xs
xsm
sm
md
lg

OKJ ร่อแร่...ทำใจต่ำจอง / สุนันท์ ศรีจันทรา

เผยแพร่:   ปรับปรุง:



ตั้งแต่ประเดิมซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์วันแรก หุ้นบริษัท ปลูกผักเพราะรักแม่ จำกัด (มหาชน) หรือ OKJ ร้อนแรงอย่างต่อเนื่อง แต่วันนี้อยู่ในช่วงขาลงเต็มตัว จนต่ำกว่าราคาจองหรือราคาหุ้นที่เสนอขายประชาชนครั้งแรก สิ้นมนต์ขลังของการเป็นหุ้นร้านอาหารดาวรุ่งเสียแล้ว

OKJ เข้าซื้อขายวันที่ 4 ตุลาคม 2567 หลังจากนำหุ้นเสนอขายปรนเป็นครั้งแรกในราคาหุ้นละ 6.70 บาท โดยปิดการที่ 12.40 บาท สูงกว่าราคาเสนอขาย 5.70 บาท หรือสูงกว่าจอง 85% และทะยานขึ้นต่อเนื่อง จนสร้างราคาสูงสุดนับจากเข้าตลาดหุ้นที่ 17 บาท ระหว่างชั่วโมงซื้อขายวันที่ 8 มกราคม 2568 ก่อนจะอ่อนตัวลง

และลงมาต่ำสุดที่ 6.25 บาท เมื่อวันที่ 22 พฤษภาคมที่ผ่านมา ล่าสุดปิดวันที่ 23 พฤษภาคมปิดที่ 6.65 บาท ต่ำกว่าราคาจอง 0.05 สตางค์

OKJ เป็นหุ้นร้านอาหารโดดเด่นที่สุดในกลุ่ม มีมูลค่าซื้อขายคึกคักนับจากเข้าตลาดหลักทรัพย์ โดยนักลงทุนคาดหมายแนวโน้มผลประกอบการจะเติบโตต่อเนื่อง เช่นเดียวกับอดีต จึงแห่เข้ามาเก็งกำไร แม้จะมีเสียงเตือนจากนักวิเคราะห์หลายคนที่ประเมินว่า ราคาหุ้นเริ่มสูงเกินปัจจัยพื้นฐาน แต่นักลงทุนก็ยังลุยเก็งกำไรกันต่อ

ภายในเวลาประมาณ 5 เดือน นับจากเข้จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ จำนวนผู้ถือหุ้นรายย่อย OKJ เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว จากจำนวน 2,704 ราย เมื่อปิดสมุดทะเบียนผู้ถือหุ้นวันที่ 27 กันยายน 2567 เพิ่มเป็น 10,543 ราย เมื่อปิดสมุดทะเบียนวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2568

ผลประกอบการไตรมาสแรกปี 2568 หุ้น OKJ ยังดีอยู่ โดยมียอดรายได้รวม 708.05 ล้านบาท มีกำไรสุทธิ 63.82 ล้านบาท มีค่า พี/อี เรโช ประมาณ 18 เท่า อัตราเงินปันผลตอบแทน 2.41%

ราคาหุ้น OKJ ที่ปรับตัวลงมายืนระดับราคาจอง เมื่อเทียบกับปัจจัยพื้นฐาน ไม่ถือว่าสูงเกินไปนัก เพียงแต่นักลงทุนวิตกกังวลในผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจที่ตกต่ำ กำลังซื้อผู้บริโภคที่อ่อนแอ ทำให้ยอดขายร้านอาหารตกลงประมาณ 50%

ธุรกิจร้านอาหารทั้งประเทศกำลังทรุดหนัก ไม่ว่าร้านอาหารระดับล่า หรือร้านอาหารระดับหรู จนต้องควบคุมค่าใช้จ่าย ทยอยปิดสาขา ลดจำนวนพนักงาน หรือต้องปิดกิจการ

แม้แต่ร้านอาหารย่านถนนบรรทัดทอง ซึ่งเป็นศูนย์รวมร้านอาหารชื่อดัง ต้องเข้าคิวเข้ารับประทาน ยังเงียบเหงา เพราะผลกระทบเศรษฐกิจ กำลังซื้อผู้บริโภคตก และจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติลดลง

OKJ แม้เป็นร้านอาหารชื่อดัง อยู่ในกระแสอาหารเพื่อสุขภาพ แต่คงหนีไม่พ้นผลกระทบกำลังซื้อที่หดตัว โดยผลประกอบการมีแนวโน้มชะลอตัวลง เพียงแต่ไม่อาจประเมินได้ว่า จะชะลอตัวรุนแรงขนาดไหนเท่านั้น ซึ่งต้องเฝ้าจับตารอดูในไตรมาสที่ 2 ปีนี้ โดยเฉพาะช่วงครึ่งปีหลัง ทึ่คาดว่า เศรษฐกิจจะซบเซาอย่างหนัก

ราคาหุ้น OKJ ปรับตัวลงมาแล้วประมาณ 60% เมื่อเทียบกับจุดสูงสุดที่ 17 บาท ราคาถือว่าได้ซึมซับรับข่าวร้ายไประดับหนึ่งแล้ว แต่ไม่ได้หมายว่าว่า จุดต่ำสุดที่ระดับ 6.25 บาทผ่านพ้นไปแล้ว จึงยังไม่ควรผลีผลามเข้าไปช้อนซื้อ

เพราะวิกฤตธุรกิจร้านอาหารรอบนี้ รุนแรงจริง ๆ จนร้านอาหารชื่อดัง ประกาศปิดสาขาจำนวนมาก และแม้ OKJ จะผ่านมาหลายวิกฤต และยังเติบโตได้ต่อเนื่อง

แต่วิกฤตครั้งนี้ OKJ คงหนีผลกระทบไม่ได้ เพียงแต่จะถูกกระทบมากหรือน้อยเท่านั้น ราคาหุ้นที่ถอยร่นมาแถวราคาจอง จึงวางใจในความปลอดภัยไม่ได้

เพราะราคาหุ้นมีโอกาสถอยลงมาให้ได้ซื้อในต้นทุนที่ต่ำลงมาอีก