นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้(18พ.ย.68))ที่ระดับ 32.48 บาทต่อดอลลาร์ “อ่อนค่าลงเล็กน้อย แทบไม่เปลี่ยนแปลง”จากระดับปิดวันที่ผ่านมา ณ ระดับ 32.45 บาทต่อดอลลาร์ และมองกรอบเงินบาทในช่วง 24 ชั่วโมง คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 32.35-32.55 บาท/ดอลลาร์ โดยนับตั้งแต่ช่วงคืนที่ผ่านมา เงินบาท (USDTHB) เคลื่อนไหวไร้ทิศทางที่ชัดเจน ในกรอบ Sideways (แกว่งตัวในกรอบ 32.41-32.49 บาทต่อดอลลาร์) แม้จะมีความพยายามอ่อนค่าลงทดสอบโซนแนวต้าน 32.50 บาทต่อดอลลาร์ ตามการทยอยแข็งค่าขึ้นของเงินดอลลาร์ ที่มาพร้อมกับจังหวะการปรับตัวลดลงบ้างของราคาทองคำ (XAUUSD) หลังผู้เล่นในตลาดยังคงมีความกังวลต่อแนวโน้มการลดดอกเบี้ยของเฟด ที่อาจมีการชะลอการลดดอกเบี้ยได้ ซึ่งจะขึ้นกับรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญของสหรัฐฯ ที่จะทยอยประกาศออกมา หลังภาวะ US Government Shutdown ได้สิ้นสุดลง โดยเฉพาะในสัปดาห์นี้ ที่ผู้เล่นในตลาดจะทยอยรับรู้รายงานยอดการจ้างงานนอกภาคเกษตรกรรม (Nonfarm Payrolls) เดือนกันยายน ในวันที่ 20 พฤศจิกายน นี้
นอกจากนี้ เงินดอลลาร์ยังคงได้แรงหนุนบ้าง จากการปรับสถานะถือครองของผู้เล่นในตลาด โดยเฉพาะในฝั่งสถานะเงินเยนญี่ปุ่น (JPY) หลังล่าสุด เงินเยนญี่ปุ่นได้ทยอยอ่อนค่าลงทะลุโซน 155 เยนต่อดอลลาร์ จากทั้งประเด็นความกังวลเสถียรภาพการคลังของรัฐบาลญี่ปุ่น ภายใต้นายกฯ Sanae Takaichi สอดคล้องกับการปรับตัวขึ้นของบอนด์ยีลด์ระยะยาวญี่ปุ่น และประเด็นรอยร้าวในความสัมพันธ์ระหว่างญี่ปุ่นกับจีนล่าสุด ทั้งนี้ การอ่อนค่าของเงินบาทก็ยังคงถูกชะลอลงบ้างแถวโซนแนวต้าน หลังผู้เล่นในตลาดบางส่วนต่างก็รอทยอยขายเงินดอลลาร์ในโซนดังกล่าว หรือปรับลดสถานะถือครอง อย่างสถานะ Short THB (มองเงินบาทอ่อนค่าลง
สำหรับในช่วง 24 ชั่วโมงหลังจากนี้ ผู้เล่นในตลาดจะรอประเมินแนวโน้มการดำเนินนโยบายการเงินของเฟด ผ่านถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่เฟด และรายงานยอดการจ้างงานรายสัปดาห์ โดย ADP
ส่วนในฝั่งญี่ปุ่น ผู้เล่นในตลาดจะทยอยรับรู้ ยอดการส่งออกและนำเข้า (Exports and Imports) เดือนตุลาคม ในช่วง 06.50 น. ตามเวลาประเทศไทย ของเช้าวันที่ 19 พฤศจิกายน
และนอกเหนือจากประเด็นดังกล่าว เรามองว่า ผู้เล่นในตลาดจะรอลุ้น รายงานผลประกอบการของบรรดาบริษัทจดทะเบียน รวมถึง การพิจารณาคดีมาตรการภาษีนำเข้าของรัฐบาลสหรัฐฯ โดยศาลสูงสุด (Supreme Court) นอกจากนี้ ควรติดตามสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างไทยกับกัมพูชาที่กลับมาร้อนแรงขึ้นอีกครั้ง ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อบรรยากาศในตลาดการเงินไทยในระยะสั้นบ้าง
สำหรับ แนวโน้มของค่าเงินบาท เรายังคงประเมินว่า เงินบาทอาจเคลื่อนไหวในกรอบ Sideways โดยโซนแนวต้านยังคงอยู่แถว 32.50 บาทต่อดอลลาร์ ขณะที่โซนแนวรับยังอยู่แถว 32.30 บาทต่อดอลลาร์ เนื่องจากผู้เล่นในตลาดจะยังไม่รีบปรับสถานะถือครองที่ชัดเจน จนกว่าจะทยอยรับรู้รายงานข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญจากทางการสหรัฐฯ อย่างยอดการจ้างงานนอกภาคเกษตรกรรม (Nonfarm Payrolls) เดือนกันยายน ที่จะรับรู้ในวันที่ 20 พฤศจิกายน นี้ รวมถึง รายงานผลประกอบการของ Nvidia ที่จะรับรู้ในวันที่ 19 พฤศจิกายน ในช่วง After Market ของตลาดหุ้นสหรัฐฯ ซึ่งประเด็นดังกล่าวอาจส่งผลกระทบต่อบรรยากาศในตลาดการเงินได้อย่างมีนัยสำคัญ หลังในช่วงที่ผ่านมา บรรดาหุ้นเทคฯ ธีม AI/Semiconductor ทั่วโลกได้ทยอยปรับตัวลดลง จนทำให้ในฝั่งตลาดหุ้นสหรัฐฯ หากประเมินเชิงเทคนิคัล ดัชนี S&P500 และดัชนีหุ้นเทคฯ Nasdaq ก็ย่อตัวลง เข้าสู่โซนที่เสี่ยงปรับตัวลดลงต่อเนื่อง หลังหลุดโซนแนวรับเส้นค่าเฉลี่ย 50 วัน
อย่างไรก็ดี ในช่วงระหว่างวัน เรามองว่า อาจระวังความผันผวนจากการเคลื่อนไหวของบรรดาสกุลเงินหลัก โดยเฉพาะเงินเยนญี่ปุ่น (JPY) ซึ่งอ่อนค่าลงต่อเนื่อง ทะลุโซนแนวต้าน 155 เยนต่อดอลลาร์ เปิดความเสี่ยงที่ เงินเยนญี่ปุ่นอาจกลับมาแข็งค่าขึ้นได้เร็ว หากตลาดเผชิญภาวะปิดรับความเสี่ยงที่รุนแรง (Sell-Off) ซึ่งภาพดังกล่าวอาจเกิดขึ้นได้ไม่ยาก จากการศึกษาข้อมูลในอดีตของเรา พบว่า หากเงินเยนญี่ปุ่นเคลื่อนไหวแตกต่างจากระดับที่ประเมินจากโมเดลคาดการณ์โดยใช้ส่วนต่างบอนด์ยีลด์ระหว่างสหรัฐฯ กับญี่ปุ่น อย่างมีนัยสำคัญ (ซึ่งปัจจุบัน โมเดลดังกล่าว ชี้ว่า เงินเยนญี่ปุ่นควรอยู่ที่ระดับ 145-150 เยนต่อดอลลาร์) เงินเยนญี่ปุ่นก็สามารถพลิกกลับมาแข็งค่าหรืออ่อนค่า “เร็ว แรง” ได้ หากมีปัจจัยมากระตุ้น นอกจากนี้ เรามองว่า ควรจับตาการสื่อสารจากกระทรวงการคลังและธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ถึงแนวโน้มการเข้าแทรกแซงค่าเงินอย่างใกล้ชิด โดยล่าสุด เราพบว่า ทางการญี่ปุ่นได้ทยอยสื่อสารว่า เงินเยนญี่ปุ่นได้อ่อนค่าต่อเนื่องพอสมควรและอาจสร้างความเสี่ยงต่อเศรษฐกิจได้ ทว่า ถ้อยแถลงของทางการญี่ปุ่นก็ยังไม่ได้สะท้อนถึงแนวโน้มการเข้าแทรกแซงค่าเงินในระยะสั้น (สเกลความเสี่ยงเข้าแทรกแซงค่าเงิน อาจอยู่ในระดับ 6-7 จาก 10 ที่จะเป็นระดับชี้ว่า ทางการญี่ปุ่นอาจเข้าแทรกแซงค่าเงินในระยะสั้น ซึ่งเรามองว่า ระดับ 160 เยนต่อดอลลาร์ อาจเป็นโซนที่ทางการญี่ปุ่นพร้อมเข้าแทรกแซงเต็มที่)
นอกจากนี้ ควรระวังความผันผวนในช่วงตลาดรับรู้ รายงานยอดการจ้างงานรายสัปดาห์จากทาง ADP ที่แม้จะเป็นข้อมูลจากฝั่งเอกชน หรือ Alternative Data แต่ก็อาจส่งผลกระทบต่อการปรับเปลี่ยนมุมมองของผู้เล่นในตลาดต่อแนวโน้มดอกเบี้ยเฟดได้บ้าง