ผู้บริหารบีวายดีรับสงครามราคาอีวีในจีนไม่ยั่งยืน บางแบรนด์อาจไม่รอด แต่ไม่ได้บอกว่า มีแผนปรับราคาขึ้นหรือไม่ ยืนยันเดินหน้าทุ่มทุนขนาดใหญ่นอกประเทศ โดยโฟกัสขณะนี้อยู่ที่ยุโรป ซึ่งบริษัทอาจลงทุนถึง 20,000 ล้านดอลลาร์ใน 2-3 ปีข้างหน้า
สเตลลา หลี่ รองประธานบริหารบีวายดี ให้สัมภาษณ์บลูมเบิร์กจากลอนดอนเมื่อวันศุกร์ (13 มิ.ย.) ว่า สงครามราคาในตลาดจีนเป็นสถานการณ์ที่ไม่ยั่งยืนและมีแนวโน้มเป็นการแข่งขันที่ดุเดือดรุนแรงมาก ซึ่งบางแบรนด์อาจหายไปจากตลาด
หลี่แจงว่า เมื่อบีวายดีลดราคา อีกสองเดือนให้หลัง คู่แข่งจะเลียนแบบด้วยการออกรถใหม่รุ่นคล้ายกัน แต่ขนาดใหญ่กว่าและราคาถูกกว่า 10,000-20,000 หยวน (45,000-90,000 บาท)
ทั้งนี้ ช่วงปลายเดือนพฤษภาคม บีวายดีหั่นราคารถ 22 รุ่นรวด สูงสุด 34%
รายงานระบุว่า Seagull EV ซึ่งเป็นรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นที่ขายดีและราคาจับต้องได้มากที่สุดในจีนด้วยราคาเริ่มต้นที่ราว 10,000 ดอลลาร์ (324,000 บาท) ขณะนี้ราคาลดเหลือเพียง 8,000 ดอลลาร์ (259,000 บาท)
กลยุทธ์แข็งกร้าวนี้มีสาเหตุหลักมาจากเป้าหมายยอดขายที่บีวายดีตั้งไว้สูงลิบที่ 5.5 ล้านคันภายในปีนี้ หรือเพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว 30%
อย่างไรก็ตาม รายงานการวิจัยของดอยช์แบงก์ที่เปิดเผยเมื่อวันที่ 24 พ.ค. ระบุว่า ยอดขายปลีกของบีวายดีในช่วง 4 เดือนแรกของปีนี้ขยายตัวเพียง 15% จากช่วงเดียวกันปีที่แล้ว
หลังบีวายดีจุดชนวนสงครามราคารอบใหม่เมื่อปลายเดือนพ.ค. ผู้ผลิตรถหลายแห่งในจีนที่รวมถึงเชอรี่ ลีปมอเตอร์ และไอเอ็ม มอเตอร์ ต่างประกาศลดราคาอีวีตาม สร้างความกังวลอย่างมากว่า สงครามราคากำลังรุนแรงขึ้น
วันที่ 31 พ.ค. สมาคมผู้ผลิตรถยนต์แห่งประเทศจีน (CAAM) ออกแถลงการณ์เรียกร้องให้ยุติสงครามราคา โดยระบุว่า สงครามราคาที่ไร้ระบบกำลังทำให้วงจรอุบาทว์ของการแข่งขันอันตรายยิ่งขึ้นและยิ่งบีบเค้นอัตรากำไรของบริษัท รวมทั้งเพิ่มความเสี่ยงด้านความปลอดภัยสำหรับผู้บริโภค
CAAM เรียกร้องให้บริษัทต่างๆ แข่งขันอย่างเป็นธรรม อย่าผูกขาดตลาดหรือ “ทุ่มราคา” ด้วยสินค้าราคาต่ำกว่าทุน
กระนั้น จง ฉือ นักวิเคราะห์ของ CAAM ยอมรับว่า สถานการณ์การแข่งขันขณะนี้ดูเหมือนทำอะไรไม่ได้มากนัก และสำทับว่า หลายประเทศกำลังจับตาการแข่งขันดุเดือดในตลาดรถจีน และนัยที่อาจส่งผลต่ออุตสาหกรรมรถยนต์ในท้องถิ่นของตนเอง
เหอ เสี่ยวเผิง ซีอีโอเอ็กซ์เผิง สตาร์ทอัพรถยนต์ไฟฟ้าแถวหน้าของจีน ให้สัมภาษณ์ในเวลาไล่เลี่ยกันว่า สงครามราคายังไปไม่สุดและจะรุนแรงขึ้นใน 5 ปีหน้า
บลูมเบิร์กรายงานว่า เมื่อต้นเดือนผู้บริหารอาวุโสของบริษัทอีวีหลายแห่งถูกปักกิ่งเรียกเข้าพบเพื่อกำชับให้ “ควบคุมตัวเอง” อย่างไรก็ดี ทั้งผู้เล่นและนักวิเคราะห์ในอุตสาหกรรมต่างทำนายว่า การแข่งขันมีแต่จะรุนแรงขึ้น
นักวิเคราะห์ของโนมูระขานรับว่า จากสถานการณ์รถล้นตลาดจีนในปัจจุบัน ทำให้เชื่อได้ว่า การแข่งขันที่ดุเดือดที่สุดยังมาไม่ถึงจนกว่าจะได้เห็นการควบรวมอย่างเข้มข้นในอนาคต
โนมูระยังอ้างอิงข้อมูลจากสถาบันวิจัยออโต้โฮมว่า ช่วง 2 ปีที่ผ่านมาราคารถโดยเฉลี่ยในจีนลดลง 19% อยู่ที่ราว 22,900 ดอลลาร์ (742,000 บาท)
ต้นสัปดาห์ที่แล้ว พีเพิลส์ เดลี่ หนังสือพิมพ์ของพรรคคอมมิวนิสต์จีน เผยแพร่บทความในชื่อ “สงครามราคาในอุตสาหกรรมยานยนต์ไร้ทางออกและไร้อนาคต” พร้อมเตือนว่า สงครามราคาที่ยุ่งเหยิงกำลังรีดเค้นกำไรในทุกส่วนตั้งแต่การผลิตจนถึงการจัดจำหน่าย ส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศทั้งหมด และเสี่ยงทำให้รายได้ของพนักงานลดลง ก่อนทิ้งท้ายว่า การแข่งขันไปสู่จุดต่ำสุดนี้จะไม่ยั่งยืนในระยะยาว
พีเพิลส์ เดลี่ยังรายงานว่า กระทรวงอุตสาหกรรมและสารสนเทศจะเพิ่มมาตรการควบคุมการแข่งขันที่ไม่ก่อให้เกิดผลดี และร่วมมือกับกระทรวงอื่นๆ ในการบังคับใช้กฎหมายเพื่อส่งเสริมการแข่งขันที่เป็นธรรม
อย่างไรก็ตาม จากการให้สัมภาษณ์ล่าสุด แม้ดูเหมือนหลี่เห็นด้วยกับคำเตือนเหล่านั้น แต่ไม่ได้บอกว่า บีวายดีมีแผนปรับราคาขึ้นหรือไม่ แถมเมื่อต้นสัปดาห์ที่แล้วบริษัทรถยนต์ไฟฟ้ายักษ์ใหญ่ของจีนแห่งนี้ยังเปิดตัวซีดาน Seal 06 ตัดราคาคู่แข่ง ด้วยราคาเริ่มต้นแค่ 15,000 ดอลลาร์กว่าๆ (486,000 บาท) ถูกกว่าเทสลา Model 3 ที่ขายในจีนเกินครึ่ง
นอกจากนั้น ระหว่างให้สัมภาษณ์ หลี่ยังเผยว่า บีวายดีมีแผนทุ่มลงทุนนอกจีนต่อไป โดยโฟกัสขณะนี้อยู่ที่ยุโรป ซึ่งบริษัทคาดว่า จะลงทุนถึง 20,000 ล้านดอลลาร์ใน 2-3 ปีข้างหน้า แต่สำทับว่า ขณะนี้ บีวายดียังไม่มีแผนร่วมมือกับผู้ผลิตรถยุโรปแบบเอ็กซ์เผิงและลีปมอเตอร์
อิเล็คเทรคระบุว่า บีวายดีกำลังขยายตัวอย่างแข็งกร้าวในตลาดต่างแดนเช่นเดียวกับในจีน โดยเมื่อเร็วๆ นี้เพิ่งเผยโฉม Dolphin Surf ในฐานะหนึ่งในรถราคาต่ำที่สุดในอังกฤษ ด้วยราคาเริ่มต้นเพียง 25,000 ดอลลาร์กว่าๆ (810,000 บาท)
สตีฟ บีตตี้ ผู้อำนวยการฝ่ายขายและการตลาดของบีวายดี ยูเค ประกาศว่า บีวายดีต้องการเป็นที่ 1 ในตลาดอีวีอังกฤษภายใน 10 ปี
ปัจจุบัน บีวายดีทำยอดขายประจำเดือนแซงหน้าเทสลาทั้งในสหราชอาณาจักรและยุโรป หลังจากเพิ่งแย่งตำแหน่งบริษัทอีวีที่ขายดีที่สุดในโลกประจำปี 2024 มาหมาดๆ
เดวิด เบลีย์ ศาสตราจารย์ธุรกิจและเศรษฐศาสตร์ของเบอร์มิงแฮม บิสเนส สกูล ชี้ว่า นับจากบุกตลาดยุโรปเมื่อสองปีที่แล้ว บีวายดีขยายตัวอย่างรุกกร้าวมาก
เขายังเตือนว่า จีนมีความได้เปรียบด้านต้นทุนอย่างมากซึ่งมาจากการประหยัดจากขนาดและเทคโนโลยีแบตเตอรี่ และอาจทำให้ค่ายรถยุโรปถูกทิ้งไว้ข้างหลังถ้ายังขืนเชื่องช้าอยู่