RAV4 ปาดหน้า Model Y เฉียดฉิว คว้าตำแหน่งรถขายดีที่สุดในโลกในปีที่ผ่านมา ขณะที่ยอดขายโดยรวมของเทสลายังกู่ไม่กลับ
Model Y ผูกขาดตำแหน่งแชมป์รถที่ขายดีที่สุดในโลกนับจากไตรมาสแรกปี 2023 และยังเป็นอีวีรุ่นแรกที่คว้าตำแหน่งนี้ นับเป็นความสำเร็จงดงามสำหรับบริษัทรถที่เพิ่งก่อตั้งขึ้นเมื่อ 20 ปีที่แล้วอย่างเทสลา
ชัยชนะนี้ได้รับการทำนายอย่างแม่นยำโดยอีลอน มัสก์ ซีอีโอเทสลา ที่ประกาศตอนเปิดตัว Model Y ว่า จะกลายเป็นรถที่ขายดีที่สุดในโลก และเป็นหนึ่งในคำทำนายเพียงน้อยนิดของมัสก์ที่เป็นจริง
Model Y ยึดบัลลังก์รถขายดีที่สุดประจำปี 2023 และยังคงขายดีต่อเนื่องมาถึงต้นปี 2024 จนเกือบแน่นอนแล้วว่า จะได้ครองแชมป์เป็นปีที่ 2 ติดกัน แต่แล้วทุกอย่างเริ่มเปลี่ยนไปนับจากที่มัสก์ตัดสินใจเข้าสู่เส้นทางการเมือง
นับจากนั้น ผู้บริโภคหันหลังให้เทสลา ไม่เฉพาะในอเมริกาเท่านั้น แต่รวมถึงทั่วโลกที่ต่างไม่พอใจที่ทรัมป์เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับการเมืองในประเทศอื่นๆ เช่น สนับสนุนนักการเมืองขวาจัดในยุโรป
ผลลัพธ์คือ ยอดขายเทสลาเริ่มดำดิ่งตั้งแต่กลางปีที่แล้ว และเป็นครั้งแรกที่บริษัทที่บุกเบิกรถยนต์ไฟฟ้าในอเมริกาแห่งนี้มียอดจัดส่งตกลงหลายไตรมาสติดกันนับจากที่ก่อตั้งบริษัท
ข้อมูลล่าสุดที่รวบรวมโดยเฟลิเป มูนอซ จากจาโต ไดนามิกส์ ตอกย้ำว่า ความเสียหายต่อแบรนด์จากฝีมือมัสก์รุนแรงพอที่จะทำให้ Model Y ชวดแชมป์
รายงานของจาโต ไดนามิกส์ ระบุว่า RAV4 ของโตโยต้าที่ผลิตใน 4 ประเทศ ทำยอดขายทั่วโลกปีที่ผ่านมา 1,187,000 คัน เทียบกับยอดขาย Model Y ที่ 1,185,000 คัน
ช่วงหลายปีมานี้ RAV ทำยอดขายเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง กระทั่งแซงคัมรี่ขึ้นเป็นรถขายดีที่สุดในอเมริกาที่ไม่ใช่รถกระบะในปี 2017
ไม่ใช่แค่ RAV4 เท่านั้น แต่โตโยต้ายังมีรถถึง 5 รุ่นติดท็อป 10 ในตารางรถขายดีที่สุดประจำปี 2024 ขณะที่เทสลามี 2 รุ่น โดยอีกรุ่นคือ Model 3 ที่ยอดขายปีที่แล้วเพิ่มขึ้น 10% และในบรรดา 10 อันดับแรกมีรถปลั๊ก-อินรวมอยู่ 3 รุ่น
ที่น่าสังเกตคือ การแข่งขันนี้เกิดขึ้นในช่วงเวลาที่ไม่ปกตินักสำหรับทั้ง RAV4 และ Model Y กรณี RAV4 นั้นรุ่นปัจจุบันใกล้สิ้นสุดและเตรียมออกรุ่นปรับโฉมปี 2026 โดยจะมีเฉพาะเวอร์ชันไฮบริดและปลั๊ก-อินไฮบริดเท่านั้น
ในส่วน Model Y มีการประกาศอย่างเป็นทางการเมื่อต้นเดือนมกราคมว่า จะออกรุ่นปรับโฉมเช่นเดียวกันและคาดว่า อาจมีการเปิดเผยรายละเอียดเพิ่มเติมเร็วๆ นี้
รถรุ่นอื่นๆ ที่ติด 10 อันดับแรกเรียงตามลำดับได้ดังนี้ โตโยต้า โคโรลลา ครอสส์/ฟรอนต์แลนเดอร์ 859,000 คัน (3), ฮอนด้า ซีอาร์-วี 854,000 คัน (4), โตโยต้า โคโรลลาซีดาน 697,000 คัน (5), โตโยต้า ไฮลักซ์ 617,000 คัน (6), ฟอร์ด เอฟ-150 595,000 คัน (7), โตโยต้า คัมรี่ 593,000 คัน (8), เทสลา Model 3 560,000 คัน (9) และบีวายดี ฉิน 502,000 คัน (10)
สำหรับเทสลานั้น นอกจากเสียตำแหน่งแชมป์รถขายดีที่สุดในโลกแล้ว เมื่อกลางสัปดาห์ที่ผ่านมายังรายงานยอดขายประจำไตรมาส 2 ตกแรงถึง 13.5% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีที่แล้ว อยู่ที่ 384,122 คัน ซึ่งนอกจากสะท้อนผลลัพธ์ที่ร้ายแรงเกินคาดจากการกระโจนสู่แวดวงการเมืองของมัสก์ ที่ล่าสุดยังแตกคอกับประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แล้ว ยังตอกย้ำการแข่งขันที่ดุเดือดกับบีวายดี รวมถึงอีวีโลว์คอสต์แบรนด์อื่นๆ ของจีน และรถยนต์ไฟฟ้าจากค่ายรถยักษ์ใหญ่ดั้งเดิมอย่างเจเนอรัล มอเตอร์ (จีเอ็ม) โตโยต้า และโฟล์คสวาเกน
ตัวเลขนี้ทำให้นักวิเคราะห์พากันคาดการณ์ว่า ผลประกอบการที่เทสลามีกำหนดรายงานในวันที่ 23 ก.ค. น่าจะร่วงลงเช่นเดียวกัน โดยเอสแอนด์พี แคปิตอล ไอคิวคาดว่า กำไรของเทสลาจะดิ่งลงถึง 16% อยู่ที่ 1,200 ล้านดอลลาร์