“ศุภจี”แจ้งข่าวดี ARASCO บริษัทที่ขับเคลื่อนความมั่นคงทางอาหารของซาอุดิอาระเบีย ได้สั่งซื้อมันสำปะหลังอัดเม็ดเพิ่มเติมอีก 3 หมื่นตัน ส่วนปีหน้ามีลุ้นถึง 1 แสนตัน เหตุมั่นใจในราคา คุณภาพ ส่งของได้ และมีความต่อเนื่อง พร้อมผลักดันขายปลายข้าว หญ้าเนเปียร์ อาหารเลี้ยงปลา สัตว์ปีกเพิ่ม
นางศุภจี สุธรรมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ตนพร้อมด้วย น.ส.กิริฎา เภาพิจิตร ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงพาณิชย์ นายวุฒิไกร ลีวีระพันธุ์ ปลัดกระทรวงพาณิชย์ นางปิยนุช วุฒิสอน คณะที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ น.ส.โชติมา เอี่ยมสวัสดิกุล อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ นายนพดล คันธมาศ รองอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ และคณะผู้บริหารกระทรวงพาณิชย์ ได้เข้าพบหารือกับนาย Ziyad A. Al-Sheikh ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท Arabian Agricultural Services Company (ARASCO) หนึ่งในบริษัทขับเคลื่อนความมั่นคงทางอาหาร (Food Security) ที่สำคัญที่สุดของซาอุดีอาระเบีย ซึ่งดำเนินธุรกิจมากว่า 40 ปี ครอบคลุมตั้งแต่การผลิตอาหารสัตว์ ผลิตภัณฑ์อาหาร ปุ๋ย สารกำจัดศัตรูพืช ยาและวัคซีนสัตว์ ไปจนถึงบริการโลจิสติกส์ครบวงจร
ทั้งนี้ ที่ผ่านมา ไทยได้หารือกับ ARASCO มาอย่างต่อเนื่อง เพื่อสนับสนุนเป้าหมายของบริษัทในการเสริมสร้างความมั่นคงทางอาหารของซาอุดีอาระเบีย โดยสินค้ามันสำปะหลังอัดเม็ด เป็นหนึ่งในความร่วมมือสำคัญที่ได้เริ่มทดลองส่งออกไปก่อนหน้านี้จำนวนประมาณ 20,000 ตัน ซึ่งปรากฏว่าได้รับผลตอบรับเป็นอย่างดี และวันนี้ ARASCO ได้ตัดสินใจเพิ่มคำสั่งซื้ออีก 30,000 ตัน และหากทุกอย่างเป็นไปด้วยดี ปีหน้าเขามองว่าจะมีความต้องการนำเข้าเพิ่มอีก 100,000 ตัน เพราะมีความมั่นใจในวัตถุดิบของไทย ที่ยึด 4 หลักการ คือ ราคาที่เหมาะสม คุณภาพได้มาตรฐาน ส่งของได้ตามความต้องการ และต้องมีความต่อเนื่องไม่ขาดช่วง ซึ่งไทยสามารถตอบโจทย์ได้ครบ
ขณะเดียวกัน ทั้งสองฝ่ายยังได้แลกเปลี่ยนโอกาสความร่วมมือเพิ่มเติมในด้านสินค้าเกษตรและอาหารหลากหลายประเภท โดยไทยได้เสนอสินค้าเพิ่มเติม เช่น ปลายข้าว หญ้าเนเปียร์สำหรับอาหารสัตว์ ตลอดจนอาหารเลี้ยงปลา และ อาหารสัตว์ปีก ซึ่ง ARASCO ให้ความสนใจและพร้อมศึกษาต่อยอดธุรกิจร่วมกับไทยในระยะยาวต่อไป
นอกจากนี้ ARASCO ยังมีแผนพัฒนาอุตสาหกรรมสัตว์ปีกภายในประเทศเพื่อเพิ่มการพึ่งพาตนเอง ไทยจึงได้เสนอศักยภาพในฐานะผู้เชี่ยวชาญด้านอาหารฮาลาลและการแปรรูปอาหาร และพร้อมเป็นแหล่งวัตถุดิบคุณภาพสูงและพันธมิตรด้านอาหารที่เชื่อถือได้ ขณะเดียวกัน ไทยสามารถใช้ประโยชน์จากความหลากหลายของธุรกิจในเครือ ARASCO เพื่อขยายการส่งออกสินค้าเกษตรและอาหารไปยังตะวันออกกลางได้อีกมาก ทั้งด้านวัตถุดิบอาหารสัตว์ การร่วมลงทุนด้านอาหารหรือปศุสัตว์ และการพัฒนานวัตกรรมเกษตรหรือ Smart Farming
ส่วนการหารือกับผู้ประกอบการไทยที่ส่งออกสินค้ามายังซาอุดิอาระเบีย ได้ให้ข้อมูลว่า ไทยมีสินค้าพร้อมส่งออก เช่น ไก่แปรรูป เกี๊ยวซ่า ไส้กรอก นักเก็ต และผลิตภัณฑ์พร้อมปรุง พร้อมทานอื่น ๆ ซึ่งตลาดซาอุดีอาระเบียยังมีโอกาสเติบโตอีกมาก
ในปี 2567 ซาอุดีอาระเบียเป็นคู่ค้าอันดับที่ 19 ของไทยในตลาดโลก และอันดับที่ 2 ในภูมิภาคตะวันออกกลาง การค้าสองฝ่ายมีมูลค่า 7,757.03 ล้านดอลลาร์สหรัฐ แบ่งเป็นการส่งออกของไทย 2,856.68 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และการนำเข้าของไทย 4,900.36 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยซาอุดีอาระเบียเป็นตลาดส่งออกสินค้าเกษตรและอาหาร อันดับที่ 26 ของไทย ด้วยมูลค่าการส่งออก 247.25 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และในช่วง 10 เดือนของปี 2568 (ม.ค.-ต.ค.) การส่งออกสินค้าเกษตรและอาหารของไทยไปซาอุดีอาระเบียมีมูลค่า 219.62 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยสินค้าค้าเกษตรและอาหารที่ส่งออกสำคัญ อาทิ ปลาที่ปรุงแต่งหรือทำไว้ไม่ให้เสีย ข้าว อาหารสัตว์ ผลไม้ ลูกนัต และพืชผัก