xs
xsm
sm
md
lg

กฟผ.ผู้นำพลังงานไทยในเวทีพลังงานโลก “IEEE PES GTD Asia 2025” โชว์นวัตกรรมระบบไฟฟ้าทันสมัย ดันไทยสู่พลังงานสะอาด-Net Zero

เผยแพร่:   ปรับปรุง:



กฟผ. รับผู้เชี่ยวชาญภาคอุตสาหกรรมพลังงานจากทั่วโลกในงานประชุมและนิทรรศการพลังงานครั้งใหญ่ระดับนานาชาติ “IEEE PES GTD Asia 2025” เดินหน้าโครงการสนองนโยบาย Quick Big Win ของกระทรวงพลังงาน ชูโครงการพลังงานสะอาดและเทคโนโลยีระบบไฟฟ้าสมัยใหม่ รองรับเป้าหมาย Carbon Neutrality
ดร.นรินทร์ เผ่าวณิช ผู้ว่าการการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ในฐานะนายกสมาคม IEEE PES (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า การประชุมและนิทรรศการด้านพลังงานไฟฟ้าและความยั่งยืนระดับนานาชาติ “IEEE PES GTD Asia 2025” ซึ่งจัดโดยสมาคมไฟฟ้าและพลังงานไอทริปเปิลอี (ประเทศไทย) ร่วมกับภาครัฐและเอกชน เป็นเวทีสำคัญของวิศวกร นักวิจัย และผู้นำอุตสาหกรรมพลังงานจากทั่วโลกในการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ และกำหนดทิศทางพลังงานในอนาคต สำหรับประเทศไทย ร่างแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศไทย พ.ศ. 2567-2580 (Draft PDP2024) กฟผ. มุ่งมั่นเพิ่มสัดส่วนพลังงานหมุนเวียน และลดการพึ่งพาเชื้อเพลิงฟอสซิล สอดคล้องกับแนวโน้มของโลกที่ตั้งเป้าผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนให้ได้ 70–90% ภายในปี 2050 ขณะที่ประเทศไทยตั้งเป้าเพิ่มพลังงานหมุนเวียนให้มีสัดส่วนมากกว่า 50% ของการผลิตไฟฟ้าภายในปี 2037

กฟผ. ในฐานะองค์กรหลักด้านพลังงานของประเทศที่มุ่งขับเคลื่อนการเปลี่ยนผ่านพลังงานของไทยไปสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน ได้สนองนโยบายโครงการ Quick Big Win ด้านพลังงานของรัฐบาล เดินหน้าผลักดันโครงการซื้อขายไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนในรูปแบบการทำสัญญาซื้อขายพลังงานไฟฟ้าได้โดยตรง (Direct Power Purchase Agreement: Direct PPA) เปิดโอกาสให้ธุรกิจเข้าถึงพลังงานหมุนเวียนโดยตรงจากผู้ผลิตไฟฟ้า ลดความเสี่ยงด้านราคาพลังงาน พร้อมเพิ่มทางเลือกในการรับบริการไฟฟ้าสะอาดด้วยการประกาศอัตราค่าบริการไฟฟ้าสีเขียวแบบไม่เจาะจงแหล่งที่มา (Utility Green Tariff 1 : UGT1) สร้างความได้เปรียบทางการแข่งขันในตลาดที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อมมากขึ้น ตอบสนองทุกมิติด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (Environment, Social and Governance – ESG) สนับสนุนมาตรการโซลาร์เพื่อประชาชน (Community Solar) และยกระดับโครงสร้างพื้นฐานด้านโครงข่ายไฟฟ้า (Grid Modernization) รองรับการเข้ามาของพลังงานหมุนเวียน และเทคโนโลยีที่สามารถสนับสนุนภาคอุตสาหกรรมใหม่ได้ เช่น EV, Data Center และ AI IOT Robotic


เพื่อเดินหน้าสู่เป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน กฟผ. ได้ศึกษา และพัฒนาเทคโนโลยีที่ขับเคลื่อนการเพิ่มสัดส่วนพลังงานสะอาด ด้วยโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ขนาดเล็ก (SMR) ขนาดกำลังการผลิต 600 เมกะวัตต์ พร้อมนำร่องโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ทุ่นลอยน้ำบนพื้นที่ศักยภาพ 9 เขื่อนภายใต้การดูแลของ กฟผ. กำลังการผลิตรวม 2,725 เมกะวัตต์ และผลักดันโครงการโรงไฟฟ้าพลังน้ำแบบสูบกลับ โครงการติดตั้งโซลาร์ฟาร์มและแบตเตอรี่ รวมทั้งการติดตั้งระบบกักเก็บพลังงานด้วยแบตเตอรี่ (BESS) ขณะเดียวกัน ยังได้พัฒนาระบบส่ง และปรับปรุงระบบโครงข่ายให้ทันสมัย เพื่อเพิ่มความยืดหยุ่นในการรองรับพลังงานหมุนเวียน รวมถึงการศึกษา 3 เทคโนโลยีในการดักจับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ได้แก่ เทคโนโลยีที่ใช้สารละลายเอมีนในการดูดซับ เทคโนโลยีที่เกี่ยวกับวัสดุนาโนขั้นสูง Metal-Organic Frameworks (MOFs) และเทคโนโลยีการดักจับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ด้วยวิธีไครโอเจนิค (Cryogenic Carbon Capture: CCC) พร้อมทั้งศึกษาการใช้ประโยชน์และกักเก็บก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (Carbon Capture Utilization and Storage: CCUS) ซึ่งจะตอบโจทย์แผน EGAT Carbon Neutrality ที่มีเป้าหมายเข้าสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) ภายในปี 2050


ภายในงาน กฟผ. ได้นำเสนอนิทรรศการ 3 โซน ภายใต้แนวคิด “นวัตกรรมพลังงานสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน เพื่ออนาคตที่ยั่งยืนสำหรับทุกคน” ได้แก่ โซน 1: Smart Energy for Harmonious Living เทคโนโลยีพลังงานเพื่อความสมดุลของเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม อาทิ แผงโซลาร์เซลล์ลอยน้ำ โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ขนาดเล็ก (SMR) พันธบัตรส่งเสริมความยั่งยืน โซน 2: Reliable & Sustainable Power System ระบบไฟฟ้ามั่นคงและยั่งยืน อาทิ นวัตกรรม Grid Modernization เพิ่มเสถียรภาพให้ระบบไฟฟ้า รองรับการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงาน พร้อมแนวทางป้องกันความเสี่ยง เพื่อการก้าวสู่เป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน และโซน 3: Decarbonized Pathways มิติใหม่สู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน อาทิ Energy Solution & Carbon Credit, EV Solution, Robotic & AI และ Business & Network
กำลังโหลดความคิดเห็น