xs
xsm
sm
md
lg

“พิพัฒน์” สั่งเดินหน้าพัฒนา”จุดพักรถ”ทางหลวงสายใต้ เร่ง”วงแหวนหาดใหญ่" กว่า 66 กม. ยกระดับสู่ศูนย์กลางศก.เชื่อมชายแดน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:



“พิพัฒน์” ตรวจจุดพักรถ”หมวดทางหลวงเทพา”สายหลักภาคใต้ สั่ง ยกระดับมาตรฐานทั่วประเทศ รับเดินทางช่วงเทศกาล ลดอุบัติเหตุ ด้านกรมทางหลวง เร่งผลักดัน "วงแหวนรอบเมืองหาดใหญ่" กว่า 66 กม. ยกระดับสงขลาสู่ศูนย์กลางเศรษฐกิจภาคใต้ เชื่อมชายแดนไทย-มาเลเซีย

วันที่ 19 พ.ย. 2568 นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ลงพื้นที่ตรวจราชการ ที่อำเภอเทพา จังหวัดสงขลา ณ จุดพักรถหมวดทางหลวงเทพา บนทางหลวงหมายเลข 43 ตอนจะนะ–ปาแด อำเภอเทพา จังหวัดสงขลา ซึ่งอยู่ในความรับผิดชอบของแขวงทางหลวงสงขลาที่ 2 สำนักงานทางหลวงที่ 18 โดยมี ดร.รัชพงศ์ ชูแก้ว เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม นายจิรวัตร์ มณีโชติ รองผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา นายจิระพงศ์ เทพพิทักษ์ ผู้ตรวจราชการกระทรวงคมนาคม นายปิยพงษ์ จิวัฒนกุลไพศาล อธิบดีกรมทางหลวง (ทล.) พร้อมผู้บริหารหน่วยงานส่วนกลางและท้องถิ่น ร่วมติดตาม

นายพิพัฒน์กล่าวว่า ทางหลวงหมายเลข 43 เป็นโครงข่ายหลักที่เชื่อมสู่ 3 จังหวัดชายแดนใต้ รองรับทั้งการเดินทาง การท่องเที่ยว และการขนส่งสินค้า ทำให้ความพร้อมของจุดพักรถมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อความปลอดภัยของประชาชนที่ใช้เส้นทางนี้เป็นจำนวนมากในแต่ละวัน พร้อมยกระดับจุดพักรถทุกแห่งของกรมทางหลวงจะต้องพัฒนาให้ได้มาตรฐานเดียวกันในทุกภูมิภาค เพื่อรองรับการเดินทางจำนวนมากในช่วงปีใหม่และเทศกาลสำคัญ โดยจุดพักรถจะต้องมีองค์ประกอบครบถ้วน ได้แก่ พื้นที่พักให้ผู้ขับขี่คลายความเมื่อยล้า มีลานจอดรถบรรทุกและรถยนต์แยกเป็นสัดส่วน ห้องน้ำสะอาดเพียงพอ ห้องละหมาดและพื้นที่อเนกประสงค ระบบไฟส่องสว่าง กล้องวงจรปิด และมาตรการดูแลความปลอดภัย และการบริหารจัดการพื้นที่โดยเจ้าหน้าที่ประจำ

ทั้งหมดนี้ถือเป็นมาตรการสำคัญใน “แผนลดอุบัติเหตุทางถนน” ที่เน้นให้ผู้ขับขี่ได้หยุดพักอย่างเหมาะสม ลดความเสี่ยงจากอาการล้า และช่วยให้การจราจรบนถนนสายหลักปลอดภัยมากขึ้น พร้อมกำชับให้ทุกหน่วยงานเตรียมความพร้อมสูงสุดก่อนเข้าสู่ช่วงเทศกาลที่มีปริมาณรถหนาแน่นกว่าปกติ

นายปิยพงษ์ จิวัฒนกุลไพศาล อธิบดีกรมทางหลวง เปิดเผยว่า จุดพักรถหมวดทางหลวงเทพาเป็นหนึ่งใน 167 แห่งทั่วประเทศที่กรมทางหลวงดูแล และมีการประสานงานร่วมกับตำรวจทางหลวง หน่วยกู้ภัย และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ทำให้พื้นที่แห่งนี้มีความพร้อมและเป็นต้นแบบของการให้บริการประชาชน ทั้งในด้านความสะดวก ความปลอดภัย และความเป็นระเบียบเรียบร้อยโดยกรมทางหลวงมุ่งยกระดับจุดพักรถทุกแห่งทั่วประเทศให้มีมาตรฐานเดียวกัน เพื่อให้ประชาชนเดินทางได้อย่างมั่นใจและปลอดภัยมากที่สุด


@เดินหน้า"วงแหวนรอบเมืองหาดใหญ่" 66 กม. ดันสู่ศูนย์กลางเศรษฐกิจภาคใต้

นอกจากนี้ กรมทางหลวง ยังได้ เดินหน้าพัฒนาโครงข่ายคมนาคมที่สำคัญในพื้นที่ภาคใต้ตอนล่าง โดยผลักดันโครงการ“ถนนวงแหวนรอบเมืองหาดใหญ่” เพื่อยกระดับศักยภาพจังหวัดสงขลาในฐานะศูนย์กลางการค้าและระบบโลจิสติกส์ของภูมิภาค ซึ่งอำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา ถือเป็นเมืองเศรษฐกิจสำคัญอันดับต้นของภาคใต้ มีบทบาทโดดเด่นทั้งด้านการค้า การท่องเที่ยว การประมง และการเกษตรกรรม ด้วยทำเลที่ตั้งยุทธศาสตร์เชื่อมโยงการเดินทางระหว่างภาคใต้ตอนบนและตอนล่าง โดยมีแนวทางหลวงหมายเลข 4 (ถนนเพชรเกษม) ผ่านจังหวัดพัทลุงสู่หาดใหญ่ และมุ่งหน้าสู่ด่านพรมแดนไทย – มาเลเซีย รวมถึงเชื่อมต่อโครงข่ายสำคัญ ได้แก่ ทางหลวงหมายเลข 414, 407 และ 43 ไปยังเมืองสงขลา พัทลุง ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส

การมีโครงข่ายทางเลี่ยงเมืองที่มีประสิทธิภาพ คือปัจจัยสำคัญในการเสริมสร้างขีดความสามารถทางการแข่งขันของเมืองนั้น ๆ โครงการทางเลี่ยงเมืองหาดใหญ่จึงเป็นกลไกสำคัญที่จะยกระดับเศรษฐกิจของภาคใต้ตอนล่างให้ทัดเทียมกับเมืองเศรษฐกิจชั้นนำอื่น ๆ เช่น ความสำเร็จที่เกิดขึ้นแล้วในจังหวัดใหญ่ ๆ ทั่วประเทศไทย ที่ประสบความสำเร็จในการแก้ไขปัญหาการจราจร ได้แก่

-ทางเลี่ยงเมืองเชียงใหม่ (ทล. 121) ประกอบด้วยถนนวงแหวนรอบนอกหลายสาย (วงแหวนรอบที่ 1, 2, และ 3) ที่ช่วยจัดการจราจรทั้งที่ต้องการเข้าสู่ตัวเมืองและเดินทางผ่านไปยังอำเภออื่น ๆ

-ทางเลี่ยงเมืองขอนแก่น (ทล. 230) เป็นเส้นทางที่ช่วยเสริมศักยภาพให้ขอนแก่นเป็นศูนย์กลางโลจิสติกส์ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ โดยเฉพาะการเชื่อมต่อการคมนาคมไปยังจังหวัดใกล้เคียง

-ถนนวงแหวนรอบเมืองอุดรธานี (ทล.216) เป็นถนนบายพาสสำคัญ ช่วยลดความแออัดในตัวเมืองอุดรธานี และเชื่อมโยงการเดินทางบนถนนมิตรภาพ (ทล.2) สู่จังหวัดหนองคาย/สกลนคร

ดังนั้น โครงการถนนวงแหวนรอบเมืองหาดใหญ่จึงเป็นการดำเนินการตามยุทธศาสตร์ เพื่อตอกย้ำสถานะของสงขลาในฐานะเมืองเศรษฐกิจภาคใต้และศูนย์กลางการค้าขายประเทศเพื่อนบ้าน


@วงแหวนรอบเมืองหาดใหญ่ ด้านตะวันออก ช่วงแรก 7 กม.สร้างแล้วเกือบ50%

นายปิยพงษ์ กล่าวว่า โครงการถนนวงแหวนรอบเมืองหาดใหญ่ (ทางหลวงหมายเลข 425) เป็นแผนงานโครงการสำคัญภายใต้แผนแม่บทการพัฒนาทางเลี่ยงเมืองของกรมทางหลวง และเป็นนโยบายเร่งด่วนของกระทรวงคมนาคม ซึ่งได้ตรวจติดตามงานและได้กำชับให้กรมทางหลวงเร่งรัดทุกขั้นตอน เพื่อผลักดันโครงการถนนวงแหวนรอบเมืองหาดใหญ่โดยเร็ว

ปัจจุบัน กรมทางหลวงได้ดำเนินโครงการด้านตะวันออกช่วงแรกแล้ว จากทางหลวงหมายเลข 4 (บ้านพรุ) ถึงทางหลวงหมายเลข 4135 ทางเข้าสนามบินหาดใหญ่ ระยะทาง 7.182 กิโลเมตร ขนาด 4 ช่องจราจร ใช้งบประมาณค่าเวนคืนและก่อสร้างรวม 3,378 ล้านบาท ปัจจุบันมีความคืบหน้าการก่อสร้างงานโยธาด้านซ้ายทางประมาณ 50% และด้านขวาทางประมาณ 15%


@ EIA ผ่านแล้ว พร้อมชงครม.สร้างอีก 59 กม.

สำหรับส่วนที่เหลือ ระยะทางอีกประมาณ 59 กม. ประกอบด้วย

1.ด้านตะวันออก ระยะทาง 24.153 กม. เริ่มจากทางหลวงหมายเลข 414 บ้านทุ่งน้ำ ผ่านทางหลวงหมายเลข 407 และ 43 สิ้นสุดบรรจบทางหลวงหมายเลข 4 ทางด้านใต้ของเมืองหาดใหญ่ งบประมาณค่าเวนคืนและก่อสร้างรวม 17,890 ล้านบาท

2.ด้านตะวันตก ระยะทาง 35.51 กม. เริ่มจากท่าอากาศยานหาดใหญ่ วนขึ้นไปทางเหนือผ่านทางหลวงหมายเลข 4287 และเชื่อมทางหลวงหมายเลข 4 ทางด้านเหนือของเมืองหาดใหญ่ และไปสิ้นสุดที่จุดบรรจบทางหลวงหมายเลข 414 งบประมาณค่าเวนคืนและก่อสร้างรวม 24,037 ล้านบาท

โดยรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA)ของโครงการ ได้รับความเห็นชอบแล้ว และกรมทางหลวงอยู่ระหว่างเตรียมเสนอกระทรวงคมนาคมให้ความเห็นชอบ ก่อนนำเสนอต่อคณะรัฐมนตรีขออนุมัติดำเนินโครงการ และเข้าสู่ขั้นตอนการจัดกรรมสิทธิ์ที่ดินและก่อสร้างต่อไป

อธิบดีกรมทางหลวงกล่าวว่า เมื่อโครงการแล้วเสร็จครบทั้งวง วงแหวนรอบเมืองหาดใหญ่จะเป็นโครงข่ายโลจิสติกส์สำคัญ ที่เชื่อมโยงพื้นที่เศรษฐกิจ กระจายโอกาสสู่ชุมชนรอบนอก และเพิ่มประสิทธิภาพระบบขนส่ง ลดปัญหาการจราจรแออัดในเขตเมือง สนับสนุนการท่องเที่ยว การค้า และเศรษฐกิจชายแดนไทย–มาเลเซีย โดยมุ่งยกระดับคุณภาพชีวิตประชาชนและเสริมศักยภาพเศรษฐกิจของภาคใต้ตอนล่างอย่างยั่งยืน




กำลังโหลดความคิดเห็น