เอ็นวีเดียขึ้นแท่นบริษัทมหาชนแห่งแรกของโลกที่มีมูลค่าตลาด 4 ล้านล้านดอลลาร์ หลังจากราคาหุ้นทะยานกว่า 2% เมื่อวันพุธ (9 ก.ค.) ตอกย้ำตำแหน่งหนึ่งในหุ้นที่เป็นที่โปรดปรานที่สุดของวอลล์สตรีทและความรุ่งโรจน์ของ AI
วันพุธราคาหุ้นของเอ็นวิเดีย ซึ่งเป็นบริษัทออกแบบชิปชั้นนำ พุ่งขึ้นถึง 2.5% ทำสถิติสูงสุดตลอดกาลที่ 164 ดอลลาร์ จากดีมานด์เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) ที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง
ความเคลื่อนไหวนี้ยังตอกย้ำความเชื่อมั่นของวอลล์สตรีทที่มีต่อการเติบโตอย่างรวดเร็วของ AI ที่ชิปประสิทธิภาพสูงของเอ็นวิเดียกลายเป็นโครงสร้างหลักผลักดันความคืบหน้าของเทคโนโลยีนี้ โดยนับจากต้นปีราคาหุ้นเอ็นวิเดียพุ่งขึ้นราว 20%
ล่าสุดเอ็นวิเดียสามารถแซงหน้าแอปเปิลและไมโครซอฟท์ กลายเป็นบริษัทมหาชนแห่งแรกของโลกที่มีมูลค่าตลาดถึง 4 ล้านล้านดอลลาร์ หลังจากเมื่อต้นปีแอปเปิลเพิ่งคว้าตำแหน่งบริษัทที่มีมูลค่าสูงสุดในโลกด้วยมาร์เก็ตแคป 3.9 ล้านล้านดอลลาร์ ก่อนที่ราคาหุ้นจะร่วงลงในช่วงไม่กี่เดือนนี้จากผลพวงของมาตรการภาษีศุลกากรของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ และปล่อยให้เอ็นวิเดียกับไมโครซอฟท์สลับกันเป็นบริษัทที่มีมูลค่ามากที่สุดในโลกแทน
ชิปของเอ็นวิเดียมีบทบาทสำคัญในศูนย์ข้อมูลที่บริษัทอย่างไมโครซอฟท์ อะเมซอน และกูเกิล จำเป็นต้องใช้เพื่อเพิ่มพลังโมเดล AI และบริการคลาวด์ ขณะที่คาดหมายกันว่า การลงทุนใน AI มีแต่จะเติบโตขึ้นเรื่อยๆ ข้อมูลจากดิ อินเตอร์เนชันแนล ดาต้า คอร์เปอเรชันคาดการณ์ว่า การลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานด้าน AI จะมีมูลค่าทะลุ 200,000 ล้านดอลลาร์ภายในปี 2028
ทั้งนี้ ในไตรมาสที่สิ้นสุดเดือนเมษายน เอ็นวิเดียมีรายได้ 44,100 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีที่แล้วถึง 69% สำหรับไตรมาส 2 ที่จะมีการรายงานผลประกอบในวันที่ 27 ส.ค.นั้น คาดว่า รายได้ของเอ็นวิเดียจะเพิ่มเป็น 45,000 ล้านดอลลาร์ บวกลบไม่เกิน 2%
แดน ไอเวส นักวิเคราะห์ของเว็ดบุช ซีเคียวริตี้ส์ ระบุในรายงานเมื่อวันที่ 27 มิ.ย. ว่า เอ็นวิเดียคือบริษัทที่เป็นรากฐานสำหรับการปฏิวัติ AI
ต่อมาเมื่อวันพุธ ไอเวสชี้ว่า นี่เป็นช่วงเวลาประวัติศาสตร์สำหรับเอ็นวิเดีย และสะท้อนว่า การปฏิวัติ AI กำลังก้าวไปอีกขั้นด้วยการนำทางของชิปจากบริษัทแห่งนี้
นอกจากนั้นเขายังเชื่อว่า ไมโครซอฟท์จะข้ามผ่านหลักชัย 4 ล้านล้านดอลลาร์ภายในฤดูร้อนนี้ จากมูลค่าตลาดปัจจุบันที่อยู่ที่ราว 3.77 ล้านล้านดอลลาร์
เอ็นวิเดียสร้างชื่อจากการพัฒนาหน่วยประมวลผลกราฟิกที่กลายเป็นที่โปรดปรานในหมู่ผู้ที่เล่นเกมบนพีซี แต่วันนี้บริษัทกำลังมุ่งมั่นกับโมเดล AI ใหม่ๆ ที่ออกแบบมาเพื่อขับเคลื่อนหุ่นยนต์และรถอัตโนมัติ โดยในงานประชุมนักพัฒนาเมื่อเดือนมีนาคม เอ็นวิเดียได้เปิดตัวชิปแบล็กเวลล์รุ่นอัปเดตคือ แบล็กเวลล์ อัลตรา ที่สนับสนุนโมเดล AI อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นด้วยความสามารถในการให้เหตุผลที่ซับซ้อนยิ่งขึ้น
บทบาทของเอ็นวิเดียในยุคทอง AI ยังส่งให้เจนเซน หวง ซีอีโอของบริษัท ขึ้นแท่นมหาเศรษฐีอันดับ 10 ของโลกในตารางบลูมเบิร์ก บิลเลียนแนร์ อินเด็กซ์เมื่อวันอังคาร (8 ก.ค.) ด้วยมูลค่าสินทรัพย์สุทธิ 140,000 ล้านดอลลาร์
หวงยังถูกดึงเข้าสู่วงโคจรของทรัมป์ โดยในเดือนพฤษภาคมเขาเป็นหนึ่งในผู้บริหารบริษัทไฮเทคระดับหัวกะทิที่ได้ร่วมทริปซาอุดีอาระเบียกับผู้นำสหรัฐฯ นอกจากนั้นเอ็นวิเดียยังเป็นหุ้นส่วนในโปรเจ็กต์สตาร์เกต ซึ่งเป็นแผนการริเริ่มโครงสร้างพื้นฐานด้าน AI มูลค่า 500,000 ล้านดอลลาร์ที่ทรัมป์ประกาศเมื่อเดือนมกราคมว่า เป็นกุญแจสำคัญในการผลักดันการเติบโตของอุตสาหกรรมเทคโนโลยีอเมริกา
อย่างไรก็ตาม เส้นทางความสำเร็จของเอ็นวิเดียไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ ต้นปีนี้ดีปซีค สตาร์ทอัพจีน เขย่าขวัญวอลล์สตรีทและซิลิคอนแวลลีย์ด้วยโมเดล AI โลว์คอสต์ทรงพลัง ซึ่งจุดชนวนคำถามว่า ชิปและฮาร์ดแวร์ราคาแพงลิบจำเป็นสำหรับ AI ขั้นสูงจริงหรือไม่ และฉุดราคาหุ้นเอ็นวิเดียดิ่งแรงในเดือนมกราคม
นอกจากนั้นเอ็นวิเดียยังตกที่นั่งลำบากในสงคราม AI ระหว่างวอชิงตันกับปักกิ่ง โดยบริษัทเผยว่า สูญเสียรายได้ไปถึง 2,500 ล้านดอลลาร์ในไตรมาสแรกเนื่องจากถูกจำกัดการส่งออกชิป H20 ให้จีน
ราคาหุ้นเอ็นวิเดียร่วงถึง 37% ระหว่างเดือนมกราคมถึงเมษายนที่บริษัทต้องเผชิญความกังวลเกี่ยวกับดีปซีคและความตึงเครียดทางการค้าอเมริกา-จีน ทว่า นับจากนั้นราคาหุ้นเอ็นวิเดียพุ่งติดจรวดทำนิวไฮหลายรอบและทะยานขึ้นเกือบ 74% นับจากต้นเดือนเมษายน
หวงยังเล็งเห็นเส้นทางเติบโตยาวไกลสำหรับบริษัท โดยเมื่อเดือนพฤษภาคมเขาประกาศว่า AI จะมีความจำเป็นสำหรับทุกประเทศและทุกอุตสาหกรรม
นักวิเคราะห์ของวอลล์สตรีทเห็นด้วยกับการคาดการณ์ของหวงและคาดว่า เอ็นวิเดียจะโตขึ้นเรื่อยๆ โดยในรายงานเดือนมิถุนายน นักวิจัยของบริษัทการลงทุน ลูป แคปิตอล ประเมินว่า มูลค่าตลาดของบริษัทแห่งนี้จะแตะ 6 ล้านล้านดอลลาร์ภายในปี 2028