“พิพัฒน์”ลงพื้นที่นครศรีธรรมราชด่วน ระดมทุกหน่วย”คมนาคม”เร่งช่วยประชาชน หลังน้ำท่วมฉับพลันหลายจุดในพื้นที่ภาคใต้ พบถนนขาดหลายจุด รถโดยสารหยุดวิ่ง
วันที่ 22 พฤศจิกายน 2568 นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ลงพื้นที่จังหวัดนครศรีธรรมราชอย่างเร่งด่วนในช่วงบ่ายวันนี้ หลังเกิดฝนตกหนักต่อเนื่อง ส่งผลให้หลายอำเภอประสบปัญหาน้ำท่วมฉับพลัน กระทบเส้นทางสัญจร ระบบขนส่งสาธารณะ และความเป็นอยู่ของประชาชนในวงกว้าง โดยมีนางสาวศศิธร กิตติธรกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ร่วมลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมประชาชน พร้อมด้วยนายสมชาย ลีหล้าน้อย ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช ให้การต้อนรับและรายงานสถานการณ์อย่างใกล้ชิด
พื้นที่บริเวณวัดพรหมทอง อำเภอพระพรหม ถือเป็นหนึ่งในจุดที่ได้รับผลกระทบอย่างหนัก เนื่องจากเป็นพื้นที่ลุ่มต่ำและเป็นทางรับน้ำจากอำเภอลานสกาและอำเภอเมือง ส่งผลให้บ้านเรือน ถนนสายหลักของชุมชน และพื้นที่เกษตรถูกน้ำท่วมขังหลายแห่ง นายพิพัฒน์ได้ลงตรวจพื้นที่จริง รับฟังเสียงประชาชน และมอบถุงยังชีพเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนเบื้องต้น พร้อมกำชับให้หน่วยงานในสังกัดกระทรวงคมนาคมเร่งดำเนินการช่วยเหลือประชาชนอย่างเต็มกำลัง
จากรายงานของสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดนครศรีธรรมราช (ข้อมูลระหว่างวันที่ 17–21 พฤศจิกายน 2568) ระบุว่า ขณะนี้มีพื้นที่ประสบอุทกภัยแล้ว 19 อำเภอ ครอบคลุม 121 ตำบล 885 หมู่บ้าน และ 111 ชุมชน ประชาชนได้รับผลกระทบรวม 136,670 ครัวเรือน จำนวน 397,207 คน และมีผู้เสียชีวิต 3 ราย ขณะเดียวกันระดับน้ำในเขตเทศบาลนครนครศรีธรรมราชเริ่มลดลงบางจุด เนื่องจากระบบระบายน้ำสามารถทำงานได้ดีขึ้น แต่หลายพื้นที่ยังคงต้องเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด
ด้านผลกระทบต่อการเดินทาง กรมการขนส่งทางบกได้รายงานเมื่อเวลา 13.30 น. ว่า มีเส้นทางรถโดยสารประจำทางที่ต้องหยุดเดินรถชั่วคราว 3 สาย ได้แก่ สาย 1843 นครศรีธรรมราช–ทุ่งสง สาย 8459 ทุ่งสง–กะปาง และสาย 440 นครศรีธรรมราช–ภูเก็ต ซึ่งได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมบนถนนทางหลวงหมายเลข 403 และจุดจอดในเขตตลาดปากแพรก ขณะที่เส้นทางสายหลักทางหลวงหมายเลข 41 บริเวณปั๊ม ปตท.ผาทองทุ่งสง ยังสามารถสัญจรได้ แต่ต้องใช้ความระมัดระวังเป็นพิเศษ ส่วนสถานีขนส่งจังหวัดนครศรีธรรมราชยังเปิดให้บริการได้ แม้จะมีน้ำท่วมขังบางส่วน ขณะที่สถานีขนส่งผู้โดยสารทุ่งสงยังสามารถเปิดให้บริการได้ตามปกติ
นายพิพัฒน์ได้สั่งการให้กรมทางหลวง (ทล.) กรมทางหลวงชนบท (ทช.) กรมการขนส่งทางบก (ขบ.) บริษัท ขนส่ง จำกัด (บขส.) การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) และหน่วยงานในพื้นที่เร่งอำนวยความสะดวกประชาชน เปิดเส้นทางที่สามารถใช้งานได้ ทำป้ายเตือนในจุดเสี่ยง และบูรณาการความร่วมมือกับจังหวัด ตำรวจ และป้องกันภัยฝ่ายพลเรือน เพื่อให้สามารถช่วยเหลือประชาชนได้ทันต่อสถานการณ์ โดยเน้นย้ำให้ทุกหน่วยงานติดตามสถานการณ์น้ำในพื้นที่เสี่ยงตลอด 24 ชั่วโมง
ในระหว่างการลงพื้นที่ นายพิพัฒน์ได้พบปะประชาชน รับฟังปัญหาเกี่ยวกับการเดินทาง ถนนขาด รถโดยสารเข้าไม่ถึง และความต้องการเร่งด่วนของชุมชน พร้อมประสานเจ้าหน้าที่ในทันทีเพื่อจัดส่งเครื่องจักร รถกู้ภัย เรือท้องแบน และอุปกรณ์จำเป็นเข้าสนับสนุนการช่วยเหลือให้เร็วที่สุด ทั้งยังเตรียมลงพื้นที่ต่อเนื่องในอำเภอร่อนพิบูลย์และทุ่งสง รวมถึงประชุมกับผู้ว่าราชการจังหวัดเพื่อเร่งแก้ปัญหาเส้นทางสัญจรและความปลอดภัยของประชาชน
นายพิพัฒน์ กล่าวว่า ตามหลักเกณฑ์ที่นายกรัฐมนตรีประกาศไว้ ผู้ที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมขังต่อเนื่องหนึ่งเดือน จะได้รับการช่วยเหลือเบื้องต้นครัวเรือนละ 9,000 บาท และหากน้ำยังท่วมขังเกินหนึ่งเดือน จะมีการช่วยเหลือเพิ่มเติมเดือนละ 5,000 บาท โดยจะเพิ่มขึ้นแบบขั้นบันไดตามระยะเวลาที่เกิดความเสียหายจริง เพื่อให้ประชาชนมีเงินประคับประคองชีวิตในช่วงวิกฤต
ทั้งนี้ มาตรการดังกล่าวเป็นแนวทางที่รัฐบาลตั้งใจใช้เป็น “มาตรฐานกลาง” สำหรับการช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยในทุกภูมิภาคของประเทศ โดยยึดจากระยะเวลาน้ำท่วมขังและความเสียหายที่เกิดขึ้นจริงเป็นสำคัญและในสถานการณ์ฉุกเฉินแบบนี้ ความปลอดภัยของประชาชนคือเรื่องใหญ่ที่สุด ทุกหน่วยงานต้องตอบสนองอย่างรวดเร็ว อยู่ในพื้นที่จริง และทำงานแบบไม่ให้ประชาชนต้องรอนาน ผมจะติดตาม ความเดือดร้อนของ พี่น้องชาวนครศรีธรรมราชและภาคใต้จนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย และจะรายงานความคืบหน้าอย่างต่อเนื่อง
กระทรวงคมนาคมได้เปิดช่องทางให้ประชาชนแจ้งเหตุด้านคมนาคมเร่งด่วนผ่านสายด่วนของแต่ละหน่วยงาน ได้แก่ กรมทางหลวง 1586 กรมทางหลวงชนบท 1146 กรมการขนส่งทางบก 1584 บริษัท ขนส่ง จำกัด 1490 การรถไฟแห่งประเทศไทย 1690 และท่าอากาศยานหาดใหญ่ 074-227000 รวมถึงศูนย์ฉุกเฉิน 191 และสายด่วนการแพทย์ฉุกเฉิน 1669 เพื่อให้สามารถช่วยเหลือได้ทันทีในทุกช่วงเวลา