นายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า ส.อ.ท.เตรียมจัดงาน Foreign Industrial Club (FIC) 2025 ภายใต้แนวคิด Leading Thailand Through Global Challenges ในวันที่ 24 พ.ย.นี้ เพื่อเป็นเวทีสำคัญในการแลกเปลี่ยนมุมมองและสร้างเครือข่ายความร่วมมือระหว่างภาครัฐ ภาคเอกชนไทย และนักลงทุนต่างชาติรายใหญ่ที่ดำเนินธุรกิจในประเทศไทยกว่า 300 คน โดยต่อยอดความสำเร็จจากการจัดงาน FIC 2023 ซึ่งได้รับการตอบรับอย่างอบอุ่นจากภาคธุรกิจต่างชาติ สะท้อนถึงความเชื่อมั่นในศักยภาพของเศรษฐกิจไทยในฐานะศูนย์กลางการลงทุนในภูมิภาค โดยมีอุตสาหกรรมเป้าหมาย ได้แก่ ยานยนต์สมัยใหม่, อิเลคทรอนิกส์, อาหาร เกษตร และสมุนไพร, ปิโตรเคมี, โลจิสติกส์ และพลังงานสะอาด
"เป็นการสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนต่างชาติที่จะขยายการลงทุนในไทยต่อไป ไม่ย้ายฐานการลงทุนไปประเทศอื่น ซึ่งเป็นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อที่ทุกประเทศพากันจีบนักลงทุน หากนักลงทุนเหล่านี้ตัดสินใจที่จะขยายการลงทุนต่อไปก็คิดเป็นเงินมูลค่ามหาศาล" นายเกรียงไกร กล่าว
การจัดงาน FIC 2025 เป็นการสานต่อเจตนารมณ์ของ ส.อ.ท.ในการผลักดันประเทศไทยให้พร้อมรับมือกับความท้าทายของเศรษฐกิจโลก และก้าวสู่การเป็นศูนย์กลางการลงทุนในภูมิภาคเอเชีย FIC จะเป็นเวทีสำคัญในการสร้างเครือข่าย แลกเปลี่ยนมุมมอง และระดมแนวคิดเชิงนโยบาย เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยให้เติบโตอย่างยั่งยืน ซึ่งขณะนี้มีผู้บริหารระดับสูงของบริษัทรายใหญ่ให้การตอบรับมาร่วมงานแล้ว 45 บริษัท จาก 30 ประเทศ ได้แก่ ญี่ปุ่น, จีน, สหรัฐฯ โดยได้รับเกียรติจากนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย กล่าวปาฐกถาพิเศษ
"นักลงทุนจะได้ฟังนโยบายการลงทุนที่ชัดเจนแบบเต็ม ๆ จากปากของนายกรัฐมนตรีเพียงคนเดียว ซึ่งการจัดงานครั้งก่อนมีผลตอบรับจากนักลงทุนที่ดีมาก" นายเกรียงไกร กล่าว
สำหรับการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) มีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งต่อการกระตุ้นเศรษฐกิจและการจ้างงานในประเทศ อีกทั้งยังเป็นโอกาสสำคัญที่ประเทศไทยต้องเร่งต่อยอดเพื่อยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันบนเวทีโลก โดย ส.อ.ท.เดินหน้าผลักดันนโยบาย 4 Go ได้แก่ Go Digital & AI ยกระดับอุตสาหกรรมด้วยเทคโนโลยีดิจิทัลและปัญญาประดิษฐ์ (AI), Go Innovation สร้างผู้ประกอบการ "จิ๋วแต่แจ๋ว" ด้วยนวัตกรรม, Go Global พัฒนาสินค้าและบริการไทย เพื่อขยายโอกาสสู่ตลาดโลก และ Go Green ขับเคลื่อนองค์กรสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืนและการปรับตัวสู่เป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิให้เป็นศูนย์ (Net Zero) ภายในปี 2050 (จากเดิม 2065)
"แนวคิด 4 Go จะเป็นพลังสำคัญในการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมไทยทั้งในอุตสาหกรรมดั้งเดิมและอุตสาหกรรมแห่งอนาคต เสริมความแข็งแกร่งให้ผลิตภัณฑ์ Made in Thailand (MiT) ได้มาตรฐานระดับโลก ดึงดูดนักลงทุน และสร้างความเชื่อมั่นให้ทั่วโลกเห็นถึงศักยภาพของประเทศไทย" นายเกรียงไกร กล่าว
ด้านนายวิเชาวน์ รักพงษ์ไพโรจน์ รองประธาน ส.อ.ท. กล่าวว่า งาน FIC 2025 จะเป็นเวทีสำคัญในการเชื่อมโยงความร่วมมือระหว่างภาครัฐ ภาคเอกชน และบริษัทต่างชาติรายใหญ่ที่ลงทุนในประเทศไทย เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลเชิงนโยบาย การค้า การลงทุน และแนวทางการพัฒนาอุตสาหกรรมในอนาคต รวมถึงส่งเสริมความร่วมมือระหว่างนักธุรกิจไทยกับต่างชาติ ตลอดจนคณะทูตานุทูต และผู้บริหารระดับสูงจากหน่วยงานภาครัฐและเอกชน
"งานนี้จะเปิดโอกาสให้ภาคเอกชนและนักลงทุนต่างชาติได้รับฟังนโยบายเศรษฐกิจของประเทศไทยโดยตรงจากนายกรัฐมนตรี ซึ่งจะช่วยเสริมสร้างความเชื่อมั่น และทำให้เข้าใจทิศทางเศรษฐกิจและการลงทุนของประเทศในอนาคตได้ชัดเจนยิ่งขึ้น" นายวิเชาวน์ กล่าว