บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด ประกาศความพร้อมในการเริ่มสายการผลิตรถยนต์ไฟฟ้า100%รุ่นมิตซูบิชิ มินิแค็บ มีฟ (Mitsubishi Minicab MiEV) ที่โรงงานแหลมฉบัง จังหวัดชลบุรี โดยมุ่งเน้นทำตลาดในกลุ่มลูกค้าธุรกิจ (B2B) เช่น บริษัทโลจิสติกส์ หน่วยงานภาครัฐ และเอกชน โดยรถรุ่นนี้จะไม่จำหน่ายให้บุคคลทั่วไป
นายสาโรจน์ มะอาจเลิศ กรรมการรองผู้จัดการใหญ่ สายงานขายและบริการหลังการขาย บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า การผลิตรถยนต์ไฟฟ้า Minicab MiEVเป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์เพื่อตอบสนองความต้องการยานยนต์ไฟฟ้าในภาคการพาณิชย์ ซึ่งมีความต้องการรถขนาดเล็กที่คล่องตัวและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะในงานขนส่งและกระจายสินค้าในเมือง
สำหรับมิตซูบิชิ มินิแค็บ มีฟ เป็นรถยนต์ไฟฟ้าขนาดเล็กที่ออกแบบมาเพื่อการใช้งานเชิงพาณิชย์ ด้วยจุดเด่นดังนี้
-ความคล่องตัว:ตัวรถมีขนาดกะทัดรัด เหมาะสำหรับการขับขี่ในเมือง บานประตูสไลด์ทั้งสองด้านช่วยให้การขนถ่ายสินค้าสะดวก
-ความสามารถในการบรรทุก:รองรับน้ำหนักสินค้าได้สูงสุด 350กิโลกรัม
-สมรรถนะ:ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าขนาด 41แรงม้า แรงบิด196นิวตัน-เมตร ระบบขับเคลื่อนล้อหลัง พร้อมแบตเตอรี่ลิเทียมไอออนความจุ16กิโลวัตต์ชั่วโมง วิ่งได้ไกลถึง150กิโลเมตรต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง
ที่สำคัญก่อนหน้านี้ มิตซูบิชิได้นำรถ Minicab MiEV เข้ามาทดลองใช้งานกับไปรษณีย์ไทย เพื่อทดสอบประสิทธิภาพในการขนส่งพัสดุ ซึ่งผลตอบรับเป็นที่น่าพอใจ โดยเฉพาะความคล่องตัวในการใช้งานในพื้นที่เมืองที่มีการจราจรหนาแน่น
นายสาโรจน์ ระบุว่า ภายในปี 2568 บริษัทมีแผนจำหน่ายรถ Minicab MiEV ให้กับบริษัทโลจิสติกส์และหน่วยงานที่ต้องการยานยนต์ไฟฟ้าสำหรับการขนส่ง โดยยังไม่เปิดเผยจำนวนการจำหน่ายที่แน่นอน แต่ยืนยันว่าการผลิตจะเริ่มขึ้นภายในปีนี้ที่โรงงานแหลมฉบัง ซึ่งได้รับการส่งเสริมการลงทุนจากสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI)ร่วมกับการผลิตรถยนต์ไฮบริดรุ่นเอ็กซ์แพนเดอร์ ไฮบริด (Xpander HEV) และเอ็กซ์ฟอร์ส ไฮบริด (Xforce HEV) ที่เปิดตัวไปก่อนหน้า
อย่างไรก็ตามการผลิตรถยนต์ไฟฟ้า Minicab MiEV เป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์ของมิตซูบิชิในการก้าวสู่ยานยนต์ไฟฟ้าและพลังงานสะอาดในประเทศไทย โดยโรงงานแหลมฉบังจะเป็นฐานการผลิตหลักสำหรับรถยนต์ไฟฟ้าและไฮบริดในอนาคต ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลที่สนับสนุนการใช้ยานยนต์ไฟฟ้าเพื่อลดมลพิษและการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์
ทั้งนี้ มิตซูบิชิยังคงมุ่งมั่นพัฒนานวัตกรรมยานยนต์และบริการหลังการขาย เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าในทุกเซกเมนต์ โดยเฉพาะในกลุ่มธุรกิจที่ต้องการโซลูชันการขนส่งที่ยั่งยืนและมีประสิทธิภาพ