xs
xsm
sm
md
lg

SCC โชว์กำไร 9 เดือนปี 68 พุ่ง 159%

เผยแพร่:   ปรับปรุง:



“ปูนซิเมนต์ไทย” แจงกำไรงวด 9 เดือนปี 2568 อยู่ที่ 17,767 ล้านบาท โตขึ้นจากปีก่อน 159% มาจากบันทึกเงินปันผลรับตามฤดูกาลที่เพิ่มขึ้น และการบริหารจัดการภายในให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ขณะที่ค่าใช้จ่ายทั้งดอกเบี้ยและค่าเสื่อมราคาในโครงการ LSP ที่เวียดนามฉุดผลประกอบการ SCC ในไตรมาส 3/68 ขาดทุนสุทธิ 669 ล้านบาท

นางนดารัตน์ ป้อมตรี ผู้อำนวยการสำนักงานบัญชีกลาง บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) หรือ SCC เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานงวด 9 เดือนของปี 2568 บริษัทมีรายได้จากการขายอยู่ที่ 370,870 ล้านบาท ลดลง 3% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีกำไรสุทธิ 17,767 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 159% จากงวดเดียวกันของปีก่อน โดยมีกำไรก่อนหักดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) อยู่ที่ 44,511 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 15% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน จากเงินปันผลรับตามฤดูกาลที่เพิ่มขึ้นจากการลงทุนในธุรกิจอื่น (SCG Investment) และจากการบริหารจัดการภายในให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นของเอสซีจีซีเมนต์ แอนด์ กรีนโซลูชันส์

หากไม่รวมขาดทุนจากการปรับมูลค่าสินค้าคงเหลือของเอสซีจีซี รายการปรับโครงสร้างการดำเนินงานและธุรกิจและรายการพิเศษ กำไรสำหรับงวดอยู่ที่ 5,041ล้านบาท ลดลง 6% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยหลักมาจากค่าใช้จ่ายด้านดอกเบี้ยและค่าเสื่อมราคาจากโครงการลองเซินปิโตรเคมิคอลส์คอมเพล็กซ์ (LSP) ที่เวียดนามเพิ่มขึ้น ภายหลังจากเริ่มดำเนินงานอย่างเต็มรูปแบบ (COD) เมื่อวันที่ 30 กันยายน 2567

ส่วนรายได้จากการขายใน 9 เดือนของปีนี้ ปรับลดลง 3% มาจากความต้องการที่อ่อนตัวลง จากเอสซีจี สมาร์ทลีฟวิง และเอสซีจี ดิสทริบิวชั่นแอนด์รีเทล รายได้จากการขายที่ลดลงของเอสซีจีพี และเอสซีจี เดคคอร์

สำหรับงวดไตรมาส 3/2568 บริษัทขาดทุนสุทธิ 669 ล้านบาท เทียบกำไรสุทธิ 721 ล้านบาทในไตรมาส 3/2567 โดยหลักสาเหตุจากการปรับมูลค่าสินค้าคงเหลือและสอดคล้องกับ EBITDA ที่ลดลง ทั้งนี้้หากไม่รวมขาดทุนจากการปรับมูลค่าสินค้าคงเหลือของเอสซีจีซี และรายการปรับโครงสร้างการดำเนินงานและธุรกิจ กำไรสำหรับงวด อยู่ที่ 774 ล้านบาท เทียบกับกำไร 3,080 ล้านบาทในไตรมาสก่อน

ส่วนรายได้จากการขายในไตรมาส 3/2568 อยู่ที่ 121,793 ล้านบาท ลดลงเล็กน้อย 2% จากปัจจัยฤดูกาลของธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับซีเมนต์และการก่อสร้างและรายได้จากการขายที่ลดลงของเอสซีจีพี

อย่างไรก็ตาม ในไตรมาส 3/2568 บริษัทมีเงินปันผลรับอยู่ที่ 4,892 ล้านบาท โดยหลักจากธุรกิจการลงทุนในธุรกิจอื่น รวมทั้งขาดทุนจากการปรับมูลค่าสินค้าคงเหลือของเอสซีจีซีอยู่ที่ 1,348 ล้านบาท และมีค่าเสื่อมราคาและดอกเบี้ย ซึ่งเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องของโครงการ LSP และค่าใช้จ่ายจากการกลับมาเริ่มดำเนินการ นอกจากนี้ยังมีค่าใช้จ่ายในการปรับโครงสร้างการดำเนินงานและธุรกิจ (ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับซีเมนต์และการก่อสร้าง) รวม 95 ล้านบาท
กำลังโหลดความคิดเห็น