xs
xsm
sm
md
lg

บีวายดีโตต่ำสุดใน5ปี-ลดเป้ายอดขาย บริษัทอีวีจีนทุ่มสองเท่ารับมือแข่งเดือด

เผยแพร่:   ปรับปรุง:


สงครามราคาและภาวะการผลิตล้นตลาด ทำให้บริษัทอีวีหลายแห่งของจีนต้องพยายามลดยอดขาดทุนและเพิ่มยอดขายเพื่อให้ได้ไปต่อ
บริษัทอีวีจีนต้องพยายามเพิ่มขึ้นสองเท่าเพื่อให้ถึงจุดคุ้มทุนภายในปีนี้และเพื่อให้อยู่รอดจากการแข่งขัน ท่ามกลางสงครามราคาโหดร้ายที่แม้แต่บีวายดียังเลี่ยงไม่พ้นและกำลังเผชิญการเติบโตต่ำสุดในรอบ 5 ปี รวมทั้งสัญญาณอื่นๆ ที่บ่งชี้ว่า ยุคแห่งการขยายตัวทุบสถิติอาจใกล้อวสาน แหล่งข่าวเผยมีการปรับลดเป้าหมายยอดขายปีนี้ลงกว่า 10%

ผู้ผลิตอีวีชั้นนำของจีน อาทิ นีโอ เอ็กซ์เผิง และซีเคอร์ รายงานว่า ยอดขาดทุนในไตรมาส 2 ลดลง เนื่องจากส่วนลดช่วยดึงดูดลูกค้าจำนวนมากขึ้นให้เปลี่ยนใจจากรถใช้น้ำมันมาซื้อรถยนต์ไฟฟ้าแทน

เซาธ์ ไชน่า มอร์นิง โพสต์รายงานว่า นีโอขาดทุนลดลง 26% เทียบกับไตรมาสแรก อยู่ที่ 4,990 ล้านหยวน (699 ล้านดอลลาร์) ขณะที่เอ็กซ์เผิงขาดทุนลดลง 2 ใน 3 เหลือ 480 ล้านหยวน ส่วนซีเคอร์ของจีลี่ ออโตโมบิล โฮลดิ้งส์ ขาดทุนลดลง 88% อยู่ที่ 287 ล้านหยวน

ติง ไห่เฟิง ที่ปรึกษาของอินทิกริตี้ บริษัทที่ปรึกษาด้านการเงินในเซี่ยงไฮ้ ชี้ว่า บริษัทอีวีที่เป็นบริษัทมหาชนต้องลดยอดขาดทุนลงเนื่องจากคงระดมทุนเพิ่มได้ยากขึ้น

ขณะที่นักลงทุนกำลังกังวลกับภาวะการผลิตล้นตลาด และเสริมว่า การขาดทุนหนักในช่วงไม่กี่ไตรมาสข้างหน้าอาจทำให้ผู้ผลิตอีวีบางรายหายไปจากตลาดที่มีการแข่งขันสูงมากแห่งนี้

วิลเลียม หลี่ ซีอีโอนีโอที่ก่อตั้งมานาน 10 ปี ประกาศเมื่อวันอังคาร (2 ก.ย.) ว่า บริษัทมุ่งมั่นส่งมอบรถให้ได้เดือนละ 50,000 คันในไตรมาส 4 หรือมากกว่ายอดขายไตรมาสที่ผ่านมาถึงสองเท่า เพื่ออยู่รอดจากการแข่งขันและบรรลุเป้าหมายในการคุ้มทุนภายในปีนี้

แต่คู่แข่งบางแห่งของนีโอไม่ต้องเจอภารกิจยากลำบากขนาดนั้น ตัวอย่างเช่น หลี่ ออโต้ ที่สามารถแข่งขันในจีนสูสีกับเทสลาที่สุดนั้น มีกำไรตั้งแต่ปี 2023 จากเอสยูวีโอ่อ่ากว้างขวางพร้อมเทคโนโลยี extended-range ที่ช่วยเพิ่มระยะทางและดึงดูดลูกค้ากระเป๋าหนักซื้อหาไว้ใช้เป็นรถครอบครัว

เช่นเดียวกับลีปมอเตอร์ที่ได้รับการสนับสนุนจากสเตลแลนทิส บริษัทแม่ของเฟียต ที่เริ่มทำกำไรตั้งแต่ไตรมาสแรกปีนี้ด้วยกำไรสุทธิ 30 ล้านหยวนจากอีวีราคาประหยัด

ลีปมอเตอร์ นีโอ เอ็กซ์เผิง และซีเคอร์ ตั้งเป้าถึงจุดคุ้มทุนในปีนี้ และเป็นเพียงบริษัทไม่ถึง 10% ของแบรนด์อีวีจีนทั้งหมดที่คาดว่า จะทำกำไรได้ใน 5 ปีข้างหน้า

เดือนที่ผ่านมา เอลิกซ์พาร์ตเนอร์ซึ่งเป็นบริษัทที่ปรึกษาระดับโลก ระบุว่า อัตรากำไรขั้นต้นของบริษัทรถจีนกำลังถูกกดดันจากสงครามราคาและปัญหาการผลิตล้นตลาดเรื้อรัง ขณะที่โกลด์แมน แซคส์ชี้ว่า ปีที่แล้วผู้ผลิตเหล่านี้ใช้ศักยภาพการผลิตอีวีแค่ครึ่งเดียวของทั้งหมดหรือประมาณ 20 ล้านคัน

สตีเฟน ไดเออร์ ผู้นำร่วมในเกรทเตอร์ไชน่าและหัวหน้าฝ่ายปฏิบัติงานยานยนต์ในเอเชียของเอลิกซ์พาร์ตเนอร์ เชื่อว่า บริษัทขนาดเล็กที่มียอดขายอีวีเดือนละไม่ถึง 1,000 คันมีแนวโน้มพับกิจการ

ติงสำทับว่า ถ้าสงครามราคาในจีนบรรเทาลงจะส่งผลดีอย่างยิ่งต่ออัตรากำไรของค่ายรถ ทั้งนี้ ข้อมูลจากเจพีมอร์แกนพบว่า เดือนกรกฎาคมส่วนลดของผู้ผลิตอีวีและผู้ผลิตรถเครื่องยนต์สันดาปของจีนลดลงอยู่ที่ 16.7% จาก 17.4% ในเดือนมิถุนายน
อวสานเติบโตร้อนแรง?

สงครามราคาที่ส่งผลทั่วหน้าไม่ว่ารายเล็กรายใหญ่เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้บีวายดีต้องลดเป้าหมายยอดขายสำหรับปีนี้ลงถึง 16% อยู่ที่ 4.6 ล้านคัน และเผชิญการเติบโตต่อปีต่ำที่สุดในรอบ 5 ปี ส่งสัญญาณว่า ยุคแห่งการขยายตัวทุบสถิติอาจใกล้อวสาน

เดือนมีนาคมที่ผ่านมาบริษัทอีวีใหญ่ที่สุดของจีนแห่งนี้บอกกับนักวิเคราะห์ว่า ยอดขายสำหรับปีนี้อยู่ที่ 5.5 ล้านคัน แต่แหล่งข่าวเผยว่า ภายในบริษัทมีการหารือและลดเป้าหมายลงหลายรอบ และตัวเลขล่าสุดที่เผยแพร่ภายในบริษัทและแจ้งซัปพลายเออร์บางแห่งคืออย่างน้อย 4.6 ล้านคัน และอาจเปลี่ยนแปลงได้อีกตามสถานการณ์ในตลาด

แหล่งข่าวเหล่านั้นไม่ได้ให้เหตุผลของการดำเนินการดังกล่าว อย่างไรก็ตาม แหล่งข่าวคนหนึ่งบอกว่า การลดเป้าหมายยอดขายครั้งล่าสุดเกิดขึ้นขณะที่บีวายดีรับรู้ถึงการแข่งขันอย่างดุเดือดจากคู่แข่งอย่างจีลี่ ออโต้ และลีปมอเตอร์

ปลายเดือนที่แล้ว บีวายดีรายงานว่า กำไรไตรมาส 2 ลดลง 30% ซึ่งถือเป็นครั้งแรกในรอบกว่า 3 ปี

เป้าหมายยอดขายล่าสุดที่ไม่มีการเผยแพร่มาก่อน ยังต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่มีการปรับลดเมื่อเร็วๆ นี้ ตัวอย่างเช่น ดอยช์แบงก์คาดการณ์เมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่า ยอดขายบีวายดีปีนี้จะอยู่ที่ 4.7 ล้านคัน ส่วนมอร์นิ่งสตาร์คาดไว้ที่ 4.8 ล้านคัน

นอกจากนั้นแม้เป้าหมายใหม่เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว 7% แต่ถือเป็นอัตราเติบโตประจำปีต่ำที่สุดนับจากปี 2020 ที่ยอดขายรูดลง 7%

แนวโน้มที่ลดลงนี้ยังสะท้อนความกดดันจากภาวะเงินฝืดที่กำลังรุมเร้าเศรษฐกิจจีน ท่ามกลางดีมานด์ในประเทศที่ถูกโจมตีจากความตกต่ำยาวนานของภาคอสังหาริมทรัพย์ โดยในช่วง 8 เดือนแรกของปีนี้บีวายดีเพิ่งทำยอดขายได้แค่ 52% จากเป้าหมายเดิมที่ 5.5 ล้านคัน

ก่อนหน้านี้บีวายดีสามารถเปลี่ยนแปลงตัวเองจากผู้ผลิตดาวรุ่งกลายเป็นหนึ่งในบริษัทรถที่สำคัญที่สุดในโลกภายในเวลาแค่ไม่กี่ปี ด้วยการผลิตชิ้นส่วนจำนวนมากเองทำให้สามารถควบคุมต้นทุนได้

ยอดขายรถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100% และปลั๊ก-อินไฮบริดระหว่างปี 2020-2024 เพิ่มขึ้นสิบเท่าเป็น 4.3 ล้านคัน ส่งให้บีวายดีมีสถานะเทียบเท่าเจเนอรัล มอเตอร์ (จีเอ็ม) และฟอร์ดของอเมริกาในแง่ยอดขายทั่วโลก

แต่ตอนนี้บีวายดีกลับส่งสัญญาณการชะลอตัวที่ไม่อาจปฏิเสธได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในจีนซึ่งเป็นตลาดหลักที่เป็นที่มาของยอดขายเกือบ 80% ของบริษัท และท่ามกลางสงครามราคายาวนานหลายปีที่สร้างความบอบช้ำอย่างทั่วถึง

เดือนมิถุนายนรอยเตอร์รายงานว่า บีวายดีชะลอการผลิตและเลื่อนการเพิ่มศักยภาพการผลิตในโรงงานหลายแห่งในจีน

ข้อมูลจากรอยเตอร์และแพลตฟอร์มข้อมูลยานยนต์จีน DATADIC ระบุว่า ยอดขายรถราคาประหยัดของบีวายดี ซึ่งหมายถึงรถที่ราคาต่ำกว่า 150,000 หยวน (21,000 ดอลลาร์) ลดลง 9.6% ในเดือนกรกฎาคมเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปี 2024 ขณะที่ยอดขายรถในรุ่นราคาเดียวกันของจีลี่พุ่งขึ้นถึง 90% และจีลี่ได้ปรับเพิ่มเป้าหมายยอดขายประจำปี 2025 เป็น 3 ล้านคัน จาก 2.71 ล้านคัน

นอกจากนั้นเดือนที่ผ่านมา ยอดการผลิตของบีวายดียังลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 2 ถือเป็นครั้งแรกที่ตัวเลขนี้ลดลงติดต่อกันนับจากปี 2020
กำลังโหลดความคิดเห็น