อีเวนต์เทคเอไอ (EventTech.ai) Tech-Enabler แพลตฟอร์มเทคโนโลยีขั้นสูงสำหรับระบบนิเวศงานอีเวนต์ รุกขยายธุรกิจโชว์บิซและเอ็นเทอร์เทนเมนต์ครบวงจร เล็งจับมือพาร์ตเนอร์เกาหลี ญี่ปุ่น สิงคโปร์รุกขยายต่างประเทศปีหน้า คาดเพิ่มจำนวนงานได้อีกเท่าตัว
นายเตทัศน์ สุทธินุ่น กรรมการผู้จัดการ EventTech.ai เปิดเผยว่า บริษัทเปิดให้บริการแพลตฟอร์ม EventTech.ai ผู้ให้บริการอีเวนต์ด้วยเทคโนโลยีครบวงจรในแพลตฟอร์มเดียว เช่น ระบบขายบัตรผ่าน Blockchain, ระบบ Business Matching โดย AI, ระบบสุ่มจับรางวัล, ระบบ Reward NFT Gamification, ระบบจัดการค่าคาร์บอนสำหรับงานอีเวนต์ (Carbon Neutral Solution for Event) เป็นต้น
ปรากฎว่ามีการเติบโตที่น่าพอใจ ภายในหนึ่งปีได้จัดงานไปแล้วกว่า 100 งาน ครอบคลุมกลุ่มเป้าหมาย ตั้งแต่งานสมาคมการตลาดแห่งประเทศไทย, งานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย, งาน Entertainment, งาน Fan Meet & Fan Concert ไปจนถึงงาน MICE Expo Conference ระดับประเทศ ลูกค้ามีทั้งภาครัฐและเอกชน เช่น ที่อิมแพ็ค เมืองทอง FTI Expo จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย สสส. หรือนักร้อง แบรนด์ต่างๆ เช่น ETC, No One Else, Butterbear (หมีเนย), BEM, Toyota, Japan Expo เป็นต้น
ความสำเร็จที่เกิดขึ้น ส่งผลให้ในปีหน้าบริษัทตั้งเป้าขยายจำนวนลูกค้าให้ได้อีก 100 ราย หรือเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าจากปีนี้ โดยจะมุ่งขยายธุรกิจไปยังงาน Showbiz เพราะเป็นกลุ่มที่มี pain point ชัดเจนที่สุด คือ ผู้จัดงานเจอปัญหาขายบัตรไม่หมด และผู้ซื้อมักเจอปัญหา เช่น จำนวนบัตรน้อย ระบบล่มหรือเข้าถึงไม่ได้ ดังนั้นเป้าหมายของการรุกตลาด Showbiz ปีหน้า คือช่วยให้ผู้จัดงานขายบัตรได้ เพิ่มความสะดวก ลดความวุ่นวาย สร้างความมั่นใจและประสบการณ์ที่ดีให้ผู้ซื้อ พร้อมขยายธุรกิจสู่ต่างประเทศอย่างจริงจัง โดยเริ่มจากเอเชีย เช่น ญี่ปุ่น เกาหลี และสิงคโปร์ รวมไปถึง จีน แม้ตลาดเหล่านี้จะมีผู้เล่นบางส่วนคล้ายกัน แต่ตลาดใหญ่พอที่จะเติบโตไปด้วยกัน
นายเตทัศน์ กล่าวต่อว่า ปัจจุบันมีหลายเจ้าในตลาดด้านระบบขายบัตร แต่จุดแตกต่างของบริษัท คือการสร้างระบบนิเวศน์ด้านงานอีเวนต์ โดยเราไม่ได้สร้างเทคโนโลยีจากมุมของบริษัท แต่สร้างจาก Pain Point ของลูกค้า และ Customize Solution ให้เหมาะกับแต่ละเจ้า โดยบริษัทมี AI ในการวิเคราะห์ Data เชิงลึกส่วนบุคคล (Hyper-Personalized Marketing) เพื่อความคุ้มค่าสูงสุดและการสร้างประสบการณ์งาน ผ่านกลยุทธ์การดำเนินงาน 4S ในบริบท แพลตฟอร์มเทคโนโลยีสำหรับระบบนิเวศงานอีเวนต์ (Marketing Technology for Event Eco-System) ประกอบด้วย
1. eco-System : เทคโนโลยีด้านการตลาดครบวงจรสำหรับระบบนิเวศงานอีเวนต์ 2. Size : งานเล็กหรือใหญ่ งานฟรีหรือขายบัตร งานภาครัฐหรือเอกชน ใช้ได้หมด 3. Safety & Security: ปลอดภัยด้วยเทคโนโลยี Blockchain และรองรับด้วยระบบ Cloud ระดับโลก 4. Sustainability: ระบบจัดการคาร์บอนสำหรับงานอีเวนต์ครบวงจร (Carbon Neutral Solution for Event)
“เป้าหมายในอนาคตของเราชัดเจนมาก คือการเป็นแพลตฟอร์มที่ผู้จัดงาน (Organizer) หรือเจ้าของแบรนด์ สามารถเข้ามาใช้งานได้ง่าย และจบงานได้ครบในระบบเดียว ตั้งแต่การวางแผน การขายบัตร การสร้างแคมเปญ การจัดงาน ไปจนถึงการเก็บและนำข้อมูลไปพัฒนาครั้งถัดไปได้อย่างครบวงจร ซึ่งความท้าทายหลักของตลาดนี้คือ Demand คนไทยอย่างเดียวไม่พอแล้ว งานหลายประเภทจึงจำเป็นต้องมีผู้สนใจจากต่างประเทศช่วยเติมเต็ม เช่น งาน MICE ที่มีนักธุรกิจต่างชาติร่วม คอนเสิร์ตและแฟนมีต T-pop, K-pop, J-pop ที่มีฐานแฟนเหนียวแน่น งานเอ็กซ์โปที่ต้องมีลูกค้าจากหลายประเทศช่วยดันยอด เพราะงานทั่วไปในประเทศ ผู้ชมและสปอนเซอร์ก็ระมัดระวังการใช้เงินมากขึ้น” นายเตทัศน์ กล่าว
แพลตฟอร์มนี้รวมทุกเครื่องมือที่จำเป็นต่อการจัดอีเวนต์ไว้ในที่เดียว ทำให้การทำงานง่ายขึ้น ลื่นไหลขึ้น ลดการประสานงานหลายระบบ และสามารถติดตามผลแบบมีข้อมูลรองรับ พร้อมต่อยอดด้วย AI เพื่อตอบโจทย์การจัดงานในยุคดิจิทัลได้อย่างแท้จริง
“Data จะเป็นตัวเร่งการเติบโตปีหน้า ข้อมูลจะช่วยวิเคราะห์พฤติกรรมผู้เข้าร่วมงาน คาดการณ์ดีมานด์ และปรับรูปแบบงานได้ตรงตามความต้องการตลาด ประเทศไทยมักจัดงานจากมุมมองของ “ผู้จัดอยากทำอะไร” แต่ถ้าเรามี Data ที่แม่นยำ เราจะรู้ว่า “ผู้เข้าร่วมอยากเห็นอะไร” และ “ใครจะซื้อบัตร”
สิ่งที่บริษัททำสามารถเจาะกลุ่มเป้าหมายได้แม่นยำมากขึ้น เพราะมีระบบการวิเคราะห์ข้อมูลอัจฉริยะเชิงลึก (Data Intelligence Analytics) สามารถสื่อสารแบบปรับแต่งเฉพาะตัวและตรงกับความต้องการของลูกค้าแต่ละรายแบบเรียลไทม์ (Hyper-Personalized Marketing) ทำให้เพิ่มความแม่นยำและเกิดประโยชน์สูงสุดกับทั้งผู้จัดงาน และผู้เข้าร่วมงาน
ปัจจุบันอีเวนต์เทคเอไอ ให้บริการลูกค้า 5 ด้านครอบคลุมธุรกิจอีเวนต์ครบวงจร ตั้งแต่ 1.การขายบัตรและลงทะเบียน 2.การทำการตลาด และประชาสัมพันธ์หาคนเข้างาน 3.ระบบจัดการอีเวนต์ครบวงจร เช่น Business Matching, จับรางวัล, สร้างสรรค์ประสบการณ์ Interactive & Immersive, ระบบสุ่ม, Live Streaming, Rerun VDO, NFT, RFID เป็นต้น 4.ดาต้าสำหรับการตลาดเฉพาะบุคคล 5.ระบบจัดการคาร์บอนสำหรับงานอีเวนต์ครบวงจร (Carbon Neutral Solution for Event) นี้คือแพลตฟอร์มที่ “ช่วยให้การจัดงานทั้งระบบอยู่ในที่เดียว — ใช้งานได้ง่ายตั้งแต่วางแผนงานจนจบ”
“หากเทียบจากขอบเขตบริการและจำนวนผลิตภัณฑ์ เรายืนอยู่ในระดับที่ครอบคลุมที่สุดใน MarTech for Event Ecosystem ขณะที่ผู้ให้บริการส่วนใหญ่ในตลาดมักโฟกัสเพียงบางส่วน เช่น ระบบขายบัตร ซึ่งเป็นเพียงหนึ่งในห้าองค์ประกอบจากทั้งหมดของเรา ตอบโจทย์ทั้ง Organizer, Sponsor และผู้เข้าร่วมงานทุกคนได้ประโยชน์ และประสบการณ์ที่ดีขึ้น” นายเตทัศน์ กล่าว
ปัจจุบันการนำ Data และเทคโนโลยีมาช่วยจัดงาน ช่วยยกระดับอุตสาหกรรมในหลายด้าน เช่น ลดต้นทุนการหาคนเข้าร่วมงาน เมื่อยิงหากลุ่มเป้าหมายที่ใช่ ค่าใช้จ่ายต่อผู้เข้าร่วมถูกลง เข้าใจพฤติกรรมของผู้เข้างานจริง ทำให้ผู้จัดงานสามารถออกแบบประสบการณ์แบบ User-Centric และ “ตรงใจจริง”
นอกจากนี้ผู้จัดงานยังมีข้อมูลเพื่อนำไปพัฒนาต่อ หลายงานที่ผ่านมา บางผู้จัดยังไม่มีข้อมูลพื้นฐาน เช่น คนไทยกี่เปอร์เซ็นต์ ช่วงอายุไหน อาชีพใดมาเยอะ และต้องนั่งดึงข้อมูลจากหลายระบบ เช่น Google Form ฯลฯ แยกงานต่องาน แต่หากใช้ระบบเดียวกันอย่างต่อเนื่อง ข้อมูลทั้งหมดจะอยู่ในที่เดียว สามารถวิเคราะห์ได้ทันที และใช้วางแผนงานครั้งต่อไปได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
ล่าสุดที่กำลังจะเกิดขึ้นคืองาน Sea & Stars Night at the Aquarium ที่ร่วมมือกับสวนสัตว์เชียงใหม่ระหว่างวันที่ 19 ธันวาคม 2568 – 2 มกราคม 2569 โดยงานนี้ EventTech.ai โชว์พลังสร้างสรรค์งาน Immersive ที่ผสมผสานเทคโนโลยี แสงสี และการท่องเที่ยว (Tech x Creativity x Tourism) เข้าด้วยกันอย่างกลมกลืน รองรับนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ และได้รับการสนับสนุนจากองค์กรภาครัฐและเอกชน หลายหน่วยงาน
“ทุกงานสะท้อนสิ่งเดียวกัน ตัวเลขผู้เข้าร่วมที่เติบโต ดึงดูดกลุ่มเป้าหมายได้แม่นยำขึ้น ต้นทุนทางการตลาดประชาสัมพันธ์ต่อหัวลดลง และข้อมูลที่นำไปวางแผนต่อยอดได้จริงทันที” นายเตทัศน์ กล่าวปิดท้าย.