xs
xsm
sm
md
lg

“เรย์ ดาลิโอ” เตือนแรง! ฟองสบู่ใหม่กำลังก่อตัวจากนโยบายเฟด ดันทอง-บิทคอยน์พุ่งก่อนระเบิดซ้ำ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:


“เรย์ ดาลิโอ” นักลงทุนระดับตำนาน ผู้ก่อตั้ง Bridgewater Associates
เจ้าพ่อเฮดจ์ฟันด์ชื่อก้องโลก “เรย์ ดาลิโอ” เตือนสัญญาณอันตรายจากการที่เฟดหยุดลดงบดุลและกลับมาขยายงบดุลอีกครั้ง อาจจุดชนวน “วัฏจักรหนี้ปลายรอบ” แบบคลาสสิก ที่กำลังจะขับเคลื่อนทองคำและบิตคอยน์ให้ทะยานขึ้นแรงก่อนฟองสบู่แตกครั้งใหม่ ชี้นี่คือการ “อัดฉีดในภาวะฟองสบู่” ไม่ใช่การกระตุ้นในภาวะเศรษฐกิจตกต่ำอีกต่อไป

เฟดเปลี่ยนทิศ “จากคุมเงิน” สู่ “อัดฉีดเงิน” จุดชนวนเริ่มฟองสบู่ใหม่

“เรย์ ดาลิโอ” นักลงทุนระดับตำนาน ผู้ก่อตั้ง Bridgewater Associates ออกคำเตือนอย่างเผ็ดร้อนว่า การที่ธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) ตัดสินใจยุติมาตรการ “ลดขนาดงบดุล” (Quantitative Tightening) และหันไปขยายงบดุลอีกครั้ง ถือเป็นสัญญาณอันตรายของ “วัฏจักรหนี้ระยะปลาย” (Late-Stage Debt Cycle) ที่อาจขับเคลื่อนราคาสินทรัพย์พุ่งแรงก่อนฟองสบู่แตก

ที่มา : เรย์ ดาลิโอ บน  X
โดยเฟดประกาศยุติการลดงบดุลตั้งแต่ 1 ธันวาคม 2568 และจะคงขนาดงบดุลไว้ที่ 6.5 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยเปลี่ยนทิศทางการลงทุนจากตราสาร MBS ไปสู่พันธบัตรรัฐบาล (Treasury Bills) เพื่อรักษาสภาพคล่องในระบบ

แม้เฟดอธิบายว่าเป็นเพียง “การปรับเชิงเทคนิค” แต่ดาลิโอมองว่า นี่คือการเปลี่ยนทิศทางเชิงโครงสร้าง ท่ามกลางงบประมาณขาดดุลมหาศาลและภาคเอกชนที่ยังขยายสินเชื่ออย่างคึกคัก

ตลาดหุ้นสหรัฐเองก็ส่งสัญญาณความเปราะบาง เนื่องจากอัตราผลตอบแทนของ S&P 500 อยู่ที่เพียง 4.4% ใกล้เคียงกับพันธบัตรรัฐบาล 10 ปีที่ 4% เท่านั้น ทำให้ ส่วนต่างความเสี่ยง (Equity Risk Premium) เหลือเพียง 0.4% ซึ่งถือว่าบางเฉียบ

ที่มา : Cristian Chifoi บน X
ดาลิโอชี้ “อัดฉีดกลางฟองสบู่” ไม่ใช่ “อัดฉีดช่วงวิกฤติ”

ดาลิโอย้ำว่า รอบนี้ต่างจากรอบก่อนอย่างสิ้นเชิง เพราะนโยบายผ่อนคลายทางการเงิน (QE) ก่อนหน้านี้มักเกิดขึ้นในภาวะเศรษฐกิจถดถอย ขณะที่ตลาดหุ้นร่วงแรง เงินเฟ้อต่ำ และสเปรดเครดิตกว้าง

แต่ครั้งนี้กลับตรงกันข้ามทุกประการ เพราะเศรษฐกิจสหรัฐเติบโตต่อเนื่อง 2% ต่อปี อัตราว่างงานเพียง 4.3% เงินเฟ้อทะลุเป้าเฟดที่ 3% และตลาดหุ้นยังทำจุดสูงสุดใหม่

“นี่ไม่ใช่การอัดฉีดเพื่อกู้วิกฤติ แต่เป็นการอัดฉีดในช่วงฟองสบู่” ดาลิโอกล่าว พร้อมเตือนว่าหุ้นกลุ่ม AI หลายตัวเข้าสู่เขตฟองสบู่เต็มตัวแล้ว ตามตัวชี้วัดภายในของเขาเอง

เขาอธิบายว่า การขาดดุลการคลังขนาดใหญ่ การออกพันธบัตรระยะสั้นเพื่อชดเชยความต้องการพันธบัตรระยะยาวที่ลดลง และการขยายงบดุลของธนาคารกลาง ทั้งหมดนี้คือ “พลวัตแบบคลาสสิกของวัฏจักรหนี้ขาลงระยะปลาย” (Classic Big Debt Cycle Late Dynamics)

ที่มา: สภาทองคำโลก
ผู้เชี่ยวชาญเริ่มกังวล “สภาพคล่องล้นตลาด” เสี่ยงจุดระเบิดซ้ำ

ขณะที่ฝั่งนักวิเคราะห์ในตลาดต่างเห็นพ้องกับคำเตือนของดาลิโอ โดย Cristian Chifoi ระบุว่า แม้คำว่า “QE” หรือ “QT” จะเป็นประเด็นถกเถียงหลัก แต่สภาพคล่องแท้จริงเริ่มไหลกลับเข้าสู่ตลาดตั้งแต่ช่วง ตุลาคมถึงธันวาคม 2565 แล้ว โดยโปรแกรม Reverse Repo กลายเป็นช่องทางส่งเงินเข้าสู่ระบบอย่างมีนัยสำคัญ

ด้าน Ted Pillows เตือนว่า ตลาดคริปโตซึ่งอ่อนไหวต่อสภาพคล่องมาก อาจยังไม่ถึง “จุดต่ำสุด” จนกว่าการอัดฉีดทางการเงิน (QE) จะเริ่มจริง ไม่ใช่แค่การหยุดลดงบดุล เขายกตัวอย่างปี 2562 ที่เฟดหยุด QT ชั่วคราว ส่งผลให้ราคา Altcoins ร่วงกว่า 40% ก่อนตลาดฟื้นตัวหลังมาตรการ QE ใหม่เริ่มต้น

“ทองคำพุ่ง–บิทคอยน์แรง” รับสัญญาณเงินล้นระบบ

ทองคำตอบรับนโยบายเฟดอย่างรุนแรง ราคาดีดกลับเหนือ 4,000 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หลังความผันผวนช่วงแรกของประกาศนโยบาย

รายงานจาก World Gold Council ระบุว่า ความต้องการทองทั่วโลกในไตรมาส 3 ปี 2568 เพิ่มขึ้น 3% YoY รวมกว่า 1,313 ตัน โดยความต้องการเพื่อการลงทุนสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ขณะที่ราคาทองคำทำสถิติสูงสุดใหม่ถึง 13 ครั้งในไตรมาสเดียว

ดาลิโออธิบายกลไกที่ผลักดันทองคำว่า “ในภาวะที่พันธบัตรรัฐบาลให้ผลตอบแทน 4% นักลงทุนจะเลือกถือทองได้ก็ต่อเมื่อคาดว่าราคาทองจะเพิ่มขึ้นมากกว่า 4% ต่อปี”

เขาเสริมว่า “ยิ่งเงินเฟ้อสูง ทองก็จะยิ่งขึ้น เพราะเงินเฟ้อส่วนใหญ่เกิดจากการที่ค่าเงินอื่น ๆ อ่อนลงจากการเพิ่มปริมาณเงิน ขณะที่ปริมาณทองแทบไม่เพิ่มขึ้นเลย”

ขณะที่ธนาคารกลางหลายแห่งยังเร่งซื้อทองเพิ่มขึ้นกว่า 10% ต่อปี โดยโปแลนด์ประกาศขยายการซื้อทองคำ และบราซิลกลับมาซื้ออีกครั้งในรอบ 4 ปี หลังหยุดไปตั้งแต่กรกฎาคม 2564

อย่างไรก็ตาม ในภาวะความไม่แน่นอนทางการเงิน บิทคอยน์กลับให้ผลตอบแทนเหนือกว่าทองคำและสินทรัพย์เสี่ยงทุกประเภท


“Melt-Up ก่อนพัง” ดาลิโอเตือนวัฏจักรซ้ำรอย

คำเตือนที่น่ากลัวที่สุดจากดาลิโอคือ การที่เฟดขยายงบดุลเพิ่ม พร้อมลดดอกเบี้ย ท่ามกลางการขาดดุลการคลังมหาศาล จะกลายเป็น “การร่วมมือระหว่างนโยบายการเงินและการคลัง เพื่อทำให้หนี้รัฐบาลถูกดูดซับในระบบ” หรือ “การทำให้หนี้เป็นเงิน (Debt Monetization)” แบบเต็มรูปแบบ

เขาเตือนว่ากลไกนี้จะกดอัตราดอกเบี้ยที่แท้จริงลง บีบส่วนต่างความเสี่ยงของตลาด (Risk Premium) ให้แคบลง ดันค่า P/E หุ้นสูงขึ้น โดยเฉพาะหุ้นเทคโนโลยีและ AI รวมถึงสินทรัพย์ป้องกันเงินเฟ้อย่างทองคำและพันธบัตรดัชนีเงินเฟ้อ

“เราจะเห็นภาวะ Melt-Up ตลาดพุ่งแรงจากสภาพคล่อง เหมือนช่วงปลายปี 2542 หรือปี 2553 - 2554 ก่อนที่ฟองสบู่จะล้นและต้องมีการคุมเข้มอีกครั้ง” ดาลิโอกล่าว

ที่มา : เรย์ ดาลิโอ บน X
เขาทิ้งท้ายอย่างเฉียบคมว่า “ช่วงที่ตลาดกำลังพุ่งสุดจากสภาพคล่อง ก่อนการเข้มงวดที่พอจะหยุดเงินเฟ้อได้ นั่นแหละคือช่วงที่ดีที่สุดในการขายออก”

อย่างไรก็ดี คำเตือนของเรย์ ดาลิโอไม่ใช่เพียงมุมมองตลาด แต่คือสัญญาณเตือนของ “ฟองสบู่ในวัฏจักรหนี้ปลายรอบ” ที่กำลังขยายตัวเงียบ ๆ ใต้ความคึกคักของตลาดทุนโลก หากเฟดยังเดินหน้านโยบายอัดฉีดต่อเนื่อง เราอาจได้เห็นทองคำและบิตคอยน์พุ่งแรงอีกระลอก ก่อนที่เสียงแตกของฟองสบู่จะก้องกังวานไปทั่วทั้งวอลล์สตรีทและสร้างความสยดสยองต่อเศรษฐกิจทั่วโลกอีกครั้ง.