xs
xsm
sm
md
lg

เท่ไม่แพ้พระเอก เบนซ์ W124 คู่ใจ ‘สันติ แซ่ลี’ ใน ‘สงคราม ส่งด่วน’ เสน่ห์ที่เหนือกาลเวลา

เผยแพร่:   ปรับปรุง:



ช่วงนี้หากใครกำลังอินกับซีรี่ส์ "สงคราม ส่งด่วน" หรือ "Thunder Express" คงต้องคุ้นตากับรถยนต์หรู เมอร์เซเดส-เบนซ์ อี-คลาส รหัส W124 สีเขียวคู่ใจ "สันติ แซ่ลี" ตัวละครหลักของซีรี่ส์นั่นเอง บทความนี้เราจะพาไปทำความรู้จักยนตรกรรมสุดอมตะคู่ถนนเมืองไทยรุ่นนี้กัน


ในโลกแห่งยานยนต์ มีรถยนต์ไม่กี่รุ่นที่สามารถยืนหยัดอยู่เหนือกาลเวลา และยังคงเป็นที่ต้องการของนักสะสมและผู้หลงใหลในรถคลาสสิก หนึ่งในนั้นคงหนีไม่พ้น เมอร์เซเดส-เบนซ์ อี-คลาส รหัสตัวถัง W124 ยนตรกรรมสี่ประตูสุดหรูจากค่ายดาวสามแฉก ที่เปิดตัวครั้งแรกในปี ค.ศ.1984 และได้รับการยกย่องว่าเป็นเป็นในรถยนต์ที่ดีที่สุดเท่าที่เมอร์เซเดส-เบนซ์เคยผลิตมา ด้วยดีไซน์ที่เรียบหรูเหนือกาลเวลา ความทนทานระดับตำนาน และวิศวกรรมอันเป็นเลิศ ส่งผลให้ W124 ได้รับฉายาว่า "รถถัง" จากความแข็งแกร่งและปลอดภัย


เมอร์เซเดส-เบนซ์ W124 ได้รับความนิยมอย่างสูงทั่วโลกรวมถึงประเทศไทย โดยเฉพาะหลังปี 1993 ที่ถือเป็นการปรับไมเนอร์เชนจ์ครั้งสุดท้ายก่อนเปลี่ยนเป็นโมเดล W210 บ้านเรามี 2 รุ่นย่อยที่ขายดี คือ E220 และ E280 โดยมี E200 เป็นรุ่นเริ่มต้นเน้นจับกลุ่มให้บริการเป็นลิมูซีนโรงแรมหรือแท็กซี่สนามบิน


รุ่น E220 มาพร้อมกับเครื่องยนต์เบนซินรหัส M111 แบบ 4 สูบเรียง ความจุ 2,199 ซีซี กำลังสูงสุด 150 แรงม้า ที่ 5,500 รอบต่อนาที และแรงบิดสูงสุด 210 นิวตันเมตร ที่ 4,000 รอบต่อนาที ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 4 สปีด ขึ้นชื่อเรื่องความทนทาน บำรุงรักษาง่าย และมีอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันที่ค่อนข้างดี จึงถือเป็นรุ่นที่ได้รับความนิยมมากที่สุด


ส่วน E280 ติดตั้งเครื่องยนต์เบนซินรหัส M104 แบบ 6 สูบเรียง ความจุ 2,799 ซีซี กำลังสูงสุด 193 แรงม้า ที่ 5,500 รอบต่อนาที และแรงบิดสูงสุด 270 นิวตันเมตร ที่ 3,750 รอบต่อนาที จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 4 สปีดเช่นกัน เน้นจับกลุ่มลูกค้าที่ต้องการพละกำลังมากกว่ารุ่น E220 และไม่แคร์เรื่องค่าน้ำมันมากมายนัก


ขณะที่ปลายโมเดลประมาณปี 1995-1996 จะถูกเสริมด้วยรุ่น Masterpiece ซึ่งเป็นรุ่นเดียวกับที่ปรากฏในภาพยนตร์ "สงคราม ส่งด่วน" ถูกสร้างมาเพื่อเป็นรุ่นส่งท้ายความยิ่งใหญ่ของ W124 โดยมีการเพิ่มออปชันและรายละเอียดพิเศษเข้ามาเพื่อยกระดับความหรูหราและสมบูรณ์แบบมากยิ่งขึ้น


ออปชันพิเศษจากโรงงานที่มีเพิ่มเติมในรุ่น Masterpiece ยกตัวอย่างเช่น พวงมาลัยและหัวเกียร์ตกแต่งด้วยลายไม้ กล่องเก็บของแบบมีฝาปิดตกแต่งลายไม้บริเวณคอนโซลกลาง สัญลักษณ์ Masterpiece บริเวณหัวเกียร์และฝากระโปรงท้าย รวมถึงล้ออัลลอยขนาด 15 นิ้ว แบบ 6 ก้าน ที่พบเห็นได้ไม่บ่อยนักบนท้องถนนทั่วไป


ปัจจุบัน เมอร์เซเดส-เบนซ์ W124 ยังคงเป็นที่นิยมในตลาดรถยนต์มือสอง และดูเหมือนว่าราคาซื้อขายอยู่ในจุดที่กำลังจะเพิ่มสูงขึ้น โดยเฉพาะรถที่อยู่ในสภาพสมบูรณ์ เจ้าของเดิมดูแลรักษาดี ไม่ถูกตกแต่งจนเลอะเทอะเกินงาม ยิ่งถ้าเป็นรุ่น Masterpiece แล้วล่ะก็ ราคาอาจสวิงในช่วง 2 - 3 แสนบาทเลยก็มี ซึ่งไม่ใช่เรื่องง่ายนักที่รถยนต์ระดับ Mass production จะสามารถคงราคาขายต่อได้ดีขนาดนี้ โดยเฉพาะเมื่ออายุอานามล่วงเลยมากว่า 3 ทศวรรษแล้ว












กำลังโหลดความคิดเห็น