“ทีพีซี เพาเวอร์ โฮลดิ้ง ” ส่งสัญญาณชัด! เร่งก่อสร้างโครงการ Solar Farm ใน สปป.ลาว ขนาดกำลังการผลิต 100 เมกะวัตต์ คาด Pre-COD บางส่วนได้ ภายในไตรมาส 4/2568พร้อมเดินเครื่องเต็มอัตราช่วงต้นปี 2569 ฟากผู้บริหารหวังดันกำลังการผลิตไฟฟ้ารวม แตะ 190.2 เมกะวัตต์ตามแผน ช่วยสร้างรายได้เพิ่ม หนุนอนาคตเติบโตต่อเนื่อง
นางกนกทิพย์ จันทร์พลังศรี ประธานคณะกรรมการบริหาร บริษัท ทีพีซี เพาเวอร์ โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) (TPCH) ประกอบธุรกิจหลักโดยการถือหุ้นในบริษัทอื่น (Holding Company) ที่ประกอบธุรกิจผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน เปิดเผยว่า บริษัทฯ เร่งก่อสร้างโครงการพลังงานแสงอาทิตย์ ในสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป.ลาว) ซึ่ง TPCH เข้าร่วมลงทุนกับ บริษัท แม่โขง พาวเวอร์ จํากัด (MKP) ในสัดส่วน 40% ประกอบธุรกิจผลิต และจําหน่ายกระแสไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ใน สปป.ลาว และได้ลงนามในสัญญาซื้อขายไฟฟ้าจำนวน 100 เมกะวัตต์ กับรัฐวิสาหกิจไฟฟ้าลาว (EDL) เรียบร้อยแล้ว
ปัจจุบันมีความคืบหน้าตามสัญญาการก่อสร้างมากกว่า 60% โดยมีแผนที่จะดําเนินการ Pre-COD บางส่วน เพื่อจําหน่ายไฟฟ้าเข้าสู่ระบบเชิงพาณิชย์ภายในไตรมาส 4/2568 คาดว่า จะสามารถเปิดดําเนินการเชิงพาณิชย์เต็มกําลังการผลิตได้ ภายในไตรมาส 1/2569 และจะทยอยรับรู้รายได้เต็มจํานวน ภายในไตรมาส 2/2569
“การก่อสร้างโครงการพลังงานแสงอาทิตย์ ใน สปป.ลาว มีความคืบหน้าอย่างมาก ซึ่งคาดว่า จะสามารถ COD ได้เต็มรูปแบบภายในไตรมาส 1/2569 จะส่งผลให้สามารถเพิ่มกำลังการผลิตไฟฟ้ารวม ทั้งในประเทศ และต่างประเทศ แตะระดับ 190.2 เมกะวัตต์ และจะช่วยเพิ่มสัดส่วนรายได้ของบริษัทฯ รวมถึง เสริมความแข็งแกร่งของฐานะทางการเงินอย่างมีนัยสำคัญ” นางกนกทิพย์ กล่าว
ด้านนายเชิดศักดิ์ วัฒนวิจิตรกุล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ทีพีซี เพาเวอร์ โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) (TPCH) กล่าวว่า สำหรับการพัฒนาโครงการพลังงานทดแทนในประเทศ ทั้งการพัฒนาโรงไฟฟ้าพลังงานขยะ ประกอบด้วย โรงไฟฟ้าขยะชุมชน สยาม พาวเวอร์ หนองสาหร่าย (SPNS) กำลังการผลิตติดตั้ง 9.9 เมกะวัตต์ และโรงไฟฟ้าขยะชุมชน สยาม พาวเวอร์ นากลาง (SPNK) ขนาดกำลังการผลิตติดตั้ง 9.9 เมกะวัตต์ ปัจจุบันได้รับใบอนุญาตก่อสร้างอาคารแล้ว
ขณะนี้ อยู่ระหว่างการขอใบอนุญาตประกอบกิจการโรงงาน (รง.4) ซึ่งอยู่ในขั้นตอนการพิจารณาของกรมโรงงานอุตสาหกรรม ขณะที่ โรงไฟฟ้าพลังงานขยะ สยาม พาวเวอร์ นนทบุรี (SPNT) กำลังการผลิตติดตั้ง 9.5 เมกะวัตต์ มีการดำเนินการปรับปรุงแก้ไขเครื่องจักร ให้สามารถเดินเครื่องให้มีความเสถียรมากขึ้น
ในส่วนของโรงไฟฟ้าพลังงานชีวมวล จำนวน 7แห่ง ประกอบด้วย CRB, MWE, MGP, TSG, PGP, SGP, PTG มีกำลังการผลิตติดตั้ง 80.7 เมกะวัตต์ มีการปรับกลยุทธ์ในการพัฒนาประสิทธิภาพการเดินเครื่องให้มีศักยภาพมากขึ้น พร้อมควบคุมต้นทุนในการผลิต ควบคู่กับการแสวงหาแหล่งเชื้อเพลิงใหม่ และยังติดตามนโยบายการรับซื้อไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนจากภาครัฐอย่างต่อเนื่อง เพื่อเพิ่มช่องทางสร้างรายได้
“TPCH ยังคงให้ความสําคัญกับการเพิ่มประสิทธิภาพการดําเนินงานของโครงการที่มีอยู่ ควบคู่กับการบริหารโครงสร้างทางการเงินและการปรับพอร์ตการลงทุนให้เหมาะสมกับสภาวะตลาดและกระแสรายได้ของบริษัทฯ ทั้งในระยะสั้นและระยะยาว ขณะเดียวกัน ตระหนักถึงการดําเนินธุรกิจตามหลัก Environment, Social และ Governance (ESG) เพื่อสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อสิ่งแวดล้อม สังคม และการกํากับดูแล โดยเน้นการใช้พลังงานหมุนเวียนจากโรงไฟฟ้าชีวมวลและพลังงานขยะ เพื่อผลิตพลังงานสะอาด ลดการพึ่งพาพลังงานฟอสซิล เพื่อสร้างความมั่นคงและเติบโตอย่างยั่งยืนในอนาคต” นายเชิดชัยกล่าว