xs
xsm
sm
md
lg

(ชมคลิป) เส้นทางธุรกิจ “สุรีย์พร” กว่า 10 ปีกับการปั้นแบรนด์ จากเงินเดือน 9 พันสู่หลักหลายสิบล้านในวันนี้

เผยแพร่:   ปรับปรุง:



กว่าจะมีวันนี้ “สุรีย์พร” แบรนด์สกินแคร์และคอสเมติกฝีมือคนไทยที่โลดแล่นในวงการตลาดความงามมาตั้งแต่ยุคโซเชียลแคม โดยมี อาย-ณัฐธิดา สิงห์โท เจ้าของแบรนด์ทีเริ่มต้นจากความชอบส่วนตัวแม้จะสวนทางกับความคาดหวังของครอบครัวที่ต้องการให้ทำงานในสายข้าราชการ แต่เธอพิสูจน์ให้ครอบครัวได้เห็นว่าการเป็นแม่ค้าขายของออนไลน์และมีแบรนด์เป็นของตัวเองสามารถเลี้ยงปากท้องคนในครอบครัว พนักงานในบริษัทและตัวเองได้เป็นอย่างดี เส้นทางชีวิตของการลุยธุรกิจความงามของเธอนั้นเป็นตัวอย่างของผู้ประกอบการเอสเอ็มอีที่พยายามทำในสิ่งที่ตัวเองรักให้ออกมาในรูปแบบธุรกิจเพื่อสร้างรายได้ได้นั่นเอง


นางสาวณัฐธิดา สิงห์โท หรือ อาย เจ้าของแบรนด์สุรีย์พร เล่าว่า เธอเกิดและโตในจังหวัดอุดรธานี ทางครอบครัวคาดหวังให้เรียนต่อและทำงานในสายอาชีพข้าราชการ เงินเดือนเริ่มต้น 9 พันบาท ซึ่งเธอเองก็ทำตามที่ครอบครัวคาดหวังไว้โดยทำงานในสายอาชีพสาธารณสุข แต่ในระหว่างที่ทำงานนั้นเธอก็แอบขายของไปด้วย ในช่วงนั้นเป็นยุคที่แพลตฟอร์มอย่างเฟซบุ๊กกำลังเป็นที่นิยมและกระแสที่หลายคนอาจจะคุ้นเคยคือยุคของวลีดังอย่าง “โซเชียลแคม” เธอจึงได้เริ่มต้นสร้างตัวตนจากการสร้างคอนเทนต์และคลิปวิดีโอที่นำเสนอตัวตนของเธอผ่านแพลตฟอร์มดังกล่าวไปด้วยแต่ก็มีอุปสรรคเกิดขึ้นเพราะหัวหน้างานบังเอิญเจอและได้เรียกเธอเข้าไปพบพร้อมกับเสนอข้อตกลงว่าให้เธอหยุดทำคอนเทนต์วิดีโอแล้วตั้งใจทำงาน หรือ ออกจากงานไปทำคอนเทนต์วิดีโอแล้วขายของ ทำให้เธอเกิดความกลัวขึ้นมาเพราะกลัวพ่อกับแม่ผิดหวัง


หลังจากนั้นเธอไปนำเอาสเตทเมนท์รายได้ของการขายของออนไลน์ไปให้พ่อกับแม่ดูว่าการขายของออนไลน์ของเธอทำรายได้ให้มากกว่าเงินเดือนของงานประจำ แต่พ่อกับแม่ยังคงไม่ให้ทำ จนกระทั่งเธอได้ร้องไห้ออกมาและพรั่งพรูความรู้สึกพร้อมกับบอกความในใจของเธอเรื่องการทำตามที่พ่อกับแม่อยากให้เรียนหรือทำงานตามที่คาดหวัง เธอเองทำให้ได้หมดทุกอย่างไม่เคยขัดแม้ครั้งเดียวแต่ไม่เคยมีความสุขตั้งแต่เรียนจนทำให้ เธอได้บอกพ่อกับเธออีกว่า “หนูขอชีวิตของหนูได้ไหม” โดยขอเวลา 1 ปี เพื่อพิสูจน์ตัวเองถ้าหากไม่สำเร็จจะกลับมาทำตามที่พ่อกับแม่ต้องการ พ่อกับแม่ของเธอจึงตกลงลองให้ทำ และจากการพูดคุยดังกล่าวทำให้เธอสร้างตัวตนและเกิดเป็นแบรนด์ “สุรีย์พร” ขึ้นมา

ในช่วงเริ่มต้นนั้นเธอเริ่มจากการทำ “สกินแคร์” ในตอนนั้นเทรนด์เมื่อ 10 ปีที่แล้วจะมีสินค้าประเภท สบู่ เซรั่ม และอื่นๆ อีกมากมาย ต่อมาเธอก็เริ่มแตกไลน์สินค้ามาเป็น “คอสเมติก” อย่าง “ลิปลอกสุรีย์พร” ซึ่งเมื่อทำออกมาขายก็ได้รับผลตอบรับที่ดีจากกลุ่มลูกค้า สินค้าตัวที่สองคือ “ลิปแมทสุรีย์พร” ขายดีเช่นเดียวกัน ซึ่งหลังจากที่สินค้าทั้งสองตัวได้รับการตอบรับที่ดีจากลูกค้าเพิ่มขึ้นแล้วเธอก็เพิ่มไลน์ผลิตตัวที่สามคือ “แป้งพัพสุรีย์พร” ซึ่งเริ่มต้นจากการขายแบบ “ระบบตัวแทนจำหน่าย” แต่ในช่วงโควิด-19 เจอวิกฤตใหญ่เพราะยอดจากตัวแทนไม่มี ยอดขายเป็นศูนย์ ทำให้ต้องคิดหาวิธีหารายได้เพื่อมาจ่ายเงินเดือนพนักงาน


ทำให้เธอได้พูดคุยกับสามีว่า “มาไลฟ์สดขายของกันเถอะ” เพราะเทรนด์สินค้าในตอนนั้นเป็น “ของกิน” เธอจึงไปหาซื้อของกินต่างๆ มาไลฟ์สดและขอสต็อคสินค้านั้นๆ มาขายเพื่อให้ได้รายได้จากการขาย ซึ่งในช่วงที่กำลังไลฟ์สดนั้นเธอก็ได้หยิบเอาสินค้าของตัวเองมาลองขายบ้าง แต่มีตัวแทนจำหน่ายเข้ามาบอกว่าไม่อยากให้เธอขายสินค้าของเธอในไลฟ์เพราะเธอเคยบอกว่าจะไม่ขายแต่กลับมาขาย ตอนนั้นถ้าหากไม่ขายจะไม่มีเงินมาจ่ายพนักงานแล้ว ทำให้ตัวแทนจำหน่ายส่งข้อความมาหาภายหลังว่า “ไม่ได้ทำการตลาด ไม่ทำอะไรเลยแต่มาขายของตัดหน้าตัวแทน” หลังจากนั้นก็มีข้อความมาอีกว่า “อย่าลืมนะว่ามีวันนี้ได้เพราะตัวแทน” ทำให้เธอคิดหลายอย่างในเวลาเดียวกันแต่ก็ตกผลึกได้ว่าต้องทำให้แบรนด์ยืนอยู่ได้ด้วยตัวเองถึงแม้ไม่มีระบบตัวแทนก็สามารถเดินหน้าต่อเองได้

หลังจากนั้นก็เริ่มมีแพลตฟอร์ม TikTok เกิดขึ้นและเป็นช่วงที่ได้รับความนิยมอย่างมากในช่วงโควิด-19 เธอเองก็เป็นอีกหนึ่งผู้ประกอบการที่เข้าร่วมแพลตฟอร์ม จนกระทั่งมี TikTok Shop ที่เป็นพื้นที่ให้กับผู้ประกอบการได้วางขายสินค้าในแพลตฟอร์มได้ ทางแบรนด์จึงได้นำสินค้าของตัวเองไปวางขายในแพลตฟอร์มดังกล่าวเช่นเดียวกับแบรนด์อื่นๆ และทำให้ลูกค้ารู้จักแบรนด์ “สุรีย์พร” มาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจากโควิด-19 ยอดขายเติบโตเพิ่มขึ้น 145% หลายสิบล้านบาท และทางแบรนด์ตั้งเป้าให้เติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่องในทุกๆ ปี เจ้าของแบรนด์เปิดเผยว่าเงินลงทุนก้อนแรกมาจากเงินแต่งงานที่แบ่งมาลงทุนครั้งแรก 40,000 บาท โดยในช่วงปี 2566 สินค้าของทางแบรนด์ได้รับความนิยมจากกลุ่มลูกค้าจำนวนมาก และจุดพีคที่สุดคือการที่ “พิมรี่พาย” นำสินค้าของแบรนด์ไปไลฟ์สดขาย ทำให้ลูกค้ารู้จักแบรนด์เพิ่มมากขึ้นอย่างก้าวกระโดด

เทคนิคการขายของฉบับของแบรนด์สุรีย์พรคือทำคลิปวิดีโออย่างต่อเนื่อง หลังจากทำคลิปวิดีโอแล้วก็ไลฟ์สดเพื่อขายของอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเจ้าของแบรนด์บอกว่าทำคอนเทนต์เพื่อสู้กับตัวเองไม่ได้ทำคอนเทนต์สู้หรือแข่งกับแบรนด์อื่น ทำให้เสน่ห์ของคอนเทนต์จะเป็นเอกลักษณ์เฉพาะแบรนด์


เจ้าของแบรนด์เปิดเผยว่าจุดยืนของแบรนด์คือ “ลูกค้า” และ “สินค้า” ที่ตอบโจทย์ เมื่อสินค้าตอบโจทย์หรือไปแก้ปัญหาต่างๆ ของลูกค้าได้ ผลตอบรับที่ได้กลับมาจึงเป็นสิ่งที่ดีและเป็นกำลังใจในการสร้างคอนเทนต์และพัฒนาสินค้าให้ตอบโจทย์กลุ่มลูกค้ามากที่สุด ปัจจุบันทางแบรนด์ทำการตลาดในประเทศไทยและมีความหวังที่ต้องการไปโลดแล่นในตลาดต่างประเทศได้บ้าง ในตอนนี้ทางแบรนด์ผลิตสินค้าแบบ OEM กับโรงงานที่ได้คุณภาพ

ในปัจจุบันแบรนด์สกินแคร์หรือคอสเมติกมีจำนวนมากในประเทศไทย ตลาดความงามก็มีการแข่งขันค่อนข้างสูง แต่สิ่งที่ทำให้ลูกค้าหันมาสนใจแบรนด์สุรีย์พรคือการสร้างคอนเทนต์ให้เข้าใจผู้บริโภค โดยเจ้าของแบรนด์ให้คำนิยามว่า “เป็นเพื่อนลูกค้า” เพราะในแต่ละคอนเทนต์ที่ลงจะเน้นการใช้งานสินค้าด้วยตัวเอง เพื่อให้กลุ่มลูกค้าได้เห็นถึงการใช้งานจริงและสามารถตอบโจทย์ลูกค้าได้

สำหรับในระยะสั้นทางแบรนด์มองถึงโอกาสในการเติบโตของแบรนด์ว่าต้องการให้กระจายสินค้าให้กับผู้หญิงทั่วประเทศได้ใช้สินค้าของเธอ โดยในปัจจุบันกลุ่มลูกค้าหลักคือผู้หญิงที่อาศัยในพื้นที่ต่างจังหวัด เพราะต้องการให้สินค้ากระจายไปให้ลูกค้าผู้หญิงที่ต้องการความสวยและมีราคาที่เข้าถึงได้ง่าย เพราะเธอเองก็เป็นผู้หญิงที่มาจากต่างจังหวัดเช่นเดียวกัน


นอกจากนี้ลูกค้ากลับมาซื้อซ้ำจาก 3 เดือนที่ผ่านมาประมาณ 52% ซึ่งเป็นเครื่องการันตีว่าลูกค้าชื่นชอบและกลับมาซื้อซ้ำบ่อยครั้ง โดยใน 1 เดือนทางแบรนด์สามารถขายสินค้าแป้งพัพได้ประมาณเดือนละ 100,000 ชิ้น ทั้งนี้ยังมีสินค้าตัวใหม่ที่วางขายเมื่อเดือนสิงหาคม 2568 ที่ผ่านมา โดยวางขายในร้านสะดวกซื้อชื่อดังอย่าง เซเว่น อีเลฟเว่น ปัจจุบันสามารถขายสินค้าไปได้กว่า 2 ล้านชิ้น

ในส่วนของการเริ่มทำธุรกิจที่เริ่มจากการเป็นผู้ประกอบการเอสเอ็มอีนั้น เจ้าของแบรนด์เผยถึงเคล็ดลับว่า “จริงๆ อายเริ่มต้นจากความชอบ แล้วก็เป็นคนมีความพยายามอยากที่จะทำ ตื่นขึ้นมาทำแล้วมีความสุข วันไหนไม่ได้ทำงานก็จะรู้สึกว่าต้องหางานให้ตัวเอง มันทำมาจนกลายเป็นว่ามันเข้าไปในเส้นเลือด เป็น DNA ไปแล้ว คือตื่นมาให้รู้สึกว่าเราอยากทำงาน ทำงานด้วยความสุข ความหวังทุกอย่าง และทำไปเรื่อยๆ สุดท้ายเวลาอายล้ม อายไม่เคยมองว่ามันเจ็บเพราะอายไม่มีเวลารู้สึกเจ็บเลยค่ะ ถ้าล้มสิ่งที่ทำก็คือต้องรีบลุกขึ้นมา ลุกขึ้นมาทั้งๆ ที่เจ็บ เดี๋ยวเราหาทางไปได้ ความท้าทายที่สำคัญในการทำธุรกิจของเจ้าของแบรนด์คือ “ตัวเอง” เพราะต้องแข่งกับตัวเอง ” เจ้าของแบรนด์ระบุ


อย่างไรก็ตาม ความสำเร็จในการสร้างแบรนด์สินค้าถ้าหากมองในมุมมองตัวเลขก็อาจจะประสบความสำเร็จแล้ว แต่ในมุมมองของเจ้าของแบรนด์เองเธอมองว่ายังคงเป็นผู้ประกอบการตัวเล็กอยู่เสมอ เพราะเทรนด์ในโลกเปลี่ยนไปตลอดเวลา เพราะฉะนั้นยังคงต้องพัฒนาและเดินหน้าต่อได้ไม่ว่าจะเจอกับเส้นทางแบบใดก็ตาม

ติดต่อเพิ่มเติม
Facebook : Sureeporn Cosmetics -เพจหลักบริษัท



* * * คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า "SMEsผู้จัดการ" รับข่าวสารในแวดวงธุรกิจเอสเอ็มอีที่สมบูรณ์แบบที่สุด* * *
กำลังโหลดความคิดเห็น