xs
xsm
sm
md
lg

เกาหลีใต้คว่ำบาตร Prince Group ทลายรังแก๊งคอลเซ็นเตอร์ครั้งใหญ่ในกัมพูชา

เผยแพร่:   ปรับปรุง:



รัฐบาลเกาหลีใต้เปิดปฏิบัติการเชือดไก่ให้ลิงดู งัดมาตรการคว่ำบาตรฝ่ายเดียวครั้งประวัติศาสตร์ ขึ้นบัญชีดำเครือข่ายอาชญากรรมไซเบอร์ ‘Prince Group’ และกลุ่มทุนสีเทารวม 147 ราย หลังสืบพบฐานบัญชาการใหญ่ในกัมพูชาพัวพันขบวนการต้มตุ๋นและฟอกเงินระดับโลก พร้อมเดินหน้าเอาผิดกลุ่ม ‘Huiyuan’ ตอบโต้คดีสะเทือนขวัญการเสียชีวิตของนักศึกษาเกาหลี ส่งสัญญาณแรงถึงอาเซียน “หมดเวลาเป็นสวรรค์ของมิจฉาชีพ”

โซลเดือด! สั่งแบนขบวนการอุบาทว์ครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์

วันนี้ (27 พ.ย.) กระทรวงการต่างประเทศเกาหลีใต้ได้สร้างความฮือฮาไปทั่วภูมิภาคเอเชีย ด้วยการประกาศใช้ “มาตรการคว่ำบาตรฝ่ายเดียว” (Independent Sanctions) เป็นครั้งแรก เพื่อจัดการกับขบวนการอาชญากรรมข้ามชาติโดยเฉพาะ โดยเป้าหมายหลักคือการขึ้นบัญชีดำองค์กร 132 แห่ง และบุคคล 15 ราย ที่มีความเชื่อมโยงกับ Prince Group ซึ่งเป็นกลุ่มธุรกิจยักษ์ใหญ่ที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นรังของแก๊งคอลเซ็นเตอร์และอาชญากรรมออนไลน์

การเคลื่อนไหวครั้งนี้ถือเป็นมาตรการคว่ำบาตรครั้งเดียวที่ “ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์” ของเกาหลีใต้ สะท้อนให้เห็นถึงความหมดความอดทนของรัฐบาลโซลที่มีต่อภัยคุกคามทางไซเบอร์ที่กัดกินเศรษฐกิจและชีวิตของพลเมืองตนเอง

เจาะรัง ‘Prince Group-Huiyuan’ เส้นทางเงินและฐานทัพโจร

รายชื่อที่ถูกขึ้นบัญชีดำในครั้งนี้ ไม่ใช่แค่ปลาซิวปลาสร้อย แต่เป็นการเจาะเข้าสู่ “ท่อน้ำเลี้ยง” และ “ฐานบัญชาการ” โดยตรง ประกอบด้วย

1.Prince Group : ผู้ถูกกล่าวหาว่าดำเนินกิจการฐานสแกมเมอร์ขนาดมหึมาในกัมพูชา ภายใต้ชื่อโครงการอสังหาริมทรัพย์หรูอย่าง ‘Prince Compound’ และ ‘Mango Complex’ ซึ่งเบื้องหลังคือโรงงานนรกที่ใช้กักขังและบังคับคนทำงานต้มตุ๋นเหยื่อทั่วโลก

2.Huiyuan Group : ถูกระบุว่าเป็นเครือข่ายฟอกเงินรายใหญ่ที่ทำงานสอดประสานกับฐานสแกม โดยก่อนหน้านี้กระทรวงการคลังสหรัฐฯ ได้ขึ้นบัญชีดำบริษัทนี้ในฐานะ “สถาบันการเงินที่เป็นความกังวลด้านการฟอกเงินขั้นร้ายแรง” (Primary Money Laundering Concern)

ฟางเส้นสุดท้าย "คดีสังเวยชีวิตนักศึกษาเกาหลี"

ชนวนเหตุสำคัญที่ทำให้เกาหลีใต้ต้องงัดไม้แข็งออกมาใช้ คือโศกนาฏกรรมที่เกิดขึ้นกับพลเมืองของตนเอง รายชื่อผู้ถูกคว่ำบาตรยังครอบคลุมถึงสมาชิกแก๊งในภูมิภาค Bohai ของกัมพูชา ซึ่งมีส่วนพัวพันโดยตรงกับคดีทำร้ายร่างกาย การกักขังหน่วงเหนี่ยว และการเสียชีวิตอย่างมีเงื่อนงำของนักศึกษาชาวเกาหลีใต้

เหตุการณ์ดังกล่าว บวกกับการที่ทางการกัมพูชาต้องส่งตัวชาวเกาหลีใต้กว่า 60 คน ที่ถูกหลอกไปทำงานในฐานสแกมกลับประเทศเมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา ได้สร้างแรงกดดันมหาศาลให้กับรัฐบาลเกาหลีใต้ จนนำไปสู่การยกระดับมาตรการตอบโต้ขั้นสูงสุด

ประสานเสียงตะวันตก บีบพื้นที่สีเทาในอาเซียน

ปฏิบัติการของเกาหลีใต้ครั้งนี้ เป็นการรับลูกต่อจากสหรัฐอเมริกาและสหราชอาณาจักร ที่ได้ประกาศคว่ำบาตร Prince Group และ Huiyuan Group ไปก่อนหน้านี้เมื่อเดือนตุลาคม การผนึกกำลังของชาติมหาอำนาจถือเป็นการส่งสัญญาณเตือนที่ชัดเจนไปยังรัฐบาลในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ว่าประชาคมโลกจะไม่ยอมเพิกเฉยต่อการปล่อยให้พื้นที่เศรษฐกิจพิเศษกลายเป็นแหล่งกบดานของอาชญากรรมข้ามชาติอีกต่อไป

แถลงการณ์ของรัฐบาลเกาหลีใต้ระบุทิ้งท้ายอย่างแข็งกร้าวว่า การคว่ำบาตรครั้งนี้คือบทพิสูจน์ความตั้งใจจริงในการกวาดล้างอาชญากรรมออนไลน์ และเป็นการประกาศเจตนารมณ์ว่า “เกาหลีใต้จะไม่ยอมให้เครือข่ายสแกมข้ามชาติใช้ภูมิภาคนี้เป็นฐานปฏิบัติการเพื่อทำร้ายประชาชนของตนอีกต่อไป”