เว็บไซต์ผู้จัดการออนไลน์ ได้รวบรวมหุ้นที่เคยเป็นดาวเด่น มีชื่อเสียงโด่งดัง เป็นที่นิยมของนักเก็งกำไร จำนวน 13 บริษัท ซึ่งราคาทรุดฮวบลงอย่างน่าสยดสยอง นับจากต้นปี โดยราคาหุ้นลงมาระดับ 50% ถึงระดับ 70%
หุ้นเด่นหุ้นดังที่ครองแชมป์ ดิ่งลงเหวลึกที่สุดคือ หุ้นบริษัท ปลูกผักเพราะรักแม่ จำกัด (มหาชน) หรือ OKJ เจ้าของร้านอาหารโอ้กะจู๋
OKJ เข้าตลาดหลักทรัพย์เมื่อวันที่ 4 ตุลาคม 2567 หลังนำหุ้นเสนอขายประชาชนเป็นครั้งแรกในราคาหุ้นละ 6.70 บาท และราคาเคยทะยานขึ้นสูงสุดที่ 17 บาท ก่อนจะอ่อนตัวลง แรงต่อเนื่อง จนลาสุดเมื่อวันศุกร์ที่ 14 พฤศจิกายนที่ผ่านมาลงมาปิดที่ 4.22 บาท
นับจากต้นปีราคาหุ้น OKJ ปรับตัวลงมา 72.24% ถือว่าสาหัสที่สุดในหุ้นดาวเด่นด้วยกัน โดยมีผู้ถือหุ้นรายย่อย ขาดทุนย่อยยับกว่า 1 หมื่นราย
หุ้นที่ตกหนักรองลงมาคือ หุ้นบริษัท วีจีไอ จำกัด (มหาชน) หรือ VGI ราคาจากต้นปีทรุดลงมา 70.51% นับจากต้นปี ฉุดให้ บริษัท บีทีเอสกรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ BTS ในฐานะผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับ 1 ในสัดส่วน 33.51% ของทุนจดทะเบียนเงินลงทุนหดหายตามไปด้วย รวมทั้งผู้ถือหุ้นรายย่อยจำนวนกว่า 1.8 หมื่นรายที่ขาดทุนถ้วนหน้า
ส่วน BTS ราคาก็ทรุดลงไม่ใช่ย่อย โดยปรับตัวลง 57.05% ซึ่งเป็นเพราะผลประกอบการที่ชะลอตัวลง รวมทั้งเงินลงทุนในบริษัทจดทะเบียนอื่น ขาดทุนหนัก ไม่เฉพาะลงทุนในหุ้น VGI แต่ยังลงทุนในหุ้น บริษัท เคอร์รี่ เอ็กซ์เพรส (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ KEX ซึ่งเพิกถอนจากตลาดหุ้นไปแล้ว และลงทุนในหุ้นกลุ่ม บริษัท เจมาร์ท จำกัด (มหาชน) หรือ JMART และขาดทุนมหาศาลหลายพันล้านบาท
หุ้นอีกตัวที่น่าพูดถึงคือ หุ้นบริษัท เจ.เอ็ม.ที. เน็ทเวิร์ค เซอร์วิสเซส จำกัด (มหาชน) หรือ JMT ซึ่งเป็นบริษัทลูก JMART ราคาหุ้นทรุดลง 54.12% นับจากต้นปี โดยกล่ม JMART ทรุดหนักลงทั้งกลุ่มนับจากต้นปี
เฉพาะ 13 หุ้นดาวเด่นที่ราคาทรุดหนักนับจากต้นปี ซึ่งผู้จัดการออนไลน์รวบรวมมา สร้างความเสียหายให้นักลงทุนจำนวนหลายแสนคน เพราะหุ้น BTS เพียงตัวเดียว มีผู้ถือหุ้นรายย่อยกว่า 1 แสนคนเข้าไปแล้ว
ยังไม่มีใครรวบรวม ราคาหุ้นขนาดเล็กหรือหุ้นตัวร้ายที่เคยเก็งกำไรกันอย่างร้องแรงในอดีต เพราะเชื่อว่า ราคาคงจะทรุดหนักยิ่งกว่า 13 หุ้นดาวดังที่ถูกรวบรวมออกมา และหลายตัว อาจทรุดลงมากว่า 90%
ไม่น่าแปลกใจเลยว่า ทำไมแรงซื้อของนักลงทุนรายย่อยจึงหดหาย ทำไมมูลค่าซื้อขายของนักลงทุนรายย่อยจึงลดฮวบ เพราะในรอบ 3 ปีที่ผ่านมา นักลงทุนรายย่อยขาดทุนอย่างป่นปี้ ซื้อหุ้นสวนตลาดขาลงมาตลอด
และปีนี้ก็ยังครองความเป็นผู้ซื้อหุ้นรายใหญ่แต่เพียงผู้เดียวจำนวน 1.47 แสนล้านบาท
จำนวนนักลงทุนในตลาดหุ้น ล่าสุดเมื่อสิ้นเดือนกันยายนที่ผ่านมามีจำนวนทั้งสิ้น 3.54 ล้านราย ซึ่งแทบทั้งหมด ขนเงินมาทิ้งในตลาดหุ้น และส่วนใหญ่ วายวอดกันหุ้นขนาดเล็กที่มีลักษณะของการปั่นราคา โดยปีนี้เป็นกลุ่มที่ทรุดหนักที่สุด และไม่มีสัญญาณเด้งกลับ
บทเรียนจากการเก็งกำไรหุ้นขนาดเล็ก หรือหุ้นเด่นหุ้นดังในรอบนี้ ทำให้นักลงทุนเจ็บและจำจนวันตาย
เพราะหุ้นที่”ติดดอย”กันไว้เต็มพอร์ต ไม่รู้ว่า ต้องใชข้เวลาอีกกี่ปีหรืออีกกี่ชาติ จึงจะถอนทุนคืนได้