xs
xsm
sm
md
lg

'พิพัฒน์'ชี้4ปัจจัยท้าทายเศรษฐกิจไทยรับกระแสโลกเปลี่ยน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:



'พิพัฒน์ เหลืองนฤมิตชัย'มองเศรษฐกิจไทยยังโตต่ำต่อเนื่อง เผย 4 D ความท้าทายเศรษฐกิจไทย "Demographic-Deglobalization-Digital Technology-Decarbonization" แนะเร่งเสริม skill แรงงาน - หนุนลงทุน - สร้าง Productivity รับคลื่นกระแสโลกใหม่

นายพิพัฒน์ เหลืองนฤมิตชัย กรรมการผู้จัดการ หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ กลุ่มธุรกิจการเงินเกียรตินาคิน (KKP)
กล่าวในงานสัมมนา PRACHACHAT OUTLOOK THAILAND 2026 : ปรับ-เปลี่ยน-ไปต่อ ในหัวข้อ Geoeconomics -AI Turning Point ว่า ภาพเศรษฐกิจในปัจจุบันเทียบกับต้นปีแล้วมีเรื่องทั้งที่ตามคาด และเกินคาด โดยส่วนที่ตามคาดก็คือ เศรษฐกิจไทยโตช้าจากปัญหาเชิงโครงสร้างคือจะโตประมาณ 2% ส่วนที่เกินคาดหรือช็อคก็คือ ภาคการท่องเที่ยวที่ชะลอกว่าที่คาด และอาจจะไม่ใช่เรื่องชั่วคราว อีกส่วนก็คือสงครามการค้าที่รุนแรงกว่าคาด แม้เศรษฐกิจครึ่งปีแรกจะโตสูงกว่าคาดโดยไตรมาสแรกโต 3.2%, ไตรมาส 2 โต 2.8% แต่ทั้งปีโต 2% ก็เท่ากับครึ่งปีหลังแต่ละไตรมาสโตเฉลี่ย 1% เป็นผลมาจากการเร่งส่งออก และการท่องเที่ยวชะลอตัว ขณะที่การส่งออกที่เติบโตดีอย่างปีก่อนโต 19% แต่ภาคการผลิตโต 1% สะท้อนให้เห็นว่าการส่งออกนั้นไม่ได้มาจากการผลิตในประเทศไทย โดยเราคาดการณ์การเติบโตต่ำนี้จะลากยาวไปถึงครึ่งแรกของปีหน้า เพราะยังมองไม่เห็นว่าอะไรจะเป็นตัวขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ท่องเที่ยว-ส่งออกแนวโน้มยังชะลอ ภาคการลงทุนแม้จะมียอดคำขอส่งเสริมการลงทุนจากบีโอไอจะสูงแต่การลงทุนจะเกิดขึ้นจริงต้องใช้เวลา

ขณะที่ ภาคต่างประเทศนั้น เราต้องเตรียมพร้อมที่จะรับกับ Geoeconomics ซึ่งจะแตกต่างจากโลกที่เราเคยมีความสุขเมื่อ 40-50 ปีที่แล้ว เพราะ Geoeconomics คือการใช้เครื่องมือทางเศรษฐกิจ-การค้ามาเพื่อให้บรรลุผลทางการเมือง จากที่เคยเป็น Globalization ก็จะมาเป็น Deglobalization อันเกิดจากสงครามการค้าที่เกิดขึ้น ดังนั้น จึงต้องมาวางแผนว่า เราซึ่งเป็นหนึ่งในผู้เล่นของโลกจะไปต่ออย่างไรในภาวะที่กฎกติกาต่างๆยังไม่ชัดเจน การวางตัวลำบากขึ้นจากปัญหาภูมิรัฐศาสตร์ ขณะที่ภาคการลงทุนที่เคยไหลมาสู่ประเทศกำลังพัฒนา ก็จะกลับไปสู่ประเทศที่พัฒนาแล้วด้วยเรื่องของเทคโนโลยีที่สูง

โดยสรุปเศรษฐกิจไทยจะต้องเผชิญกับ 4D ที่เปลี่ยนทิศเศรษฐกิจไทย ก็คือ
Demographic – การเข้าสู่สังคมสูงวัย ประชากรไม่ได้เติบโตอย่างรวดเร็วอีกต่อไป ทำให้แรงสนับสนุนจากโครงสร้างประชากรต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจลดลง

Deglobalization – โลกกำลังเคลื่อนจากยุคโลกาภิวัตน์ไปสู่การแยกตัวเป็นกลุ่ม ประเทศต่าง ๆ ลดการพึ่งพากันและกัน ทำให้ไทยเสียประโยชน์จากโมเดลการเติบโตแบบเดิม

Digital Technology – เทคโนโลยีใหม่สร้างรูปแบบการแข่งขันที่แตกต่าง และทำให้รูปแบบการลงทุนกลับไปสู่ประเทศพัฒนาแล้ว

และ Decarbonization – กระแสรลดคาร์บอนและการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงานสะอาดซึ่งมาพร้อมต้นทุนใหม่ ๆ ที่ทุกประเทศต้องรับมือ

"ด้วย 4 ปัจจัยนี้จะเป็นตัวบีบให้เราต้องปรับ ต้องเปลี่ยน ถ้าเราไม่เปลี่ยนโลกที่เราที่เคยแฮปปี้มา 40-50 ปีก็จะไม่เป็นอย่างนั้นอีกแล้ว"

นายพิพัฒน์กล่าวอีกว่า แนวทางการปรับเปลี่ยนก็ต้องมาดูว่าจีดีพีโตมาจากไหน หนึ่ง แรงงานซึ่งเรากำลังจะขาดจากการเข้าสู่สังคมสูงวัย ดังนั้น จะหาทดแทนอย่างไร รวมถึงการเพิ่มทักษะให้กับแรงงานที่มีอยู่ และสร้างความสะดวกหรือแรงจูงใจให้แรงงานต่างชาติหรือคนไทยที่ไปทำงานต่างประเทศกลับมาทำงานในไทย สอง เพิ่มการลงทุนที่มีประโยชน์ต่อเศรษฐกิจ-สร้างงานในประเทศ และสามสร้าง Productivity ที่ไม่ใช่เพียงปริมาณการผลิตเป็นสำคัญ ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะต้องมีการร่วมมือ-แก้ปัญหาอย่างเป็น Solution ที่ทุกฝ่ายต้องร่วมกัน

"หากมีการเลือกตั้งครั้งใหม่ สิ่งที่เราอยากฟังจากหลายๆพรรคว่า จะมีนโยบายการแก้ปัญหาเศรษฐกิจอย่างไรท่ามกลางความท้าทายที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ภายใต้ข้อจำกัดทางการคลังที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆหลังจากที่ต้องกระตุ้นเศรษฐกิจมาต่อเนื่อง เพราะเชื่อว่าปัจจุบันเรารู้กันแล้วว่าเรามีปัญหาอะไร เกิดจากอะไร เป้าหมายเป็นอย่างไร จึงอยู่ที่ว่าวิธีที่จะไปให้ถึงว่าจะทำอย่างไร มากกว่าที่จะฟังเรื่องจะแจกเงินเท่าไหร่-ช่องทางไหน"
กำลังโหลดความคิดเห็น