“อรรถพล”สั่งจัดทำแผนPDPฉบับใหม่ให้แล้วเสร็จใน3เดือนหรือภายในม.ค. 69 มั่นใจทันรัฐบาลชุดนี้ เผยสัดส่วนการผลิตไฟฟ้าจากSMRส่อเพิ่มมากกว่า 600เมกะวัตต์ เพื่อให้บรรลุเป้าหมายประเทศไทย สู่ Net Zero 2050 แย้มเปิดทางสิงคโปร์ร่วมเป็นพาร์ทเนอร์ในโครงการCCS
นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า คณะอนุกรรมการพยากรณ์และจัดทำแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศ (PDP) ที่มี นายทศพร ศิริสัมพันธ์ เป็นประธาน ได้มีการประชุมนัดแรกเมื่อวันที่ 24 พ.ย.ที่ผ่านมา โดยจะเร่งจัดทำแผน PDP ฉบับใหม่ให้เสร็จภายใน 3 เดือน หรือภายในเดือนม.ค.69 ทันรัฐบาลชุดนี้ เพื่อใช้เป็นแผนแม่บทด้านพลังงานของไทย
ส่วนโครงการดักจับและกักเก็บก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (Carbon Capture and Storage :CCS) ถือเป็นโครงการสำคัญที่จะผลักดันให้ไทยบรรลุเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์หรือ Net Zero ในปีค.ศ.2050 หากทำดีๆ จะเป็นธุรกิจใหม่ของประเทศไทย ล่าสุด ทางสิงคโปร์สนใจอยากเป็นลูกค้า โดยโครงการ Eastern Thailand CCS Hub ในพื้นที่EEC มูลค่าเงินลงทุนนับแสนล้านบาท คาดว่าจะกักเก็บคาร์บอนในอ่าวไทยได้มากกว่า 10ล้านตันต่อปี โดยไทยเปิดกว้างให้สิงคโปร์ และประเทศที่สนใจเข้าร่วมเป็นพันมิตรร่วมทุนได้ โดยขณะนี้ทาง ปตท.สผ. นำร่องโครงการ CCS ในแหล่งอาทิตย์แล้ว
โครงการ CCS เป็นหนึ่งโครงการตามนโยบายQuick Big Win ที่กำหนด 3 มาตรการ 10 โครงการ ประกอบด้วยมาตรการที่ 1 โซลาร์ภาคประชาชน มาตรการที่ 2 พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานระบบพลังงานรองรับภาคอุตสาหกรรม และมาตรการที่ 3 สร้างความมั่นคงด้านพลังงานระยะยาว รองรับNet Zero Emissions 2050
ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 25 พ.ย. 2568 คณะรัฐมนตรี(ครม.) มีมติอนุมัติมาตรการภาษีด้านพลังงานชุดใหญ่ที่กระทรวงพลังงานเสนอ ภายใต้นโยบาย Quick Big Win ซึ่งครอบคลุมทั้งภาคครัวเรือนและภาคธุรกิจ คาดว่าจะสร้างเม็ดเงินลงทุนกว่า 2.4 แสนล้านบาท ประกอบด้วย มาตรการสนับสนุนการติดตั้งโซลาร์รูฟท็อปในบ้านอยู่อาศัย เพื่อให้ประชาชนสามารถผลิตไฟฟ้าใช้เองและลดค่าไฟฟ้ารายเดือน โดยเปิดสิทธิให้บุคคลธรรมดานำค่าใช้จ่ายในการติดตั้งระบบ Solar Rooftop แบบเชื่อมต่อโครงข่าย (On-grid) ขนาดไม่เกิน 10 กิโลวัตต์พีค มาหักลดหย่อนภาษีได้ตามจริง แต่ไม่เกิน 2 แสนบาท คาดว่าจะมีผู้ใช้สิทธิกว่า 90,000 ครัวเรือน ช่วยลดการใช้ไฟฟ้าได้กว่า 585 ล้านหน่วยต่อปี ก่อให้เกิดเม็ดเงินหมุนเวียนทางเศรษฐกิจมากกว่า 2 หมื่นล้านบาท
ขณะเดียวกัน ครม.ยังได้อนุมัติมาตรการลดหย่อนภาษีเพื่อส่งเสริมให้ภาคอุตสาหกรรมและธุรกิจต่างๆ ปรับเปลี่ยนไปใช้เครื่องจักรและอุปกรณ์ประสิทธิภาพพลังงานสูง 5 ดาว อาทิ ปั๊มความร้อน สีทาผนังอาคาร กระจก ตู้เย็นเครื่องปรับอากาศ เป็นต้น โดยให้สิทธิลดหย่อนภาษีถึง 50% ของค่าใช้จ่ายในการลงทุน คาดว่าจะช่วยลดการใช้ไฟฟ้า 30,000 ล้านหน่วยต่อปี ลดค่าใช้จ่ายพลังงานได้กว่า 110,000 ล้านบาทต่อปี ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกอย่างน้อย 15 ล้านตันต่อปี และสร้างการลงทุนใหม่ไม่น้อยกว่า 2.2 แสนล้านบาท ทั้งนี้ประชาชนจะสามารถใช้สิทธิ์ลดหย่อนภาษีได้จนถึง 31 ธ.ค.2571
นายประเสริฐ สินสุขประเสริฐ เป็นปลัดกระทรวงพลังงาน กล่าวว่า การจัดแผน PDP ฉบับใหม่ คาดว่าสัดส่วนการผลิตไฟฟ้าจากโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ขนาดเล็ก (SMR) จะเพิ่มขึ้น เทียบกับแผนPDPเดิม SMR อยู่ที่ 600 เมกะวัตต์ เนื่องจากไทยเร่งแผน Net Zero เร็วขึ้น 15ปีจากเดิมกำหนดประเทศไทย Net Zero 2065 เลื่อนเป็นปี 2050 พบว่าความต้องการใช้ไฟฟ้าเพิ่มขึ้นมาก โดยเฉพาะกลุ่ม Data center ที่มีแผนเข้ามาลงทุนในประเทศไทย
จากบีโอไอ ระบุ กลุ่ม Data center ที่อนุมัติการส่งเสริมการลงทุนแล้ว 16 ราย มีความต้องการใช้ไฟฟ้า 1 กิกะวัตต์ หรือ 1,000เมกะวัตต์ และกำลังจะอนุมัติเพิ่มอีก 30 ราย รวม 4 กิกะวัตต์ ซึ่งเดิมกลุ่มData Centerต้องการใช้ไฟฟ้าสีเขียว แต่ล่าสุดเป็นไฟฟ้าจากเชื้อเพลิงอะไรก็ได้ขอให้มีเสถียรภาพ
ทั้งนี้ กระทรวงพลังงาน ผลักดันโครงการ Direct PPA นำร่อง 2,000 เมกะวัตต์ขายตรงให้กลุ่ม Data center คาดว่าจะเปิดได้ในเดือนม.ค.นี้ นับเป็นจุดเริ่มต้นการเปิดเสรีไฟฟ้าในไทย