xs
xsm
sm
md
lg

ส่งออกรถไทยสะดุดหนัก เหลือไม่ถึงล้านคัน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:



รายงานจากภาคอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยระบุว่า ปริมาณการส่งออกรถยนต์ในปี 2568 คาดว่าจะลดลงเหลือเพียง 900,000 คัน ลดลงกว่า 11.7% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า โดยมีสาเหตุหลักจากตลาดออสเตรเลีย ซึ่งเป็นตลาดส่งออกอันดับหนึ่งของไทยด้วยสัดส่วนถึง 28% ได้เปลี่ยนมาตรฐานรถยนต์นำเข้าใหม่ ทำให้รถที่ผลิตในไทยหลายรุ่นไม่สามารถเข้าขายได้

ข้อมูลในช่วง 7 เดือนแรกของปี พบว่าการส่งออกรถยนต์จากไทยไปออสเตรเลียลดลงถึง 17.3% (YoY) และคาดว่าทิศทางนี้จะดำเนินต่อเนื่องจนถึงสิ้นปี


ออสเตรเลียเข้มมาตรฐานใหม่ ดันตลาดรถไฮบริดโตพุ่ง มาตรฐานใหม่ของออสเตรเลียที่เริ่มมีผลตั้งแต่ต้นปี 2568 ได้แก่

1. New Vehicle Efficiency Standard (NVES) หรือมาตรฐานควบคุมการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของรถยนต์ใหม่ ซึ่งเริ่มบังคับใช้ตั้งแต่ 1 มกราคม 2568 และจะเริ่มเก็บค่าปรับจริงในเดือนกรกฎาคม

2. มาตรฐานความปลอดภัยใหม่ บังคับให้รถยนต์นำเข้าทุกคันต้องติดตั้งระบบเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติ (AEB) ตั้งแต่เดือนมีนาคม 2568 เป็นต้นไป

การเปลี่ยนแปลงดังกล่าวส่งผลให้ออสเตรเลียเพิ่มการนำเข้ารถยนต์กลุ่มไฮบริด (HEV) และปลั๊กอินไฮบริด (PHEV) ถึง 34.7% (YoY) ในขณะที่รถใช้น้ำมัน (ICE) ลดลง 16.4% และรถไฟฟ้า BEV ลดลง 24.6% หลังรัฐบาลในหลายรัฐทยอยยุติการอุดหนุน



แม้ตลาดออสเตรเลียจะหันมานิยมรถยนต์พลังงานทางเลือกมากขึ้น แต่ไทยกลับไม่ได้รับอานิสงส์ดังกล่าว เพราะรถ HEV บางรุ่นที่ผลิตในประเทศไม่ผ่านมาตรฐานใหม่ และปัจจุบันยังไม่มีการส่งออกรถ PHEV ไปต่างประเทศ ส่งผลให้ยอดส่งออกกลุ่ม HEV&PHEV จากไทยไปออสเตรเลียลดลงถึง 15.1% (YoY)

สถานการณ์นี้ยังสอดคล้องกับแนวโน้มของญี่ปุ่น ซึ่งเป็นประเทศต้นทางของค่ายรถรายใหญ่ในไทย ที่ส่งออกรถยนต์ HEV&PHEV ไปออสเตรเลียลดลง 13.8% เช่นเดียวกัน


การหดตัวของไทยและญี่ปุ่นสะท้อนให้เห็นว่าผู้ผลิตรถญี่ปุ่นจำเป็นต้องเร่งพัฒนารุ่นใหม่ให้ผ่านมาตรฐานของออสเตรเลีย หากไม่ต้องการเสียส่วนแบ่งตลาดให้กับรถยนต์จากจีน เกาหลีใต้ สหรัฐฯ และแอฟริกาใต้ ที่ปัจจุบันกำลังขยายการส่งออกรถ HEV&PHEV ไปยังออสเตรเลียเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน

มาตรฐานการปล่อยก๊าซ CO₂ ของออสเตรเลียจะเข้มงวดขึ้นทุกปี และภายในปี 2571 อาจเหลือเพียงรถ PHEV และ BEV เท่านั้นที่ผ่านเกณฑ์ได้ ภาคอุตสาหกรรมไทยจึงต้องจับตาว่าค่ายรถจะยังใช้ไทยเป็นฐานผลิตเพื่อส่งออกไปออสเตรเลียต่อไปหรือไม่


บางค่ายอาจเลือกใช้ฐานการผลิตที่มีความพร้อมด้านเทคโนโลยีสูงกว่า เช่น ญี่ปุ่นหรือแอฟริกาใต้ ซึ่งมีข้อตกลงการค้าเสรี (FTA) กับตลาดยุโรปและสามารถสร้างขนาดการผลิตที่คุ้มค่าได้มากกว่า หากไทยไม่เร่งปรับตัวด้านเทคโนโลยีและมาตรฐานการผลิต ก็อาจเสียตำแหน่งฐานการส่งออกรถหลักในภูมิภาคให้ประเทศคู่แข่งในอนาคตอันใกล้

ที่มา: ศูนย์วิจัยกสิกรไทย 


กำลังโหลดความคิดเห็น