ภาคการท่องเที่ยวของประเทศไทย ที่เติบโตด้วยดี นับตั้งแต่ผ่านพ้นโควิด-19 มา ส่งผลให้ ผู้ประกอบการในธุรกิจโรงแรมทั้งที่เป็นแบรนด์ของคนไทย ได้เร่งขยายการลงทุน การเข้าซื้อโรงแรมเติมเข้าพอร์ต รวมถึงอัพเกรดโรงแรมไปสู่การบริการในระดับพรีเมียมมากขึ้น ในขณะที่ เชน โรงแรมจากต่างประเทศ ได้รุกคืบหนักในการเพิ่มส่วนแบ่งตลาดในประเทศไทย ขยายไปถึงตลาดในภูมิภาคเอเชีย เนื่องจากการท่องเที่ยวมีแนวโน้มเติบโตที่สูงต่อเนื่องทุกปี
"ออนิกซ์ ฮอสพิทาลิตี้ กรุ๊ป" (ONYX Hospitality Group) หนึ่งในบริษัทหลักภายใต้กลุ่มบริษัทอิตัลไทย บริษัทชั้นนำที่มีความเชี่ยวชาญด้านการบริหารจัดการโรงแรม รีสอร์ต เซอร์วิส อพาร์ตเมนต์ และที่พักอาศัยระดับหรู ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ แบรนด์คนไทย ที่อยู่คู่กับเประเทศไทยในอุตสหกรรมโรงแรมมากว่า 50 ปี จากที่มีแบรนด์โรงแรม Amari (อมารี) ที่พัทยา ชลบุรี ปัจจุบัน ONYX Hospitality Group กลายเป็นอีกหนึ่งบริษัทที่โดดเด่นและมีชื่อเสียง มีการขยายแบรนด์ออกไปอย่างกว้างขวาง อาทิ อมารี (Amari) , โอโซ่ (OZO) , ชามา (Shama) และ โอเรียนเต็ล เรสซิเดนซ์ (Oriental Residence) รวมทั้งธุรกิจอื่นๆ ในอุตสาหกรรมบริการอย่าง สปา และร้านอาหาร เช่น แบรนด์สปา ‘ไหม สปา’ (maai spa) และ ‘บรีซ สปา’ (Breeze spa) หรือแบรนด์ร้านอาหาร ‘เปรโก้’ (Prego) ‘ชมสินธุ์’ (Chom Sindh) และ ‘นิลา’ (Nila) เป็นต้น
ซึ่งแต่ละแบรนด์มีจุดเด่นที่เป็นเอกลักษณ์ และสามารถตอบสนองความต้องการที่แตกต่างกันของนักเดินทาง ที่มาทำธุรกิจหรือพักผ่อนในประเทศไทยและภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกได้อย่างดีเยี่ยม ปัจจุบันมีโครงการที่เปิดให้บริการทั้งสิ้น 42 แห่ง รวมกว่า 7,700 ห้อง ในประเทศไทย มาเลเซีย จีน ฮ่องกง บังกลาเทศ ศรีลังกา และ สปป.ลาว
"ปีที่ผ่านมา ถือเป็นปีที่ดีของออนิกซ์ ฮอสพิทาลิตี้ กรุ๊ป จากการฟื้นตัวของธุรกิจท่องเที่ยวและโรงแรม ส่งผลให้อัตราการเข้าพักของโรงแรมในกลุ่มออนิกซ์ ฮอสพิทาลิตี้ กรุ๊ป เพิ่มขึ้นอย่างแข็งแกร่ง โดยเฉพาะแบรนด์ อมารี (Amari) และ โอโซ่ (OZO) มีอัตราการเข้าพักที่โดดเด่น นำไปสู่ผลการดำเนินงานที่ยอดเยี่ยม โดยมีรายได้กว่า 8,700 ล้านบาท และกำไรจากการดำเนินงานรวม (GOP) กว่า 3,400 ล้านบาท" นายยุทธชัย จรณะจิตต์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ออนิกซ์ ฮอสพิทาลิตี้ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวในการแถลงข่าวครั้งแรกของปี 2568 และจะมีแผนการตลาดต่อเนื่องตลอดในปีนี้
ขณะที่ปี 68 ออนิกซ์ ฮอสพิทาลิตี้ กรุ๊ป ยังคงดำเนินการขยายการเติบโต ผ่านการขยายพอร์ตโฟลิโออย่างต่อเนื่อง ทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยล่าสุดได้เปิดตัว โรงแรมใหม่ทั้งในประเทศและต่างประเทศ ได้แก่ อมารี โคลัมโบ ประเทศศรีลังกา (Amari Colombo, Sri Lanka) เปิดให้บริการเดือน ธันวาคม 2567 , อมารี เวียงจันทน์ ประเทศลาว (Amari Vientiane, Laos) เปิดให้บริการเดือน มีนาคม 2568, อมารี บางแสน (Amari Bangsaen) เปิดให้บริการเดือน มิถุนายน 68 และ โอโซ่ เมดินี ประเทศมาเลเชีย (OZO Medini, Malaysia) เป็นต้น
“ การเปิดตัวโรงแรมใหม่อย่างต่อเนื่องเช่นนี้ เป็นเครื่องยืนยันได้ ถึงการเดินหน้าตามเป้าหมายพันธกิจที่ตั้งไว้ ในการบริหารจัดการโรงแรมและที่พักมากกว่า 50 แห่งภายในปี 2568 และภายใน 3 ปีข้างหน้า จะเพิ่มขึ้นเป็น 70 แห่งภายในปี 2571 ”
ทั้งนี้ แบรนด์ “อมารี (Amari)” ซึ่งเป็นโรงแรมระดับบน ให้บริการเต็มรูปแบบที่สามารถตอบสนองความต้องการที่หลากหลายของนักเดินทางทั้งเพื่อธุรกิจและเพื่อการพักผ่อน บริการของอมารีครอบคลุมทั้งการบริการแบบ City MICE, Urban Resort และ Resort โรงแรมตั้งอยู่ในทำเลที่หลากหลาย ตั้งแต่ริมชายฝั่ง ใจกลางเมืองที่คึกคัก หรือท่ามกลางทิวทัศน์ภูเขาและธรรมชาติอันเขียวขจี ครอบคลุมจุดหมายสำคัญในประเทศไทย มาเลเซีย ลาว บังกลาเทศ และศรีลังกา พร้อมมอบบริการด้วยความมุ่งมั่นในการสร้างประสบการณ์ที่น่าประทับใจให้กับทุกช่วงเวลาแห่งการเข้าพัก ผ่านจิตวิญญาณของอมารีที่สะท้อนอยู่ในทุกแง่มุมของการบริการที่ก้าวข้ามขอบเขตของการบริการแบบดั้งเดิม เพื่อเติมเต็มความต้องการที่หลากหลายของทั้งนักธุรกิจและนักท่องเที่ยว อีกทั้งยังผสมผสานประเพณีท้องถิ่นเข้ากับความทันสมัยไว้ได้อย่างกลมกลืน เพื่อสร้างสรรค์ประสบการณ์ที่มีความหมายและตรึงใจให้เป็นความทรงจำที่ยากจะลืมเลือนให้กับแขกผู้เข้าพักในทุกครั้งที่เข้าพักที่อมารี ปัจจุบันโรงแรมภายใต้แบรนด์ “อมารี (Amari)” เปิดให้บริการแล้ว 16 แห่ง ครอบคลุมหลากหลายประเทศในเอเชียแปซิฟิก
ขณะที่แบรนด์ “โอโซ่ (OZO)” เป็นโรงแรมระดับ Upper-middle scale ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว โดยเน้นความสนุกสนานและความลงตัวในทุกรายละเอียดของการเข้าพัก ตอบโจทย์นักเดินทางทั้งกลุ่ม Leisure และ Business ใน 3 เรื่องหลัก คือ Sleep การมีเครื่องอำนวยความสะดวกเพื่อการนอนที่มีคุณภาพ , Connect การเชื่อมต่อเทคโนโลยีได้ง่ายและรวดเร็ว พร้อมพื้นที่สำหรับทำกิจกรรมสนุกๆ และ Explore การสนับสนุนในการออกไปค้นหาแรงบันดาลใจและความสนุกของท้องถิ่น ก่อนกลับมารีชาร์จพลังได้ที่ OZO
ปัจจุบัน OZO มีโรงแรมในหลายเมืองหลักทั้งในประเทศไทยและมาเลเซีย และจะมุ่งส่งเสริมแบรนด์ OZO ให้แข็งแกร่งอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ตอบโจทย์นักเดินทางรุ่นใหม่ ภายใต้แนวคิด “Unpack. Good. Vibes.” โดยมองว่า OZO จะช่วยขยายฐานลูกค้าให้กว้างขึ้น และสามารถแข่งขันในตลาดระดับภูมิภาค
ด้วยความหลากหลายของแบรนด์แต่ส่งเสริมกัน ทำให้ออนิกซ์ ฮอสพิทาลิตี้ กรุ๊ป สามารถตอบสนองความต้องการที่หลาก หลายของแขกผู้เข้าพัก และสร้างประสบการณ์โดดเด่นได้อย่างมีเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร สามารถทำให้เป็นแบรนด์โรงแรมที่ยืนหนึ่งด้วยประสบการณ์ที่แตกต่างและน่าจดจำ แม้ในตลาดที่มีพลวัตของการแข่งขันที่สูง ก็ยังเข้าถึงทุกความต้องการของนักเดินทางได้อย่างแท้จริง มากกว่านั้น การพัฒนาประสบการณ์การเข้าพักกับแบรนด์โรงแรมในเครือออนิกซ์ฯ ยังเดินหน้าอย่างต่อเนื่องไม่หยุดยั้ง
ล่าสุด เตรียมปรับปรุงอมารี ภูเก็ต (Amari Phuket) และ อมารี ดอนเมือง (Amari Don Muang Airport Bangkok) ครั้งใหญ่ เพื่อให้สามารถสร้างความประทับใจในการเข้าพักได้ตามมาตรฐานในระดับสากลที่ตั้งไว้ และสามารถตอบสนองความต้องการของตลาด ให้สามารถแข่งขันได้อย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน พร้อมทั้งยังลงทุนในการพัฒนาด้านเทคโนโลยี ระบบ CRM, Martech และแพลตฟอร์มจองห้องพักโดยตรง เพื่อให้เข้าใจความต้องการเชิงลึกของลูกค้าและส่งมอบประสบการณ์แบบเฉพาะบุคคล รวมถึงการจับมือกับพันธมิตรชั้นนำทั้งธนาคาร บัตรเครดิต สายการบิน ธุรกิจรีเทล และแบรนด์ไลฟ์สไตล์ เพื่อสร้างเครือข่ายการตลาดแบบ Ecosystem เพิ่มสิทธิประโยชน์ให้หลากหลายและครอบคลุมทุกรูปแบบ Lifestyle ของลูกค้า เช่น การใช้คะแนนสะสมแลกที่พัก ร้านอาหาร สปา พร้อมรับสิทธิประโยชน์จากพาร์ทเนอร์พันธมิตรที่เราคัดสรรมาโดยเฉพาะเป็นต้น นายยุทธชัยกล่าว
กางแผน ออกกองทรัสต์ ระดมทุน คืนหนี้แบงก์-ขยายโรงแรมใหม่
นายยุทธชัย ได้ขยายเหตุผลของการจัดตั้ง "กองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์" ONYX Leasehold Real Estate Investment Trust) ภายใต้ชื่อ "ONYXRT"ว่า เป้าหมายเพื่อรองรับการชำระหนี้คืนสถาบันการเงิน ทำให้เพิ่มโอกาสในการขยายวงเงินสินเชื่อมากขึ้น และนำเงินที่ระดมทุนได้มาขยายโรงแรมใหม่ ในเบื้องต้น มูลค่าการออกกองฯประมาณ 6,500 ล้านบาท และภายใน 5 ปีข้างหน้า จะเพิ่มขนาดของกองฯให้มีมูลค่าประมาณ 15,000 ล้านบาท
ดร.ณัฐกวิน เจียมโชติพัฒนกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท ออนิกซ์ ฮอสพิทาลิตี้ รีท แมเนจเมนท์ จำกัด กล่าวเสริมว่า ล่าสุด ได้ยื่นแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหน่วยทรัสต์ (แบบไฟลิ่ง) และแบบคำขออนุญาตเสนอขายหน่วย ทรัสต์ของทรัสต์เพื่อการลงทุนในสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ออนิกซ์ (ONYX Leasehold Real Estate Investment Trust) หรือ ONYXRT แก่สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (สำนักงาน ก.ล.ต.) เพื่อสร้างพอร์ตโรงแรมคุณภาพสูง ที่มีโอกาสในการเติบโตระยะยาว ปัจจุบันอยู่ระหว่างการพิจารณาของสำนักงาน ก.ล.ต.คาดว่าจะเปิดขายกองทรัสต์ได้ในไตรมาส 4 ปี 68 โดยมีบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ไทยพาณิชย์ จำกัด เป็นทรัสตี และมีบริษัท ออนิกซ์ ฮอสพิทาลิตี้ รีท แมเนจเมนท์ จำกัด เป็นผู้จัดการกองทรัสต์
โดยทรัพย์สินที่ ONYXRT จะเข้าลงทุนครั้งแรก ได้แก่ 1. อมารี กรุงเทพ ตั้งอยู่ใกล้แยกราชประสงค์ซึ่งเป็นย่านธุรกิจและท่องเที่ยวที่สำคัญของกรุงเทพฯ อีกทั้งการเปิดให้บริการรถไฟฟ้าสายสีส้มในอนาคต จะเพิ่มศักยภาพของโครงการมากยิ่งขึ้น โดยมีอัตราการเข้าพักเฉลี่ยในปีที่ผ่านมา 82%
2. อมารี พัทยา (Amari Pattaya) 3. โอโซ่ พัทยา (OZO Pattaya) ทั้งสองโครงการตั้งอยู่ใจกลางพัทยาเหนือ ติดริมโค้งอ่าวทะเลที่ มีเพียงถนนเลียบชายหาดคั่น ใกล้ร้านอาหารและศูนย์การค้า จึงได้รับความนิยมทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ โดยมีอัตราการเข้าพักเฉลี่ยในปีที่ผ่านมา 80% และ 89% ตามลำดับ
และ 4. โอโซ่ ภูเก็ต (OZO Phuket) ใกล้หาดกะตะเพียง 150 เมตร และหาดกะรนเพียง 850 เมตร และห่างจากสนามบินภูเก็ตเพียง 1 ชั่วโมง โดยมีอัตราการเข้าพักเฉลี่ยในปีที่ผ่านมา 86%
“ONYXRT มีจุดเด่นต่างจาก REIT โรงแรมอื่นๆ โดยเราคัดเลือกทรัพย์สินคุณภาพสูง ซึ่งตั้งอยู่ในทำเลที่ได้รับความนิยมของผู้เยี่ยมเยือนชาวไทยและชาวต่างชาติ จากทรัพย์สินซึ่งอยู่ภายใต้การบริหารของออนิกซ์ ฮอสพิทาลิตี้ กรุ๊ป ผู้มีประสบการณ์ในอุตสาหกรรมโรงแรมมากกว่า 50 ปี อีกทั้งการลงทุนของกองทรัสต์มีการกระจายความเสี่ยงในหลากหลายมิติ จาก 4 ทรัพย์สินที่เข้าลงทุน ใน 3 ทำเลยอดนิยม ภายใต้ 2 แบรนด์โรงแรมที่เป็นที่รู้จักและมีชื่อเสียง เพื่อให้มั่นใจว่ากองทรัสต์จะสามารถสร้างผลตอบแทนที่สม่ำเสมอในระยะยาว อีกทั้งยังมีโอกาสขยายการลงทุนในทรัพย์สินของออนิกซ์ ฮอสพิทาลิตี้ กรุ๊ป ในอนาคตอีกด้วย” ดร.ณัฐกวิน กล่าว
นายยุทธชัย กล่าวถึงเป้าหมายผลการดำเนินงานในปี 2568 ว่า ถ้าไม่มีอะไรเกิดเหตุการณ์พิเศษ เราคาดว่าปีนี้ บริษัทจะมีรายได้ประมาณ 9,000 ล้านบาท ตัวเลข EBITDA อยู่ที่ 1,900 ล้านบาท เป็นผลสำเร็จจากการเปิดโรงแรมใหม่อย่างต่อเนื่อง หนุนให้ผลการดำเนินงานในปีนี้เป็นไปตามเป้า หมายที่วางไว้
สำหรับภาพรวมเศรษฐกิจในปีนี้ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กล่าวเสริมว่า เศรษฐกิจไทยซึมมา 2 ปีแล้ว แต่เชื่อว่าปี 2569 น่าจะเริ่มกลับมา โดยเฉพาะในส่วนของนักท่องเที่ยวจีน แต่ก็ยอมรับว่า ปัจจุบัน "เราอยู่กับกลุ่มนักท่องเที่ยวจีน เทา เป็นหลัก" ซึ่งยังมีจำนวนมาก แต่ด้วยมาตรการปราบปรามของรัฐบาล ทำให้ กลุ่มจีนเทา ขยายไปยังประเทศเพื่อนบ้านมากขึ้น ขณะเดียวกันความเห็นส่วนตัว กลุ่มที่จะเข้ามาในไทย อาจจะเป็นกลุ่ม Corporate และ กลุ่ม Leisure หรือ กลุ่มที่กำลังซื้อสูง จะเข้ามามากยิ่งขึ้น
"เรามีการบริหารความเสี่ยง มีการบริหารพอร์ตของลูกค้า ไม่ได้พึ่งพาตลาดใดตลาดหนึ่งมากเกินไป ต่างกับบางราย ที่เน้นตลาดจีน ทำให้เมื่อตลาดกลุ่มนี้หายไป ย่อมกระทบหนัก".