xs
xsm
sm
md
lg

สศอ.เผย MPI ก.ย. 68 โต 1.02% อานิสงส์ EV-มาตรการกระตุ้น ศก.

เผยแพร่:   ปรับปรุง:



สศอ.เผยดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม (MPI) เดือนกันยายน 2568 อยู่ที่ระดับ 94.56 ขยายตัว 1.02% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน รับแรงหนุนจากการฟื้นตัวของอุตสาหกรรมยานยนต์ และมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจภาครัฐ คาดโครงการ “คนละครึ่งพลัส” ช่วยดัน GDP ภาคอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้นประมาณ 0.1 %หรือขยายตัวประมาณ 15,000 ล้านบาท

นายศุภกิจ บุญศิริ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.) เปิดเผยว่า ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม (MPI) เดือนกันยายน 2568 อยู่ที่ระดับ 94.56 ขยายตัว 1.02% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะที่อัตราการใช้กำลังการผลิตอยู่ที่ 58.13% เนื่องจากยอดขายยานยนต์ไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้น การผลิตรถยนต์กลับมาขยายตัวอีกครั้งอยู่ที่ 5.57% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน รวมถึงการท่องเที่ยวของคนในประเทศขยายตัวเนื่องจากโครงการเที่ยวไทยคนละครึ่ง 2568 ประกอบกับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ เช่น การปรับลดค่าไฟฟ้าและโครงการคุณสู้เราช่วยเฟส 2 เป็นต้น

ส่วนภาพรวมดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม ไตรมาส 3 ปี 2568 อยู่ที่ระดับ 93.36 หดตัวลง 2.40% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และอัตราการใช้กำลังการผลิตอยู่ที่ 57.39%

สำหรับปัจจัยที่กดดันภาคอุตสาหกรรม ได้แก่ ความกังวลเกี่ยวกับนโยบายการค้าระหว่างประเทศของสหรัฐฯ ถึงแม้ว่าจะมีความชัดเจนเรื่องภาษีตอบโต้ที่สหรัฐฯ เรียกเก็บเพิ่มเติมจากไทยที่ 19% แต่สหรัฐฯ ยังมีการทบทวน เก็บภาษีนำเข้ารายสินค้าเพิ่มเติมในกลุ่มสินค้าไม้ ยา เฟอร์นิเจอร์ และรถบรรทุกขนาดใหญ่ ด้านค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้น จากกระแสเงินทุนไหลเข้าและทิศทางดอกเบี้ยขาลงของสหรัฐฯ ส่งผลให้ต้นทุนสินค้าส่งออกของไทยสูงขึ้นในตลาดโลก กระทบความสามารถทางการแข่งขันด้านราคาของสินค้าส่งออกเมื่อเทียบกับคู่แข่งที่มีราคาใกล้เคียงกัน โดยอุตสาหกรรมที่มีสัดส่วนการนำเข้าวัตถุดิบน้อยและมีสัดส่วนการส่งออกมาก เป็นกลุ่มที่มีการใช้วัตถุดิบในประเทศ เป็นหลักและมีการส่งออกมาก จึงได้รับผลกระทบจากรายรับจากการส่งออกที่น้อยลง รวมถึงการท่องเที่ยวจากต่างประเทศลดลงต่อเนื่อง ส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้อง เช่น อาหารแช่แข็ง ไส้กรอก กระเป๋าเดินทาง รองเท้ากีฬา และเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ เป็นต้น

อย่างไรก็ตาม ด้านระบบการเตือนภัยด้านเศรษฐกิจอุตสาหกรรมภาพรวมของไทย เดือนตุลาคม 2568 “ส่งสัญญาณเฝ้าระวัง” โดยปัจจัยในประเทศโดยรวมส่งสัญญาณเฝ้าระวัง จากการลงทุนภาคเอกชนและความเชื่อมั่น ด้านคำสั่งซื้อที่ปรับตัวลดลง ด้านปัจจัยต่างประเทศส่งสัญญาณเฝ้าระวังลดลง จากภาคการผลิตในภูมิภาคอาเซียนเริ่มเห็นสัญญาณการฟื้นตัวและการผลิตปรับตัวดีขึ้นเล็กน้อย อย่างไรก็ตาม ภาคการผลิตของสหภาพยุโรปยังคงซบเซา

ทั้งนี้  สศอ.ประเมินว่าภาคอุตสาหกรรมจะได้รับอานิสงส์จากมาตรการโครงการ “คนละครึ่งพลัส” โดยคาดว่า GDP ภาคอุตสาหกรรมจะเพิ่มขึ้นประมาณร้อยละ 0.1 หรือขยายตัวประมาณ 15,000 ล้านบาท ทั้งนี้ ผลของนโยบายอาจจะขยายตัวได้มากกว่านี้ หากรัฐบาลมีมาตรการสนับสนุนในการยกระดับอุปสงค์รวมของประชาชนในประเทศอย่างต่อเนื่องเพิ่มเติมควบคู่กับมาตรการข้างต้น

สำหรับอุตสาหกรรมหลักที่ส่งผลบวกต่อดัชนีผลผลิตเดือนกันยายน 2568 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ได้แก่
ยานยนต์ ขยายตัวจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 5.57% จากผลิตภัณฑ์รถยนต์ไฮบริดไม่เกิน 1800 ซีซี รถยนต์นั่งปลั๊กอินไฮบริด เครื่องยนต์ดีเซล และรถยนต์นั่งไฟฟ้า เป็นหลัก ตามการขยายตัวของตลาดในประเทศและการส่งออกจากความนิยมรถยนต์ไฟฟ้าที่มีเพิ่มขึ้น สำหรับรถบรรทุกปิคอัพขยายตัวได้มากขึ้นทั้งตลาดในประเทศและตลาดส่งออก

ผลิตภัณฑ์ที่ได้จากการกลั่นปิโตรเลียม ขยายตัวจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 3.56% จากผลิตภัณฑ์น้ำมันเครื่องบิน น้ำมันดีเซลหมุนเร็ว และแก๊สโซฮอล์ 95 เป็นหลัก เนื่องจากความต้องการของตลาดที่ขยายตัว รวมถึงผลของฐานต่ำในปีก่อนที่มีผู้ผลิตบางรายหยุดซ่อมบำรุงหน่วยผลิตบางส่วน

ชิ้นส่วนและแผ่นวงจรอิเล็กทรอนิกส์ ขยายตัวจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 9.40% จากผลิตภัณฑ์ Printed Circuit Board Assembly (PCBA) เป็นหลัก ตามความต้องการของตลาดสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ที่ขยายตัวอย่างต่อเนื่อง

สำหรับอุตสาหกรรมหลักที่ส่งผลลบต่อดัชนีผลผลิตเดือนกันยายน 2568 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ได้แก่ เครื่องจักรอื่นๆ ที่ใช้งานทั่วไป กาแฟ ชา และสมุนไพรผงสำหรับชงเป็นเครื่องดื่ม ผลิตภัณฑ์คอนกรีต ปูนซีเมนต์ และปูนปลาสเตอร์
กำลังโหลดความคิดเห็น