หลังจากปรับฐาน อยู่ในช่วงขาลงมายาวนาน จนทรุดลงไปต่ำสุดที่26.75บาท หุ้นบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด(มหาชน)หรือAOT ก็เริ่มฟื้นขึ้นมาใหม่ แม้ผลประกอบการปี2568 สิ้นสุด30 กันยายน2568 จะชะลอตัวลงก็ตาม
AOT แจ้งผลประกอบการปี2568 หลังปิดการซื้อขายหุ้น เมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายนที่ผ่านมา โดยมีกำไรสุทธิ18,553.94 ล้านบาท ลดลง5.54% เมื่อเทียบกับปี2567ที่กำไรสุทธิ19,642.32 ล้านบาท
แม้ผลประกอบการปี2568 สิ้นสุด 30 กันยายน 2568จะชะลอตัวลง แต่ราคาหุ้นบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด(มหาชน)หรือAOTก็พุ่งทะยาน ท่ามกลางมูลค่าการซื้อขายที่หนาแน่น กลับมาครองความเป็นหุ้นขนาดใหญ่ยอดนิยมอีกครั้ง ภายใตการคาดหมายถึงแนวดาดการณ์แนวโน้มการเติบโตที่สดใส
ราคาหุ้น AOT ขยับขึ้นเล็กน้อยในการเปิดซื้อขายวันที่ 24 พฤศจิกายน โดยปิดที่ 41.25 บาท เพิ่มขึ้น 25 สตางค์ แต่หลังเปิดการซื้อขายวันที่ 25 พฤศจิกายน ราคาพุ่งทะยานขึ้นทันที ก่อนปิดซื้อขายที่ราคา 43.75บาท เพิ่มขึ้น 2.50 บาท มูลค่าซื้อขาย 3,622.35 ล้านบาท และเป็นหุ้นที่มีการซื้อขายสูงสุดประจำวัน
ราคาหุ้น AOT หลุดจากจุดสูงสุดในรอบ 12 เดือนที่ 62 บาท และลงไปต่ำสุดที่ 26.75 บาท เนื่องจากผลกระทบจากปัจจัยหลายด้าน สร้างความวิตกกังวลในผลประกอบการ ทั้งรายได้จากส่วนแบ่งดิวตี้ ฟรีพอร์ตที่ลดลง ตามจำนวนนักท่องเที่ยวที่ไม่เป็นไปตามเป้าหมาย และการเลื่อนการจ่ายหนี้ของ บริษัท คิงส์ เพาเวอร์
นักลงทุนติดดอยหุ้น AOT จำนวนมหาศาล เพราะเข้าไปช้อนซื้อในช่วงขาลงที่ยืดเยื้อ โดยจำนวนผู้ถือหุ้นรายย่อยมีทั้งสิ้น 96,687 ราย แต่หลังจากลงไปติดดินที่ 26.75 บาท ราคาหุ้นจึงเริ่มกระเตื้องขึ้น และเริ่มมีข่าวดีเข้ามาสนับสนุน โดยจะมีการพิจารณาข้อเสนอปรับสัญญาของคิงส์ เพาเวอร์ ในการปรับแก้สัญญาอนุญาตให้ขายสินค้าปลอดภาษี
นอกจากนั้น คณะกรรรมการการบินพลเรือน กำลังจะพิจารณา รับขึ้นค่าบริการผู้โดยสารขาออก รวมทั้งจะได้รับอานิสงสจากการที่นักท่องเที่ยวจีน ยกเลิกการเดินทางไปเทียวญี่ปุ่น และย้ายมาเที่ยวในประเทศไทย ซึ่งส่งผลบวกต่อหุ้นกลุ่มท่องเที่ยวโดยรวม
นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ กลับมาแนะนำให้ช้อนเก็บหุ้น AOT อีกครั้ง เพราะประเมินแนวโน้มการเติบโตสดใส มีรายได้เพิ่มเติมอีกหลายทาง
และยังเป็นช่วงฤดูการท่องเที่ยว โดยบทวิเคราะห์จากฝ่ายวิจัย โบรกเกอร์ 18 แห่ง ส่วนใหญ่มองแนวโน้มราคาหุ้นสดใส แนะให้ถือต่อ โดยตั้งราคาเป้าหมายเฉลี่ยอยู่ที่ 38.47 บาท ขณะที่มีบางโบรกเกอร์ประเมินราคาเป้าหมายไว้เพียง 29.75 บาท แต่บางโบรกเกอร์มองาคาเป้าหมายที่ 48 บาท
จุดต่ำสุดของ AOT น่าจะพ้นไปแล้ว ราคาผ่านการปรับฐานสะเด็ดน้ำไปเรียบร้อย ตอบรับปัจจัยลบที่กระหน่ำเข้าใส่เป็นระลอก และนักลงทุนทยอยเข้ามาเก็บของกันใหม่ จนราคากระเตื้องขึ้นมาจาก 26.75 บาท จนมาปิดที่ 43.75 บาท ขยับรอบนี้ขึ้นมา 17 บาท หรือเพิ่มขึ้น 63.55% ซึ่งถ้าใครใจถึง กล้าช้อนตอนลงหนัก กำไรเละ แต่ช่วงขาลงติดพื้น นักลงทุนส่วนใหญ่ถอดใจกันหมด
นักลงทุนรายย่อย AOT แม้มีจำนวนมากเกือบ 1 แสนราย แต่ถือหุ้นรวมกันไม่ถึง 20% ของทุนจดทะเบียน เพราะกระทรวงการคลังถือหุ้นอยู่ 70% ของทุนจดทะเบียน รวมผู้ถือหุ้น 10 อันดับแรก ถือหุ้นอยู่กว่า 80% ของทุนจดทะเบียน เฉลี่ยแล้วนักลงทุนรายย่อยถือหุ้นคนละไม่มากนัก แต่ส่วนใหญ่แบกหุ้นต้นทุนสูงไว้
และกำลังเฝ้าลุ้นอยู่ว่า ขาขึ้นรอบนี้ AOT จะมีแรงวิ่งได้ไกลขนาดไหน แต่มาถึงราคานี้ บรรดาแมลงเม่าหายเครียดลงไปมากแล้ว