xs
xsm
sm
md
lg

“วีริศ”โชว์แผนพัฒนาพื้นที่บางซื่อ 1,184 ไร่ เวที“Asia Pacific Rail 2025” ดันศูนย์กลางโลจิสติกส์แห่งอาเซียน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:



“วีริศ”ร่วมเสวนาเวทีผู้นำองค์กรระบบรางของภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก “Asia Pacific Rail 2025” โชว์แผนพัฒนาพื้นที่บางซื่อ กว่า 1,184 ไร่ สู่ “Bang Sue TOD Project ศูนย์กลางโลจิสติกส์แห่งอาเซียน เพื่อเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันของประเทศ

เมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม 2568 ที่ผ่านมา นายวีริศ อัมระปาล ผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) เข้าร่วมงาน “Asia Pacific Rail 2025” งานแสดงสินค้าและประชุมวิชาการระดับภูมิภาคด้านระบบราง ณ ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค โดยได้รับเกียรติร่วมเสวนาใน 2 หัวข้อหลัก ได้แก่ “Keynote Rail Leader Interview” และ “Keynote Panel: Transit-Oriented Development (TOD) – Driving the Long-Term Success of Rail Public-Private Partnerships in APEC” ร่วมกับผู้นำองค์กรระบบรางจากประเทศต่างๆ ทั่วภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก

นายวีริศ กล่าวว่า บทบาทของประเทศไทยในฐานะ “ประตูสู่เอเชียตะวันออกเฉียงใต้” มีศักยภาพสูงในการเป็นศูนย์กลางการคมนาคมทางรางของภูมิภาค โดยเชื่อมโยงการเดินทางและโลจิสติกส์ไปยังประเทศเพื่อนบ้าน อาทิ พม่า ลาว กัมพูชา เวียดนาม มาเลเซีย สิงคโปร์ และบรูไน ซึ่งสอดคล้องกับแผนยุทธศาสตร์ของการรถไฟฯ ที่มุ่งพัฒนาระบบขนส่งและโลจิสติกส์ เพื่อเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันของประเทศอย่างยั่งยืน


ทั้งนี้ รฟท.ได้มีการเร่งเดินหน้าผลักดันแผนพัฒนาพื้นที่บางซื่อ บนพื้นที่รวมกว่า 1,184 ไร่ สู่ “Bang Sue TOD Project” ศูนย์กลางเศรษฐกิจ การค้า และวัฒนธรรมที่ทันสมัยที่สุดแห่งหนึ่งในเอเชียด้วยว่า มีเป้าหมายเพื่อเพิ่มมูลค่าทรัพย์สินของรัฐ และสร้างแหล่งเศรษฐกิจใหม่รองรับการเติบโตของกรุงเทพมหานคร ด้วยมูลค่าการลงทุนรวมกว่า 169,000 ล้านบาท โดยแบ่งพื้นที่พัฒนาออกเป็น 9 โซนสำคัญ ครอบคลุมหลากหลายฟังก์ชัน ทั้งศูนย์ธุรกิจอัจฉริยะ สมาร์ทซิตี้ วัฒนธรรมดั้งเดิมและนานาชาติ และอาคารที่อยู่อาศัยให้กับประชาชน ดังนี้

• Zone A: Smart Business Complex – อาคารสำนักงาน โรงแรม และสถานีขนส่งผู้โดยสาร
• Zone B: Bang Sue Business Hub – ศูนย์รวมธุรกิจใจกลางบางซื่อ
• Zone C: MICE Super Arena – ศูนย์จัดงานขนาดใหญ่ พร้อมคอมมูนิตี้มอลล์ โรงแรม และอพาร์ตเมนต์
• Zone D: Traditional Culture – พื้นที่ส่งเสริมวัฒนธรรมดั้งเดิม และกิจการเชิงพาณิชย์
• Zone E: Smart City Complex – อาคารสำนักงาน ที่พักอาศัย โรงแรม และสวนสาธารณะ
• Zone F: Future District – อาคารสำนักงาน และคอมมูนิตี้มอลล์ทันสมัย
• Zone G: Global Business – ที่พักอาศัย อาคารสำนักงานเกรด A โรงแรม 5 ดาว
• Zone H: International Culture – ไลฟ์สไตล์คอมมูนิตี้ในบรรยากาศวัฒนธรรมนานาชาติ
• Zone I: Smart Complex & Residence – พื้นที่พักอาศัย สมาร์ทออฟฟิศ และศูนย์การค้า

“การรถไฟฯ และบริษัทลูกคือ เอสอาร์ที แอสเสท จำกัด อยู่ระหว่างเตรียมความพร้อมร่วมมือกับพันธมิตรทั้งในและต่างประเทศ เพื่อขับเคลื่อนโครงการฯ ดังกล่าวให้เกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรม เพื่อรองรับบทบาทของไทยในฐานะศูนย์กลางโลจิสติกส์แห่งอาเซียนในอนาคต” นายวีริศ กล่าว


ขณะที่ในโซนนิทรรศการ การรถไฟฯ ยังจัดบูธนิทรรศการ นำเสนอเทคโนโลยีด้านระบบอาณัติสัญญาณ อาทิ เทคโนโลยีการบริหารจัดการโครงข่ายใยแก้วนำแสงที่ปลอดภัยและเสถียรที่สุด ได้แก่ Dense Wavelength Division Multiplexing : DWDM ซึ่งเป็นระบบที่ใช้เพิ่มความสามารถในการส่งข้อมูลบนสายไฟเบอร์ออพติก และเทคโนโลยีโครงข่ายสวิตช์สำหรับระบบโทรคมนาคม Backbone (Multi-Protocol Label Switching : MPLS) รวมถึงระบบควบคุมอาณัติสัญญาณจากศูนย์กลาง (CTC) ระบบสัมพันธ์อาณัติสัญญาณควบคุมด้วยคอมพิวเตอร์ (CBI) และระบบป้องกันเหตุอันตรายของขบวนรถตามมาตรฐานยุโรป (ETCS) ซึ่งถือเป็นการถ่ายทอดองค์ความรู้และมาตรฐานของไทยสู่เวทีสากล แสดงถึงศักยภาพของการรถไฟฯ ในการพัฒนาระบบรางให้ทันสมัย ปลอดภัย และเชื่อมโยงอย่างไร้รอยต่อ ยกระดับภาพลักษณ์ของประเทศไทยให้เป็นที่ยอมรับในวงการอุตสาหกรรมระบบรางระดับโลก

นอกจากนี้ การรถไฟฯ ยังจัดบูธแสดงนิทรรศการของโรงเรียนวิศวกรรมรถไฟ เพื่อนำเสนอชุดการเรียนรู้การเดินทางของรถไฟจำลอง และสื่อ Multimedia ผ่านจอแสดงผล รวมถึงประชาสัมพันธ์หลักสูตรโรงเรียนวิศวกรรมรถไฟและสถาบันฝึกอบรมระบบรางด้วย


สำหรับงาน Asia Pacific Rail 2025 ครั้งนี้ ถือเป็นเวทีสำคัญที่รวมหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมระบบรางจากนานาประเทศ เพื่อแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ นวัตกรรม และเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้อง ครอบคลุมตั้งแต่โครงสร้างพื้นฐานด้านระบบราง ระบบอาณัติสัญญาณและการสื่อสาร การเดินรถและซ่อมบำรุง ตลอดจนเทคโนโลยีสมัยใหม่ของระบบรางในยุคดิจิทัล


กำลังโหลดความคิดเห็น