xs
xsm
sm
md
lg

วาฬขนบิทคอยน์ 7.5 พันล้านดอลล์เข้าไบแนนซ์ ทุบสถิติสัญญาณตลาดหมีเต็มรูปแบบ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:



สัญญาณมรณะดังลั่นตลาดคริปโต! ข้อมูล On-chain แฉยับ ‘วาฬ’ รายใหญ่ขนบิทคอยน์มูลค่ามหาศาลกว่า 7.5 พันล้านดอลลาร์ โอนเข้ากระดานเทรดไบแนนซ์ในรอบ 30 วัน ทุบสถิติสูงสุดแห่งปี เทียบชั้นเหตุการณ์ช่วงมีนาคมที่ราคาร่วงระนาวจาก 102,000 เหลือ 70,000 ดอลลาร์ นักวิเคราะห์ฟันธงนี่ไม่ใช่แค่การปรับฐาน แต่คือจุดเริ่มต้นของ ‘ตลาดหมีเต็มรูปแบบ’ เตือนนักลงทุนรายย่อยที่ติดดอย 115,000 ดอลลาร์ เตรียมรับแรงกระแทกซ้ำสอง แม้แต่ ‘ดอกเบี้ยเฟด’ ก็อาจช่วยไม่ไหว

ตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลกำลังเผชิญกับแรงกดดันมหาศาล เมื่อข้อมูลล่าสุดจาก CryptoQuant บริษัทวิเคราะห์ข้อมูลบล็อกเชนชื่อดัง เปิดเผยตัวเลขที่น่าตกใจว่า ในช่วง 30 วันที่ผ่านมา มีกระแสเงินทุนไหลเข้า (Inflow) ของบิทคอยน์ จากวาฬรายใหญ่สู่ไบแนนซ์ศูนย์ซื้อขายแบบรวมศูนย์ (CEX) คิดเป็นมูลค่าสูงถึง 7.5 พันล้านดอลลาร์ (ราว 2.6 แสนล้านบาท) ซึ่งถือเป็นระดับสูงสุดที่เคยบันทึกได้ในปีปฏิทินนี้

Maartunn นักวิเคราะห์จาก CryptoQuant ชี้ให้เห็นถึงความน่ากังวลว่า รูปแบบการเคลื่อนไหวของเงินทุนในครั้งนี้ มีความคล้ายคลึงอย่างยิ่งกับเหตุการณ์เมื่อเดือนมีนาคม 2568 ช่วงที่ราคาบิทคอยน์ทรุดตัวลงจากจุดสูงสุดที่ 102,000 ดอลลาร์ ลงไปแตะจุดต่ำสุดในโซน 70,000 ดอลลาร์

“ในสถานการณ์เช่นนี้ วาฬมักจะโอนเหรียญเข้าสู่กระดานเทรดเพื่อวัตถุประสงค์สองประการ คือ ‘เทขายทำกำไร’ หรือ ‘บริหารความเสี่ยง’ เมื่อตลาดเริ่มอ่อนแอ และด้วยตัวเลขการไหลเข้าในรอบ 30 วันที่ยังคงไต่ระดับสูงขึ้น ข้อมูลจึงบ่งชี้ชัดเจนว่าแรงเทขายยังไม่เข้าสู่ภาวะเสถียร” Maartunn ระบุ

ที่มา: GMartin Substack
สำหรับนักลงทุน นี่คือสัญญาณเตือนภัยระดับสีแดงว่า “โซนอันตราย” ยังไม่ผ่านพ้นไป ตลาดยังมีความเปราะบางเกินกว่าจะยืนยันการกลับตัว (Reversal) และมีความเสี่ยงสูงที่ราคาจะลงไปทดสอบจุดต่ำสุดเดิมเพื่อกระตุ้นให้เกิดตลาดหมีในระยะยาว

เทียบฟอร์มปี 2564 จบสิ้นยุคกระทิง?

Ki Young Ju ผู้ก่อตั้งและซีอีโอของ CryptoQuant เสริมทัพด้วยมุมมองเชิงลบว่า “ตัวชี้วัด On-chain ของบิทคอยน์อยู่ในภาวะหมี (Bearish) และโอกาสในการปรับตัวขึ้นต่อจากนี้ ขึ้นอยู่กับสภาพคล่องระดับมหภาคล้วนๆ”

ด้าน G. Martín ผู้เชี่ยวชาญด้านการลงทุนบิทคอยน์และสินค้าโภคภัณฑ์ ให้ความเห็นที่ดุดันยิ่งกว่า โดยเชื่อว่าจุดสูงสุดที่ 126,000 ดอลลาร์ ในเดือนตุลาคมที่ผ่านมา น่าจะเป็น “จุดสูงสุดหลัง Halving” (Post-halving top) ของรอบนี้ไปแล้ว และการร่วงลงในปัจจุบันดูเหมือน “จุดเริ่มต้นของตลาดหมีแบบดั้งเดิม” มากกว่าแค่การปรับฐาน (Dip) ชั่วคราว

ที่มา: GMartin Substack
ในบทวิเคราะห์หัวข้อ “บิทคอยน์อยู่ในตลาดหมีแล้ว” Martín โต้แย้งว่าเหตุการณ์ล้างพอร์ต (De-leveraging) เมื่อวันที่ 10 ตุลาคม ซึ่งกวาดเงินออกจากตลาดไปกว่า 1.9 หมื่นล้านดอลลาร์ มีความคล้ายคลึงกับช่วงต้นของตลาดหมีปี 2564 - 2565 มากกว่าเหตุการณ์ปรับฐานในปี 2566

“เราเห็นได้ชัดว่าแนวโน้มขาขึ้นได้ถูกทำลายลงแล้ว และสถานะคงค้าง (Open Interest) กำลังเริ่มก่อตัวขึ้นอีกครั้ง ซึ่งอาจหมายความว่าเทรดเดอร์กำลังวางเดิมพันในทิศทางราคาที่ต่ำลง”

รายย่อยติดดอย 115,000 ดอลล์ เพราะ ‘ความโลภ-ความกลัว’

Martín ชี้ให้เห็นว่า การร่วงลงของบิทคอยน์จาก 126,000 ดอลลาร์ สู่ 80,000 ดอลลาร์ ในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา พิสูจน์ให้เห็นว่าราคาสินทรัพย์ถูกขับเคลื่อนด้วย “อารมณ์ ความโลภ และความกลัว” มากกว่าปัจจัยพื้นฐาน

“ในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา 95% ของรายย่อย เข้าซื้อบิทคอยน์ที่ต้นทุนเฉลี่ยประมาณ 115,000 ดอลลาร์ โดยส่วนใหญ่เข้าซื้อในช่วงกระแสความคลั่งไคล้ ‘ประธานาธิบดีทรัมป์สายคริปโต ฯ’ น้อยคนนักที่จะฉุกคิดว่าเราได้ผ่านช่วงขาขึ้นมากว่า 700% ในรอบ 3 ปีแล้ว”

เขาสรุปอย่างเฉียบคมว่า ช่วงที่ราคาแกว่งตัวแถว 100,000 ดอลลาร์ การวิเคราะห์ต่างๆ ไม่ได้อยู่บนพื้นฐานของเหตุผล แต่เป็น “การหลอกตัวเอง” (Denial)

“ดูเหมือนผู้คนไม่ได้มองโลกในแง่ดีจริงๆ แต่พวกเขากำลัง ‘หวาดกลัว’ เพราะราคาต้นทุนของพวกเขากำลังจมน้ำ (ขาดทุน)” เขากล่าว

ที่มา: Blockworks
MicroStrategy ตัวชี้วัดหายนะ?

Martín ยังยกให้ค่า mNAV (มูลค่าทรัพย์สินสุทธิ) ของ MicroStrategy (MSTR) ภายใต้การนำของ ไมเคิล เซย์เลอร์ เป็นตัวบ่งชี้สำคัญของตลาดหมี โดยระบุว่าพฤติกรรมของราคาหุ้น MSTR ในขณะนี้ กำลังดำเนินรอยตามรูปแบบในช่วงต้นของตลาดหมีปี 2564 - 2565 อย่างน่าตกใจ

อย่าหวังพึ่ง ‘เฟด’ ลดดอกเบี้ยอาจไม่ใช่ยาวิเศษ

ในประเด็นความหวังเรื่องการลดดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ในเดือนธันวาคม ที่หลายฝ่ายมองว่าจะจุดพลุ “Santa Rally” นั้น Martín กลับมองต่างมุม โดยเตือนว่าหากเฟดลดงบดุลจากการถือครองระยะยาว เงินทุนที่จะมาซื้อสินทรัพย์เหล่านี้จะมาจากภาคเอกชน ซึ่งจะเป็นการ “ดึงสภาพคล่อง” ออกจากตลาดเสียเอง

“การลดดอกเบี้ยอาจส่งผลดีต่อเศรษฐกิจในภาพรวม แต่ไม่จำเป็นต้องส่งผลดีต่อบิทคอยน์เสมอไป”

ที่มา: TradingView
เขาเชื่อว่านโยบายปัจจุบันของเฟดอาจทำให้ “วัฏจักร 4 ปีของบิทคอยน์” สิ้นสุดลง และอาจเห็นราคาลงไปทำจุดต่ำสุดในช่วงปลายปี 2569 เมื่อสภาพคล่องที่แท้จริงกลับคืนมา

ตามบทวิเคราะห์นี้บิทคอยน์จำเป็นต้องฝ่าแนวต้านสำคัญหลายด่านหลังจากการเทขายในเดือนพฤศจิกายน เพื่อยืนยันจุดต่ำสุดที่แท้จริงบริเวณเส้นค่าเฉลี่ย 200 สัปดาห์ (200-Week SMA) ก่อนที่จะกลับมาเป็นขาขึ้นได้อีกครั้ง

ในสถานการณ์เลวร้ายที่สุด มีความเป็นไปได้สูงที่บิทคอยน์จะลงไปทดสอบจุดต่ำสุดที่ 73,000 หรือแม้กระทั่ง 70,000 ดอลลาร์ อีกครั้ง ก่อนที่จะมีการดีดตัวสั้นๆ (Relief Rally) ไปสู่ระดับ 95,000–105,000 ดอลลาร์ ในระยะกลาง