รัฐผลักแผนเก็บ IOF จากธุรกรรมคริปโตหลังถูกจัดประเภทเป็นตราสารฟอเร็กซ์ ขณะตลาด Stablecoin มูลค่ากว่า 42,800 ล้านดอลลาร์พุ่งแรง รัฐหวังอุดรูรั่วภาษีนำเข้า แต่ภาคธุรกิจหวั่นกระทบต้นทุน-กดนวัตกรรม ซึ่งกฎใหม่มีผล ก.พ. 2569 พร้อมขยายการรายงานธุรกรรมครอบคลุมแพลตฟอร์มต่างชาติ เผยมีผู้นำเข้าบราซิลกว่า 30,000 ล้านดอลลาร์ต่อปีใช้ Stablecoin หลีกเลี่ยงภาษี
บราซิลลุยจัดระเบียบคริปโต เตรียมรีดภาษีโอนเงินข้ามแดนผ่านสินทรัพย์ดิจิทัล
บราซิลกำลังพิจารณาบังคับใช้ภาษีการทำธุรกรรมทางการเงิน (IOF) กับการใช้คริปโตในการชำระเงินระหว่างประเทศ ซึ่งอาจเปลี่ยนโฉมระบบจ่ายเงินข้ามพรมแดนของประเทศที่เป็นหนึ่งในตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลเติบโตเร็วที่สุดในโลก
แหล่งข่าวระดับสูงเผยว่า กระทรวงการคลังกำลังทบทวนว่าการโอนคริปโตบางประเภทโดยเฉพาะ Stablecoin ควรถูกจัดเก็บ IOF หรือไม่ หลังธนาคารกลางประกาศปรับนิยามให้ธุรกรรมคริปโตบางรูปแบบ “เข้าข่ายธุรกรรมฟอเร็กซ์” ตามกฎใหม่ที่เพิ่งประกาศในเดือนนี้
แม้กระทรวงการคลังยังไม่ให้ความเห็นต่อสาธารณะ แต่เจ้าหน้าที่ระบุชัดว่าเป้าหมายของแผนนี้คือ “ปิดช่องว่างกำกับดูแล” มากกว่าการหารายได้ใหม่ ทว่าการจัดเก็บภาษีเพิ่มอาจช่วยพยุงการคลังในจังหวะที่รัฐบาลกำลังดิ้นรนรักษาวินัยงบประมาณ
Stablecoin ครองตลาด 2 ใน 3 ของธุรกรรมคริปโต บราซิลคุมเข้มหลังถูกจัดเป็นตราสาร FX
ตลาดคริปโตบราซิลขยายตัวแรง จากข้อมูลสำนักงานภาษี เผยธุรกรรมครึ่งแรกปี 2568 พุ่งแตะ 227,000 ล้านเรียล (42.8 พันล้านดอลลาร์) เพิ่มขึ้น 20% จากปีก่อน และกว่า 2 ใน 3 ของมูลค่ามาจาก USDT ที่ผู้อยู่อาศัยใช้เป็นทางเลือกถือดอลลาร์และโอนเงินระหว่างประเทศ
บิทคอยน์ กลับมีสัดส่วนเพียง 11% สะท้อนบทบาท Stablecoin ที่กลายเป็น “สกุลเงินเงา” ในตลาดฟอเร็กซ์ประเทศเกิดใหม่
การจัดประเภท Stablecoin เป็นตราสาร FX ทำให้ธุรกรรมซื้อ-ขาย-แลก Stablecoin, การโอนเงินต่างประเทศผ่านสินทรัพย์ดิจิทัล, การชำระเงินผ่านบัตรที่อ้างอิงคริปโต รวมถึงการโอนจากและเข้าสู่กระเป๋า Self-Custody ถูกมองว่า “เป็นธุรกรรมฟอเร็กซ์ทั้งหมด” เมื่อกฎหมายมีผล ก.พ. 2569
แม้ยังไม่เท่ากับต้องเสีย IOF โดยอัตโนมัติ แต่ถือเป็น “ฐานทางกฎหมาย” ที่เปิดทางให้รัฐบาลออกเกณฑ์ภาษีชุดใหม่ได้ทันที
รัฐขยายเกณฑ์รายงานธุรกรรม หวังสกัดนำเข้าเลี่ยงภาษีกว่า 30,000 ล้านดอลลาร์
หน่วยงานภาษียังออกกฎใหม่ให้ประชาชนรายงานธุรกรรมที่ผ่านแพลตฟอร์มต่างชาติที่ให้บริการในบราซิล เพื่อเพิ่มการมองเห็นกระแสเงินดิจิทัลที่ไหลออกนอกประเทศ
เจ้าหน้าที่ตำรวจสหพันธ์เผยว่า การโอน Stablecoin ถูกใช้เป็นช่องทางชำระค่าสินค้านำเข้าโดยไม่ผ่านระบบศุลกากร คาดว่าเม็ดเงินนำเข้าแบบ “หลบภาษี” อาจสูงกว่า 30,000 ล้านดอลลาร์ต่อปี
การเก็บ IOF กับธุรกรรมดังกล่าวจึงถูกมองว่าเป็น “เกราะปิดช่องโหว่” ที่รัฐเพิกเฉยไม่ได้อีกต่อไป
บราซิลเดินหน้าภาษีคริปโตครั้งใหญ่ ท่ามกลางแรงต้านในสภา
มาตรการภาษีใหม่ผสานเข้ากับการปฏิรูปด้านสินทรัพย์ดิจิทัลที่เริ่มตั้งแต่กลางปี 2568 ซึ่งกำหนดภาษีคริปโตแบบอัตราเดียว 17.5% สำหรับกำไรที่เกินเกณฑ์ พร้อมเพิ่มภาระรายงานถือครองเกิน 5,000 เรียล
ขณะที่เกณฑ์กำหนดการที่ถือเป็นภาษีได้ (Taxable Events) ได้แก่
1.การขายหรือแลกเปลี่ยนคริปโต
2.การรับคริปโตเป็นค่าตอบแทน
3.การทำเหมืองขุดคริปโต (Mining)
4.การทำธุรกรรมต่างประเทศเกิน 30,000 เรียลต่อเดือน
ด้าน Eros Biondini สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เสนอร่างกฎหมายเมื่อกลางปี ให้ “ยกเลิกภาษีคริปโตทั้งหมดสำหรับผู้ถือระยะยาว” โดยให้เหตุผลว่าภาษีปัจจุบันสูงเกินสมควรและบั่นทอนนวัตกรรมในหนึ่งในตลาดคริปโตใหญ่ที่สุดของโลก
แม้ร่างกฎหมายเผชิญเส้นทางการพิจารณายาวและเสียงคัดค้านจำนวนมาก แต่สะท้อนสัญญาณความตึงเครียดทางการเมืองท่ามกลางการกำกับดูแลสินทรัพย์ดิจิทัลที่รัฐพยายามรัดกุมขึ้น