xs
xsm
sm
md
lg

Krungthai GLOBAL MARKETS เผยค่าบาทเปิดที่ 32.22-ติดตามนโยบายการเงินของธนาคารกลางยุโรป

เผยแพร่:   ปรับปรุง:



นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้(27พ.ย.68)ที่ระดับ 32.22 บาทต่อดอลลาร์ “ทรงตัวไม่เปลี่ยนแปลง"จากระดับปิดวันที่ผ่านมา และมองกรอบเงินบาทในช่วง 24 ชั่วโมง คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 32.15-32.30 บาท/ดอลลาร์ โดยนับตั้งแต่ช่วงคืนที่ผ่านมา เงินบาท (USDTHB) เคลื่อนไหวไร้ทิศทางในกรอบ Sideways (แกว่งตัวในกรอบ 32.20-32.27 บาทต่อดอลลาร์) แม้ว่าเงินดอลลาร์จะทยอยอ่อนค่าลง ตามการแข็งค่าขึ้นของบรรดาสกุลเงินหลักเป็นสำคัญ โดยเฉพาะในฝั่งเงินปอนด์อังกฤษ (GBP) หลังผู้เล่นในตลาดไม่ได้กังวลต่อแนวโน้มเสถียรภาพการคลังของรัฐบาลอังกฤษ จากการประกาศแผนงบประมาณล่าสุด ส่วนเงินเยนญี่ปุ่น (JPY) ก็พอได้รับอานิสงส์จากมุมมองของผู้เล่นในตลาดที่เริ่มกลับมาปรับเพิ่มความคาดหวังต่อแนวโน้มการเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ในเดือนธันวาคมนี้

อย่างไรก็ตาม การอ่อนค่าลงของเงินดอลลาร์ก็ถูกชะลอลงบ้างตามรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ล่าสุด ไม่ว่าจะเป็น ยอดผู้ขอรับสวัสดิการการว่างงาน (Jobless Claims) และยอดคำสั่งซื้อสินค้าคงทน (Durable Goods Orders) รวมถึง รายงานผลสำรวจภาวะเศรษฐกิจจากบรรดาเฟดสาขาต่างๆ (Fed Beige Book) ที่ไม่ได้ทำให้ผู้เล่นในตลาดปรับเปลี่ยนมุมมองต่อแนวโน้มดอกเบี้ยเฟดอย่างมีนัยสำคัญ โดยผู้เล่นในตลาดยังคงประเมินโอกาสราว 82% ที่เฟดจะสามารถเดินหน้าลดดอกเบี้ยได้ในการประชุมเดือนธันวาคมนี้ โดยเงินบาทยังคงเผชิญแรงกดดันบ้าง จากแรงซื้อเงินดอลลาร์ของผู้เล่นในตลาด โดยเฉพาะโฟลว์ธุรกรรมในช่วงปลายเดือน รวมถึงโฟลว์ธุรกรรมที่เกี่ยวกับสินค้าโภคภัณฑ์ อย่าง ทองคำและน้ำมันดิบ ทำให้เงินบาทยังคงไม่สามารถแข็งค่าขึ้นได้อย่างต่อเนื่อง

สำหรับในช่วง 24 ชั่วโมงหลังจากนี้ ผู้เล่นในตลาดจะรอประเมินแนวโน้มการดำเนินนโยบายการเงินของธนาคารกลางยุโรป (ECB) ผ่านรายงานการประชุมล่าสุด รวมถึงถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่ ECB โดยผู้เล่นในตลาดต่างประเมินว่า ECB อาจมีแนวโน้มคงดอกเบี้ย (Deposit Facility Rate) ที่ระดับ 2.00% ไปก่อน

ส่วนทางฝั่งเอเชีย ผู้เล่นในตลาดจะรอลุ้น ผลการประชุมธนาคารกลางเกาหลีใต้ (BOK) ซึ่งผู้เล่นในตลาดมองว่า BOK อาจพิจารณาคงดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ระดับ 2.50% โดยเฉพาะในช่วงที่ผ่านมา เงินวอนเกาหลีใต้ (KRW) ได้เผชิญแรงกดดันฝั่งอ่อนค่ามาอย่างต่อเนื่อง จนทางการเกาหลีใต้ได้แสดงความกังวลต่อความผันผวนและอ่อนค่าของเงินวอนฯ ในช่วงนี้ ส่วนในช่วงราว 6.30 น. ของเช้าวันศุกร์ นี้ ผู้เล่นในตลาด จะรอประเมินแนวโน้มเศรษฐกิจญี่ปุ่น ผ่านรายงานยอดค้าปลีก (Retail Sales) และยอดผลผลิตอุตสาหกรรม (Industrial Production) ในเดือนตุลาคม รวมถึงอัตราเงินเฟ้อ CPI ของกรุงโตเกียว ในเดือนพฤศจิกายน

และนอกเหนือจากประเด็นดังกล่าว เรามองว่า ผู้เล่นในตลาดจะรอติดตามพัฒนาการของสงครามรัสเซีย-ยูเครน หลังสหรัฐฯ ได้พยายามยุติสงครามดังกล่าวอีกครั้ง

สำหรับ แนวโน้มของค่าเงินบาท เรายังคงประเมินว่า เงินบาท (USDTHB) มีแนวโน้มทยอยแข็งค่าขึ้น ทดสอบระดับ 32.00 บาทต่อดอลลาร์ หรืออาจแข็งค่ากว่าระดับดังกล่าวได้บ้าง ในช่วงสิ้นปีนี้ หลังโมเมนตัมการแข็งค่าขึ้นของเงินบาทมีกำลังมากขึ้น แต่จะเห็นได้ว่า การแข็งค่าขึ้นของเงินบาทก็ยังคงเป็นไปอย่างจำกัด จากทั้งโฟลว์ธุรกรรมซื้อเงินดอลลาร์ในช่วงปลายปี รวมถึงโฟลว์ธุรกรรมที่เกี่ยวกับสินค้าโภคภัณฑ์ ทั้งทองคำและน้ำมันดิบ

นอกจากนี้ เรามองว่า ผู้เล่นในตลาดก็อาจขาดการรับรู้รายงานข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญเพิ่มเติม โดยเฉพาะข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญจากฝั่งสหรัฐฯ ในช่วงที่เหลือของสัปดาห์นี้ อีกทั้งจะเข้าสู่ช่วงวันหยุดเทศกาล Thanksgiving ในฝั่งสหรัฐฯ ทำให้ผู้เล่นในตลาดอาจยังไม่ปรับสถานะถือครองอย่างชัดเจน ซึ่งภาพดังกล่าวก็จะสะท้อนผ่าน มุมมองของผู้เล่นในตลาดต่อแนวโน้มดอกเบี้ยเฟดที่จะยังไม่ปรับเปลี่ยนอย่างมีนัยสำคัญ จนกว่าตลาดจะรับรู้ปัจจัยใหม่ๆ ซึ่งเรามองว่า อาจต้องรอลุ้นในช่วงต้นเดือนธันวาคม ที่จะมีรายงานดัชนี ISM PMI ภาคการผลิตและภาคการบริการของสหรัฐฯ รวมถึงข้อมูลการจ้างงานสหรัฐฯ จากภาคเอกชน ทั้ง ADP และ Revelio
กำลังโหลดความคิดเห็น