บริษัท เอ็กซ์ซุส (EXUS) ผู้นำระดับโลกด้านซอฟต์แวร์บริหารจัดการการเรียกเก็บหนี้และการบริหารความเสี่ยงด้านเครดิต จัดงาน EXUS Executive Forum ภายใต้แนวคิด “Transforming Debt Collection in Thailand: AI, Innovation & the Future of Credit Risk” โดยมีผู้บริหารจากสถาบันการเงินชั้นนำ หน่วยงานกำกับดูแล และผู้นำด้านเทคโนโลยีเข้าร่วมจำนวนมาก เพื่อหารือแนวทางยกระดับโครงสร้างงานบริหารหนี้ของไทยภายใต้บริบททางเศรษฐกิจที่เปลี่ยนแปลงรวดเร็วและกฎระเบียบใหม่ด้านข้อมูลและ AI
งานครั้งนี้สะท้อนความตั้งใจของ EXUS ในการร่วมสนับสนุนสถาบันการเงินไทยให้สามารถนำเทคโนโลยี AI และระบบอัตโนมัติมาเสริมประสิทธิภาพการทำงาน เพิ่มความโปร่งใส และช่วยยกระดับการบริหารความเสี่ยงด้านเครดิตของประเทศ โดยเชื่อว่าความร่วมมือระหว่างภาคการเงินและภาคเทคโนโลยีจะมีบทบาทสำคัญต่อการสร้างระบบบริหารหนี้ที่เป็นธรรมและยั่งยืน
ภายในงานได้รับเกียรติจากวิทยากรที่มาร่วมปาฐกถาพิเศษ โดยคุณมาณพ เสงี่ยมบุตร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท Auto X ได้แบ่งปันมุมมองในหัวข้อ “Balancing on the Edge” และเสวนาแลกเปลี่ยนมุมมองโดยผู้บริหารวงการการเงินชั้นนำ ในหัวข้อ “Refining Collections in Thailand – Economic Pressures, Global Practices and the Power of AI” ประกอบด้วย คุณศิวะ กฤษณัน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายบริหารความเสี่ยง CardX
คุณ Colin Dinn กรรมการผู้จัดการ Platinion BCG คุณธนา โพธิกำจร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท กสิกร ไลน์ จำกัด (LINE BK) คุณDimitris Papadopoulos ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ EXUS และดำเนินรายการโดย คุณNiki Saliari ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการดูแลลูกค้าเชิงกลยุทธ์ EXUS
EXUS ชี้ 20 ปีที่ผ่านมา จากการ “ทวงหนี้” สู่ “การดูแลลูกค้า” บนพื้นฐานความเชื่อใจ
ภายในงาน Mr. Marios Siappas ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายองค์ความรู้ จาก EXUS นำเสนอภาพรวมของวิวัฒนาการวงการ Debt Collections ตลอดสองทศวรรษที่ผ่านมา พร้อมชี้ว่าอุตสาหกรรมนี้ได้เปลี่ยนบทบาทสำคัญจาก “งานทวงถาม” ที่อยู่หลังบ้าน ไปสู่ “กลไกเชิงกลยุทธ์” ที่มีอิทธิพลต่อความสัมพันธ์ลูกค้า ภาพลักษณ์องค์กร และผลกำไรโดยตรง โดยอุตสาหกรรมทั่วโลกได้ผ่าน 3 ยุคใหญ่ ได้แก่ 1) ยุค Operational Efficiency (2005–2012) ที่เน้นการลดต้นทุนและเร่งกระบวนการ 2) ยุค Intelligent Decisioning (2013–2020) ที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูลและการวิเคราะห์พฤติกรรม เพื่อคาดการณ์และออกแบบกลยุทธ์ และ 3) ยุค Customer-Centric Connection (2021–ปัจจุบัน) ที่มุ่งสร้างความเชื่อใจ การช่วยเหลือ และประสบการณ์ในแบบเฉพาะบุคคล
Mr. Marios เน้นว่า ความสำเร็จของงานบริหารหนี้ไม่ได้เกิดจากเทคโนโลยีเพียงอย่างเดียว แต่เกิดจาก ‘คนและกระบวนการ’ ที่สามารถปรับตัวและใช้งานระบบได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดย EXUS พบว่า องค์กรที่ทำได้ดีที่สุดมักมีลักษณะร่วมสำคัญ ได้แก่ การใช้ข้อมูลพฤติกรรมลูกค้าเพื่อเพิ่มอัตราการแก้ไขหนี้ได้ 15–25% การใช้โมเดล Early-Intervention เพื่อลดความเสี่ยงผิดนัดชำระได้ถึง 40% การมีผู้ดูแลระบบภายใน (Business Administrator) ช่วยให้การปรับกลยุทธ์คล่องตัวขึ้นกว่า 80% รวมถึงการรวมศูนย์ข้อมูลของทุกหน่วยงานในระบบเดียว ซึ่งช่วยยกระดับประสิทธิภาพโดยรวมอีก 10–15% เขากล่าวว่าแนวคิดของ EXUS ไม่ได้หยุดอยู่ที่การพัฒนาซอฟต์แวร์ แต่คือการ “Making Collections Heroes” การทำให้ลูกค้ากลายเป็นฮีโร่ในองค์กร ผ่านผลงานที่โดดเด่นและความสามารถในการขับเคลื่อนผลลัพธ์ทางธุรกิจอย่างเป็นรูปธรรม
ไทยเข้าสู่จุดเปลี่ยนสำคัญ AI จะเป็นแกนกลางของการบริหารหนี้ในอนาคต
ด้าน Mr. Dimitris Papadopoulos ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ EXUS นำเสนอเทรนด์ด้านข้อมูลและ AI ที่กำลังเปลี่ยนโฉมวงการ Collections ในไทย โดยกล่าวว่า ประเทศไทยกำลังอยู่ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อที่สำคัญ โดยมีปัจจัยเร่งหลายด้าน ได้แก่ ระดับหนี้ครัวเรือนที่สูงกว่า 87% ของ GDP การเปลี่ยนพฤติกรรมสู่ Mobile-first และ Digital-first อย่างเต็มรูปแบบ กรอบ AI Governance ของธนาคารแห่งประเทศไทย และกฎหมาย PDPA ที่กำหนดให้ระบบ AI ต้องโปร่งใส ตรวจสอบได้ และมีการกำกับดูแลที่ชัดเจน
Mr. Dimitris ระบุว่า สถาบันการเงินไทยหลายแห่งได้เริ่มเดินหน้า AI-first Roadmap แล้ว ทั้งการนำ GenAI มาใช้ตอบคำถามลูกค้า การพัฒนาแพลตฟอร์มข้อมูลและโมเดล Machine Learning รวมถึงการออกแบบระบบตัดสินใจแบบเรียลไทม์เพื่อให้สอดคล้องกับพฤติกรรมลูกค้าที่เปลี่ยนไป
ปัจจุบัน EXUS ยังอยู่ในระยะพัฒนานวัตกรรมใหม่อีกหลายด้าน เช่น การสร้างกลยุทธ์ผ่านภาษาธรรมชาติ (Natural Language) โดยไม่ต้องเขียนกฎเอง การใช้ GenAI ตรวจสอบความสอดคล้องกับกฎ ธนาคารแห่งประเทศไทยก่อนใช้งานจริง และระบบเชื่อมโยงข้อมูลทุกแพลตฟอร์มให้ทำงานร่วมกันได้อย่างไร้รอยต่อ ซึ่งจะช่วยยกระดับประสิทธิภาพการบริหารหนี้ของสถาบันการเงินไทยให้เทียบเท่ามาตรฐานโลกในอนาคตอันใกล้
EXUS พร้อมสนับสนุนไทยสู่ระบบบริหารหนี้ที่มีประสิทธิภาพ โปร่งใส และยั่งยืน
การจัดงาน EXUS Executive Forum ในไทยในครั้งนี้ นับเป็นอีกก้าวของบริษัทในการสร้างเวทีแลกเปลี่ยนความรู้เชิงลึกเพื่อสนับสนุนสถาบันการเงินไทยในการนำเทคโนโลยีเข้ามายกระดับการบริหารหนี้ ลดความเสี่ยงด้านเครดิต และสร้างประสบการณ์ลูกค้าที่ดีขึ้น เราเชื่อว่าความสำเร็จของระบบบริหารหนี้ไทยในอนาคตต้องเกิดจากการผสานกันของเทคโนโลยีระดับโลก ความเข้าใจมนุษย์ และความร่วมมือระหว่างทุกภาคส่วนเพื่อผลักดันเศรษฐกิจไทยให้แข็งแรง และช่วยให้ประชาชนสามารถฟื้นฟูสถานะการเงินได้อย่างยั่งยืนในระยะยาว