xs
xsm
sm
md
lg

บิทคอยน์อาจแตะ “จุดต่ำสุด” รอบใหม่! สัญญาณจากดัชนี MVRV ชี้ตลาดเริ่มอิ่มตัวแรงขาย

เผยแพร่:   ปรับปรุง:



นักวิเคราะห์ชี้บิทคอยน์กำลังสร้างฐานราคาหลังร่วงทะลุ 100,000 ดอลลาร์ ข้อมูลหลายด้านสะท้อน “แรงขายเริ่มหมด” เปิดช่องให้ฝั่งกระทิงกลับมาช้อนซื้ออีกครั้ง หากประวัติศาสตร์ซ้ำรอย ราคามีสิทธิ์ดีดกลับแตะ 150,000 ดอลลาร์ในระยะกลาง

บิทคอยน์ (Bitcoin) กำลังส่งสัญญาณว่ากำลัง “แตะจุดต่ำสุดรอบใหม่” หลังราคาทรุดหนักกว่า 11% ระหว่างวันที่ 3-4 พฤศจิกายนที่ผ่านมา หลุดระดับ 100,000 ดอลลาร์เป็นครั้งแรกในรอบ 4 เดือน เหตุการณ์นี้นำไปสู่การล้างพอร์ตสถานะ Long มูลค่ารวมกว่า 1.3 ล้านดอลลาร์ ขณะเดียวกัน นักลงทุนระยะยาวบางส่วนเทขายทำกำไร ส่วนรายใหม่เริ่มถอดใจยอมขาดทุนหนีตาย

อย่างไรก็ตาม ข้อมูลหลายตัวชี้ให้เห็นว่า การร่วงลงถึง 98,000 ดอลลาร์ อาจเป็น “จุดกลับตัวชั่วคราว” ของตลาดบิทคอยน์ โดยเฉพาะเมื่อพิจารณาจากดัชนีสำคัญอย่าง MVRV Ratio (Market Value to Realized Value) ซึ่งบ่งชี้ถึงความสมดุลระหว่างมูลค่าตลาดกับต้นทุนเฉลี่ยของนักลงทุน

ดัชนี MVRV สะท้อน “จุดต่ำสุดใกล้ถึง”

รายงานจากนักวิเคราะห์ของ XWIN Research Japan ระบุว่า ดัชนี MVRV ของบิทคอยน์ขณะนี้ “อยู่ราว 1.8” ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนเมษายน 2568 และเคยเป็นระดับที่บ่งชี้การสร้างฐานราคามาแล้วหลายครั้งในอดีต

“เมื่อ MVRV อยู่ใกล้ระดับ 1.8–2.0 ตลาดมักจะอยู่ในช่วงสร้างฐานหรือเริ่มต้นการฟื้นตัวระยะกลาง” นักวิเคราะห์กล่าว พร้อมระบุว่า ระดับดังกล่าวหมายถึงราคาตลาดเริ่มเข้าใกล้ต้นทุนเฉลี่ยของผู้ถือครองบิตคอยน์ ซึ่งเป็นโซนที่นักลงทุนรายใหญ่เริ่มสะสมสินทรัพย์อีกครั้ง

ครั้งล่าสุดที่ MVRV แตะระดับต่ำขนาดนี้เกิดขึ้นเมื่อกลางเดือนเมษายนที่ผ่านมา ซึ่งเป็นช่วงที่ BTC/USD ร่วงแตะ 74,500 ดอลลาร์ ก่อนจะดีดตัวขึ้นกว่า 50% ไปทำจุดสูงสุดใหม่ที่ 112,000 ดอลลาร์ เมื่อวันที่ 9 กรกฎาคม

ดังนั้น หากประวัติศาสตร์ซ้ำรอย การร่วงรอบนี้อาจเป็นเพียง “การพักฐานก่อนขึ้นต่อ” โดยมีโอกาสที่ราคาจะดีดกลับขึ้นไปแตะ 150,000 ดอลลาร์ เพิ่มขึ้นราว 50% จากระดับต่ำสุดล่าสุดที่ 98,500 ดอลลาร์

สัญญาณ “ยอมแพ้” ของนักลงทุนรายย่อย จุดเปลี่ยนสำคัญของตลาด

ตามรายงานของ Cointelegraph และข้อมูลจาก Glassnode พบว่า นักลงทุนระยะสั้นที่ขาดทุนเริ่ม “ยอมแพ้” หลังราคาบิตคอยน์ร่วงต่ำกว่า 100,000 ดอลลาร์ ซึ่งถือเป็นพฤติกรรมที่มักเกิดขึ้นใกล้ “จุดต่ำสุดของตลาด” ในทุกวัฏจักร

Glassnode ระบุว่า “ผู้ถือสินทรัพย์ที่ขาดทุนมาก มักยอมขายทิ้งใกล้ช่วงจุดต่ำสุดของตลาด ซึ่งถือเป็นสัญญาณการสลัดมืออ่อนออกจากระบบ” และชี้ว่าปรากฏการณ์ “การยอมแพ้” (Capitulation) ครั้งนี้ เกิดขึ้นในอัตราเดียวกับช่วงที่ราคาบิทคอยน์เคยดิ่งถึง 50,000 ดอลลาร์ เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม 2567 และช่วงแตะ 74,500 ดอลลาร์ในเดือนเมษายนที่ผ่านมา

นักวิเคราะห์มองว่า “แรงขายจากความตื่นตระหนก” มักเป็นตัวเร่งให้ตลาดฟื้น เพราะเป็นจังหวะที่แรงขายส่วนเกินหมดลง นักลงทุนที่แข็งแรงกว่าจะเข้ามาช้อนซื้อ และสร้างฐานตลาดใหม่ให้มั่นคงกว่าเดิม

ตลาดเริ่มนิ่ง แรงสะสมระยะยาวยังเข้มข้น

รายงานเพิ่มเติมจาก Cointelegraph ชี้ว่า ความกดดันฝั่งขายเริ่มลดลงอย่างชัดเจน ขณะที่แรงซื้อสะสมจากผู้ถือระยะยาวยังคงแข็งแกร่ง รวมถึงสภาพคล่องจาก Stablecoin ที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ซึ่งมักเป็นสัญญาณเชิงบวกของการ “เตรียมเข้าสู่รอบฟื้นตัว”

แม้ตลาดยังไม่ชัดเจนว่าจะฟื้นตัวเร็วเพียงใด แต่หลายดัชนีเริ่มบ่งชี้จังหวะ “อ่อนแรงของฝั่งขาย” และ “แรงสะสมของฝั่งซื้อ” ที่สอดคล้องกันราวกับพายุที่เริ่มสงบก่อนแสงแรกของการกลับมาอีกครั้งของกระทิงบิทคอยน์

อย่างไรก็ตาม ดัชนี MVRV ที่แตะระดับต่ำสุดในรอบหลายเดือน สะท้อนว่าตลาดอาจถึงช่วง “ปลายขาลง” ขณะพฤติกรรมการยอมแพ้ของนักลงทุนรายย่อยอาจเป็น “จุดกลับตัว” ที่แท้จริง หากแรงซื้อเริ่มกลับมาอย่างต่อเนื่อง การดีดตัวสู่ระดับ 150,000 ดอลลาร์อาจไม่ใช่แค่ความหวัง แต่เป็นความเป็นไปได้ที่อยู่ใกล้กว่าที่คิด