่นใหม่ ๆ เก๋ ๆ ของแบรนด์ ‘B.Contrast’ ผ่านช่องทางออนไลน์ต่าง ๆ ในชื่อเดียวกันนี้
หรือ becontrast.shop หรือโทร. 090-246-2656
คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า "SMEsผู้จัดการ" รับข่าวสารในแวดวงธุรกิจเอสเอ็มอีที่สมบูรณ์แบบที่สุด