xs
xsm
sm
md
lg

เศรษฐี 3 หมื่นล้านหมดตัวหุ้น KTC / สุนันท์ ศรีจันทรา

เผยแพร่:   ปรับปรุง:



ข้อมูลสำคัญที่นักลงทุนรอคอยเกี่ยวกับการซื้อขายหุ้น บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KTC ออกมาแล้ว โดยสำนักงานคณะกรรมการกำกับการซื้อขายหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ได้รายงานการขายหุ้นของ นายมงคล ประกิตชัยวัฒนา นักลงทุนรายใหญ่ที่ถือหุ้นใหญ่อันดับ 2 ของ KTC ตลอดกว่า10 ปีที่ผ่านมา

ตัวเลขการขายหุ้น ตามแบบรายงาน 246-2 เมื่อวันที่ 25 มิถุนายนที่ผ่านมา ซึ่งทำให้หุ้น KTC ติดฟลอร์หรือปรับตัวลงต่ำสุดติดพื้นเป็นวันที่ 2 เป็นตัวเลขที่น่าตกใจ โดยนายมงคลขายหุ้นออกจำนวน 7.56% ของทุนจดทะเบียน และเหลือหุ้น KTC เหลืออยู่เพียง 5.15%

นายมงคลยังรายงานการขายหุ้น บริษัท เอ็กซ์สปริง แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) ออกจำนวน 5.88% ของทุนจดทะเบียน และเหลือหุ้นที่ถืออยู่เพียง 0.19% รวมทั้งขายหุ้น บริษัท เดอะแพรคทิเคิลโซลูชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ TPS ออกจำนวน 4.03% เหลือหุ้นที่ถืออยู่ 12.22% ของทุนจดทะเบียน

แต่ไม่มีรายงานการขายหุ้น บริษัท บีอีซีเวิลด์ จำกัด (มหาชน) หรือ BEC ของนายมงคล มีเพียงรายงานการขายหุ้น BEC ของนางสาวฉันทนา จิรัฐติภัทร์ จำนวน 6.71% หรือขายหุ้น BEC ที่นางสาวฉันทนาถือไว้ทั้งหมดทิ้ง

หุ้น KTC หุ้น XPG หุ้น BEC และหุ้น TPS ซึ่งนายมงคลถือหุ้นใหญ่ ถูกบังคับขายหรือ FORCE SELL จนราคาร่วงติดฟลอร์ 2 วันติด ระหว่างวันที่ 23-24 มิถุนายน จนวันที่ 25 มิถุนายน หุ้น KTC ลงไปต่ำสุดในรอบนับสิบปีที่ 21.80 บาท ก่อนมีข่าวการทำบิ๊กล็อตหรือรายการซื้อขายของนักลงทุนรายใหญ่รวม 129 ล้านหุ้น ในราคาเฉลี่ยประมาณ 20.60 บาท ราคาหุ้นที่ซื้อขายในกระดานจึงดีดตัวขึ้น ไม่ติดฟลอร์เป็นวันที่ 3

การ FORCE SELL หุ้น BEC ของนายมงคล ผ่านโบรกเกอร์ 9 แห่ง ประกอบด้วยบริษัท หลักทรัพย์ไอร่า จํากัด (มหาชน) บริษัท หลักทรัพย์ฟิลลิป (ประเทศไทย) จํากัด (มหาชน) บริษัท หลักทรัพย์พาย จํากัด (มหาชน) บริษัท หลักทรัพย์ซีจีเอส อินเตอร์เนชันแนล (ประเทศไทย) จํากัด

บริษัท เอเซีย พลัส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จํากัด (มหาชน) บริษัท หลักทรัพย์เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) จํากัด (มหาชน) บริษัท หลักทรัพย์กรุงศรีพัฒนสิน จํากัด (มหาชน) บริษัท หลักทรัพย์หยวนต้า (ประเทศไทย) จํากัด และบริษัท หลักทรัพย์กรุงไทย เอ็กซ์สปริง จํากัด

การทำรายการบิ๊กล็อตหุ้น KTC จำนวน 129 ล้านหุ้น เมื่อวันที่ 25 มิถุนายน ไม่มีรายละเอียดว่าใครซื้อหรือใครขาย ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย จึงได้สอบถามข้อมูลไปยัง KTC ซึ่งถือเป็นการทำหน้าที่ได้ดีและรวดเร็ว เพราะจะปล่อยให้ข้อมูลการซื้อขายบิ๊กล็อตเกิดความคลุมเครือ ไม่รู้ว่าใครซื้อใครขายไม่ได้

แต่ฝ่ายบริหาร KTC ชี้แจงกลับมาว่า ไม่มีข้อมูลรายชื่อผู้ถือหุ้นทีทำบิ๊กล็อค จึงต้องรอแบบรายงาน 246-2 ซึ่งผู้ถือหุ้นในสัดส่วนเกิน 5% ของทุนจดทะเบียน จะต้องรายงานการมาหรือจำหน่ายไปของหุ้น ภายใน 3 วันทำการ

นายมงคลถือเป็นนักลงทุน มหาเศรษฐีอันดับ1ของตลาดหุ้นไทย โดยเดือนมกราคม 2564 หุ้น KTC ขึ้นไปสูงสุดที่ 90.25 บาท ขณะนั้นนายมงคลถือหุ้นอยู่ประมาณ 388.66 ล้านหุ้น คำนวนเป็นเงินประมาณ 3.5 หมื่นล้านบาท ซึ่งถ้าขายหุ้น KTC ออกในตอนนั้น

นายมงคลจะโกยกำไรจากหุ้น KTC เพียงตัวเดียวไม่ต่ำกว่า 3.3 หมื่นล้านบาท เพราะซื้อสะสมหุ้นไส้ที่ราคาเฉลี่ยประมาณ 3 บาท

แต่นายมงคลตัดขายหุ้น KTC ให้กองทุนต่างประเทศประมาณ 4.8% ของทุนจดทะเบียนให้กองทุนต่างประเทศ รับเงินสด ๆ มากว่า 8.1 พันล้านบาท เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2564

เงินที่ได้มา ส่วนหนึ่งนำไปซื้อหุ้นเพิ่มทุน XPG เงินส่วนที่เหลืออาจนำไปซื้อหุ้นตัวอื่น เช่น BEC และหุ้น TPS

การถูกบังคับขายหุ้นครั้งนี้ ทำให้นายมงคลเจ็บหนัก ขาดทุนยับเยิน และอาจถึงขั้นกำไรที่ได้ไป ต้องคืนกลับตลาดหุ้นทั้งหมด หรือถึงขั้น ”เข้าเนื้อ” เงินที่นำมาลงทุนนับพันล้านบาท สูญสลายพังพินาศแทบไม่เหลือ

ภายในเวลาเพียง 4 ปี ทำไมโชคชาะตาของนายมงคลจึงได้พลิกผันถึงขั้นนี้ จากมหาเศรษฐีที่ร่ำรวยจากหุ้นไม่น้อยกว่า 3 หมื่นล้านบาท กลับต้องเป็นนักลงทุนอีกคน ที่ตกเป็นเหยื่อสังเวยตลาดหุ้น

หุ้น KTC 5.13% ของทุนจดทะเบียน หรือจำนวนประมาณ 132 ล้านหุ้นที่นายมงคลเหลืออยู่ ถ้าคำนวณมูลค่า จากราคาปิดล่าสุดที่ 24 บาท จะมีจำนวนประมาณ 3,168 ล้านบาท

มองโลกในแง่ดี นายมงคลยังเหลือกำไรติดไม้ติดมือจากหุ้น KTC แต่มองอีกแง่มุมหนึ่ง หุ้น KTC ที่เหลือปลอด “จำนอง” หรือไม่ ถูกนำไปวางค้ำประกันวงเงินสินเชื่อซื้อหุ้นหรือมาร์จิ้นอยู่หรือไม่

จะมีรายการบังคับขายหุ้น KTC ตามมาอีกหรือไม่

และสุดท้าย นายมงคล มหาเศรษฐีหุ้นอันดับหนึ่งชองนักลงทุน จะเดินตัวเปล่าออกจากตลาดหุ้นหรือไม่

แรงเชียร์หุ้น KTC ยังดังสนั่นอยู่ โดยอ้างผลกำไรยังดี ค่าพี/อี เรโช ต่ำ ประมาณ 8 เท่า อัตราเงินปันผลอยู่ในเกณฑ์สูงประมาณ 5.5%

ปกติหุ้นที่ถูกบังคับขาย เมื่อหมดแรงขาย FORCE SELL แล้ว และถูกทุบติดฟลอร์ 2-3 วันแล้ว หุ้นมักจะดีดตัวขึ้น

แต่หุ้น KTC โงหัวได้เพียงวันเดียว ก่อนถูกทุบหัวลงไปใหม่ ใครคิดจะลุย KTC ต้องไตร่ตรองให้รอบคอบ

เพราะขาใหญ่ มหาเศรษฐีอย่าง “มงคล ประกิตชัยวัฒนา” ยังม่อยกระรอกจากหุ้นตัวนี้






กำลังโหลดความคิดเห็น