บริษัท กรุงเทพโปรดิ๊วส จำกัด (มหาชน) หรือ BKP ผู้จัดหาวัตถุดิบอาหารสัตว์ให้กับ บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ ซีพีเอฟ ในเครือเจริญโภคภัณฑ์ พร้อมผลักดันการผลิตวัตถุดิบอาหารสัตว์ให้เพียงพอต่อความต้องการเพื่อลดการพึ่งพาการนำเข้าจากต่างประเทศในอนาคต ตามนโยบายภาครัฐที่จะเพิ่มโควต้านำเข้าข้าวโพดเลี้ยงสัตว์จากสหรัฐฯ ปริมาณ 1 ล้านตัน ในปี 2569 ภายใต้อัตราภาษี 0%
ปัจจุบันประเทศไทยมีความต้องการใช้ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ประมาณ 9 ล้านตันต่อปี แต่สามารถผลิตได้เพียง 4–5 ล้านตัน ส่วนที่เหลือจำเป็นต้องนำเข้า โดยในอดีตส่วนใหญ่เป็นการนำเข้าจากประเทศเพื่อนบ้าน การเปิดโควตานำเข้าจากสหรัฐฯ ภายใต้เงื่อนไขที่จะต้องซื้อข้าวโพดภายในประเทศ 3 ส่วน จึงจะสามารถนำเข้าข้าวโพดจากสหรัฐฯได้ 1 ส่วน เพื่อทดแทนข้าวโพดส่วนที่ขาดแคลนรวมถึงทดแทนการนำเข้าข้าวสาลีเดิม ทั้งนี้ BKP ยืนยันว่าที่ผ่านมาการนำเข้าข้าวโพดส่วนที่ขาดแคลนเป็นการนำเข้ามาจากแหล่งที่สามารถที่ตรวจสอบย้อนกลับได้
บริษัทฯ เห็นว่ามาตรการที่รัฐบาลกำหนดขึ้นในการบริหารจัดการการนำเข้าข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ควบคู่กับการดำเนินโครงการเยียวยาและส่งเสริมการผลิตข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ภายในประเทศ เป็นแนวทางที่ช่วยสร้าง สมดุลระหว่างการดูแลเกษตรกรไทย และผลักดันการผลิตวัตถุดิบอาหารสัตว์ให้เพียงพอ เสริมสร้างความมั่นคงทางอาหารของประเทศ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และอยู่บนหลักการสนับสนุนทั้งเกษตกรข้าวโพดเลี้ยงสัตว์และเกษตกรผู้เลี้ยงสัตว์อย่างเท่าเทียมกัน
นายฐิติ ลุจินตานนท์ ประธานคณะผู้บริหาร กลุ่มธุรกิจการค้าวัตถุดิบอาหารสัตว์ บริษัท กรุงเทพโปรดิ๊วส จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า บริษัทฯ พร้อมสนับสนุนแนวทางดังกล่าวที่จะเสริมความมั่นคงของการผลิตอาหารสัตว์และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของภาคธุรกิจไทยในตลากโลก รวมถึงยืนยันว่า บริษัท มีนโยบายรับซื้อข้าวโพดในประเทศเป็นหลักและเป็นลำดับแรกอย่างเต็มที่ โดยมีราคารับซื้อที่นำตลาดและสอดคล้องกับประกาศของกระทรวงพาณิชย์ฯ
นายฐิติ ย้ำว่า “การนำเข้าข้าวโพดเลี้ยงสัตว์จะดำเนินการเฉพาะในปริมาณที่จำเป็นเพื่อทดแทนส่วนที่ขาดแคลนเท่านั้น โดยต้องใช้วัตถุดิบหลักภายในประเทศทุกชนิดให้หมดก่อน ไม่ว่าจะเป็นข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ปลายข้าว หรือมันสำปะหลัง ทั้งนี้เพื่อสนับสนุนและยกระดับอุตสาหกรรมวัตถุดิบอาหารสัตว์ของไทยให้มีความเข้มแข็งและยั่งยืนในระยะยาว นอกจากนี้ บริษัทให้ความร่วมมือปฏิบัติตามมาตรการกำหนดราคารับซื้อขั้นต่ำตามที่ภาครัฐกำหนดอย่างเคร่งครัด โดยปัจจุบันราคารับซื้อข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ความชื้น 14.5% ที่ราคา 9.80 บาท ในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล และในเขตพื้นที่อื่นๆ ราคารับซื้อจะลดหลั่นกันไปตามค่าขนส่ง ผ่านโรงงานอาหารสัตว์และจุดรับซื้อของซีพีทั่วประเทศ สร้างความมั่นใจให้เกษตรกรว่าผลผลิตที่ไม่บุกรุกป่าและไม่ผ่านการเผาแปลงเพาะปลูกจะมีตลาดรองรับแน่นอน ผ่านระบบตรวจสอบย้อนกลับของบริษัทที่ครอบคลุมทั่วประเทศ
BKP ยังเพิ่มช่องทางการรับซื้อผลผลิตโดยตรงจากเกษตรกร ผ่านจุดรับซื้อ กว่า 7 แห่ง ครอบคลุมภาคอีสาน ภาคกลาง และภาคเหนือ ควบคู่กับการรับซื้อโดยเครือข่ายโรงงานอาหารสัตว์ซีพีเอฟ และเครือข่ายผู้ค้าทั่วประเทศ ในการรับซื้อตรงจากเกษตรกรเข้าสู่โรงงานอาหารสัตว์ ซีพีเอฟ บริษัทสนับสนุนเกษตรกร ด้วย ระบบ Fast Track ช่วยให้เกษตรกรรายย่อยสามารถขายผลผลิตได้ทันทีไม่ต้องรอต่อคิวกับคู่ค้ารายอื่นที่เป็นผู้ประกอบการรายใหญ่ และในทุกจุดรับซื้อของซีพียังมีทีมงานช่วยอำนวยความสะดวกให้เกษตรกร ทั้งการลงทะเบียนพื้นที่เพาะปลูกผ่านระบบตรวจสอบย้อนกลับซีพี เพื่อยืนยันว่าแหล่งเพาะปลูกไม่บุกรุกป่าและไม่ใช้การเผา รวมถึงการให้คำแนะนำด้านคุณภาพผลผลิต ความชื้น และการเก็บเกี่ยว เพื่อให้เกษตรกรขายผลผลิตได้ในราคาที่เป็นธรรม
“ในกรณีจำเป็นที่ต้องมีการนำเข้าเนื่องจากผลผลิตในประเทศไม่เพียงพอ ไม่ว่าจะมาจากแหล่งใดบริษัทขอยืนยันว่าจะมีการกำกับดูแลอย่างอย่างยั่งยืนตลอดห่วงโซ่อุปทานและมีระบบตรวจสอบย้อนกลับที่ใช้เทคโนโลยีดาวเทียมขั้นสูง เช่น Soumi NPP, NOAA20 และ NOAA21 ของ NASA Fire Information for Resource Management System รวมถึง Sentinel-2 ของ European Space Agency เพื่อยืนยันว่าข้าวโพดที่นำเข้าไม่มีการบุกรุกป่า ไม่ผ่านการเผา และสามารถตรวจสอบย้อนกลับได้ตลอดกระบวนการ ตั้งแต่เมล็ดพันธุ์จนถึงปลายทางโรงงานอาหารสัตว์” นายฐิติ กล่าวปิดท้าย