ตลาดหุ้นปิดฉากช่วง 5 เดือนแรกปี 2568 ไปแล้ว ภายใต้ภาพการลงทุนโดยรวมที่ไม่สดใส ดัชนี ฯ เมื่อวันที่ 30 พฤษภาคมที่มายืนที่ระดับ 1149.18 จุด ลดลง 251.03 จุด หรือลดลง 17.92% เมื่อเทียบจุดปิดสิ้นปี 2567 ที่ 1400.21 จุด
นักลงทุนต่างชาติยังเทขายหุ้นต่อเนื่องเป็นปีที่ 3 โดยยอดขายสะสมจากต้นปีมีจำนวน 70,738 ล้านบาท และเป็นสาเหตุสำคัญที่กดดันให้หุ้นทรุดตัวลงตลอด 5 เดือนแรก
ตลาดหุ้นไทยเจอมรสุมกระหน่ำซ้ำเติมไม่หยุด ภาวะเศรษฐกิจที่ฟุบหนัก กำลังซื้อภายในประเทศที่ตกต่ำ ผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนที่ชะลอตัว ทำให้นักลงทุนต่างชาติ ขาดแรงจูงบใจในการขนเงินนกลับเข้ามาลงทุนการเมือง
และยังถูกผลกระทบจากการประกาศขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากประเทศไทยเพิ่มขึ้นอีก 36% ของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งสร้างความปั่นป่วนทางการค้าและเศรษฐกิจทั่วโลก
ขณะที่สถานการณ์การเมืองภายในประเทศระอุขึ้นมา ทั้งความขัดแย้งภายในพรรคร่วมรัฐบาลนางสาวแพทองธาร ชินวัตร และยังมีคดีสำคัญ ๆ ที่กำลังสั่นคลอนเสถียรภาพรัฐบาล หรือจุดชนวนสู่ความวุ่นวายทางการเมือง
มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ หรือมาตรการเรียกความเชื่อมั่นนักลงทุน ยังไม่มีมาตรการใดที่มีประสิทธิภาพ ไม่มีมาตรการใดที่เห็นผล เศรษฐกิจที่แนวโน้มที่จะฟุบหนักลงอีก โดยเฉพาะครึ่งปีหลัง เมื่อภาษีการค้าของสหรัฐมีผลบังคับใช้
การส่งออกจะทรุดลง ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจ ธนาคารไทยพาณิชย์ประเมินว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศหรือ GDP ครึ่งปีหลังมีแนวโน้มโตต่ำกว่า 1%
การท่องเที่ยวที่เคยเป็นเครื่องยนต์หลักในการประคับประคองเศรษฐกิจ กำลังเป็นเครื่องยนต์สุดท้ายที่ดับลง โดยจำนวนนักท่องเที่ยวในปีนี้ อาจเติบโตต่ำกว่าความคาดหมาย โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจากจีนที่เบนเข็มจากประเทศไทยไปเที่ยวประเทศอื่น ทำให้ร้านอาหารที่พึ่งพิงลูกค้าชาวจีน ยอดขายตกฮวบ และทยอยปิดกิจการนับหมื่นนับแสนร้าน
นักลงทุนต่างประเทศยังไม่กลับมาแน่ เพราะตลาดหุ้นไทยขาดเสน่ห์อย่างแรง และล่าสุด MSCI ซึ่งเป็นดัชนีอ้างอิงหุ้นชั้นนำของโลก จัดทำโดยบริษัท Morgan Stanley Capital International ได้ลดน้ำหนักการลงทุนตลาดหุ่นไทยจาก 1.28% เหลือ 1.2% ซึ่งคาดว่า จะมีเงินทุนต่างชาติไหลออกประมาณ 1.3 หมื่นล้านบาท
สอดคล้องกับแรงขายขอบนักลงทุนต่างขาติที่เทขายหุ้นสุทธิเมื่อวันที่ 30 พฤษภาคมที่ผ่านมาจำนวน 11,093 ล้านบาท
เสียงจากคำทำนายของบรรดานักวิเคราะห์ เกี่ยวแนวโน้มดัชนี ฯ สิ้นปีนี้จะปิดลงที่เท่าไหร่เงียบหายปักใหญ่แล้ว เป้าหมายดัชนี ฯ ปลายปีที่เคยมองกันว่า อาจพุ่งทะลุ 1600 จุด ไม่มีใครพูดถึงแล้ว เป้าหมาย 1500 จุดก็แทบไม่ได้ยิน แม้แต่เป้าหมายระดับ 1300 จุดนักวิเคราะห์ก็พูดถึงอย่างไม่หนักแน่นเหมือนก่อนหน้า
5 เดือนแรกปีนี้ นักลงทุนสะบักสะบอมกันถ้วนหน้า แต่ 7 เดือนหลังต่อจากนี้ ยังต้องเผชิญวิบากกรรมกันต่อไป เพราะบรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้นคงไม่กระเตื้องขึ้น แต่มีแนวโน้มที่จะเกิดความผันผวนรุนแรง จากผลกระทบการขึ้นภาษีทรัมป์ และปัจจัยลบกดดันเดิมจากภายในประเทศ ทั้งเศรษฐกิจฟุบ สถานการณ์การเมืองวุ่นวายระส่ำระสาย
จนนักลงทุนทั้งในและต่างประเทศ ไม่หลงเหลือความเชื่อมั่นใด ๆ กับตลาดหุ้นไทย
ดัชนี ฯ สร้างจุดต่ำสุดในช่วง 5 เดือนแรกที่ระดับ 1060 จุด โจทย์ใหญ่ในครึ่ง 7 เดือนหลังต่อจากนี้คือ ดัชนี ฯ จะทุบสถิติ ลงไปลึกจนสร้างจุดต่ำสุดใหม่ในปี 2568 หรือไม่
เสียงเตือนจากนักวิเคราะห์หุ้นหลายคนที่ดังประสานกันขึ้นมาคือ คำแนะนำให้กำเงินสดไว้ในมือ และเดินถอยห่างจากตลาดหุ้นชั่วคราว
จนกว่าจะเห็นสัญญาณการฟื้นตัวของตลาดหุ้นไทย ซึ่งไม่อาจคาดหมายว่า จะเกิดขึ้นอีกเมื่อไหร่