ท่ามกลางกระแสเงินไหลเข้า ETF ที่แรงไม่หยุด นักวิเคราะห์ฟันธงราคาบิทคอยน์พุ่งทุบสถิติใหม่เกิน 130,000 ดอลลาร์ และนี้แค่จุดเริ่มต้นของคลื่นลูกใหญ่ ขณะที่กระแสเงินทุนไหลเข้าอย่างบ้าคลั่ง จุดกระแสเทรนด์ขาขึ้นร้อนแรง ชี้เป้าใหม่แตะ 150,000 ดอลลาร์ในปลายปี วาฬสะสมหนัก เทคนิคลั่นสัญญาณ “ขาขึ้นยังไม่หยุด”
ตลาดคริปโตกลับมาร้อนแรงอีกครั้ง เมื่อราคาบิทคอยน์พุ่งทะยานหลังจากทำสถิติสูงสุดใหม่ที่ 109,487.23 ดอลลาร์แบบเงียบ ๆ ไปเมื่อวันพุธที่ผ่านมา ทำให้นักลงทุนทั่วโลกต่างจับตาว่า การไหลเข้าของเม็ดเงินจากกองทุน ETF ที่สูงถึง 3.6 พันล้านดอลลาร์ในเดือนพฤษภาคมเพียงเดือนเดียว จะสามารถผลักให้ราคาพุ่งต่อไปถึง 120,000 ดอลลาร์ และจะทะลุระดับ 130,000 ดอลลาร์อย่างดุดันหรือแม้แต่แตะเพดานใหม่ที่ 150,000 ดอลลาร์ได้หรือไม่
นักวิเคราะห์สายคริปโตเริ่มกลับมามองโลกในแง่ดีอีกครั้ง โดยเชื่อว่าการพุ่งแตะ 130,000 ดอลลาร์ไม่ใช่จุดสิ้นสุด แต่เป็นเพียง “จุดเริ่มต้นของฤดูกาลแห่งการทำลายสถิติ” เท่านั้น ความมั่นใจยิ่งทวีคูณเมื่อเห็นการสะสมเหรียญอย่างหนักของเหล่าวาฬขนาดใหญ่ บวกกับสัญญาณจากกราฟแท่งทองคำที่ยังคงเป็นขาขึ้นต่อเนื่อง
ขณะเดียวกันหากเทียบกันแบบตัวต่อตัว เมื่อย้อนดูการเปิดตัว ETF ทองคำครั้งแรกในปี 2547 ราคาทองคำพุ่งขึ้นถึง 250% ภายในไม่กี่ปี ทำให้นักวิเคราะห์บางคนเริ่มเชื่อว่าบิทคอยน์ อาจเดินตามรอยแบบเดียวกัน โดยเฉพาะในช่วงที่เข้าใกล้ “วัฏจักร Halving” ที่เคยเป็นตัวเร่งราคาในอดีต
ขณะที่ข้อมูลจาก SoSoValue เผยว่าเฉพาะวันที่ 20 พฤษภาคมเพียงวันเดียว มีเงินไหลเข้าสุทธิกองทุน ETF Bitcoin สูงถึง 329.02 ล้านดอลลาร์ ดันยอดรวมสัปดาห์แตะเกือบ 1 พันล้านดอลลาร์ ขณะที่ยอดรวมตลอดเดือนพฤษภาคมก็พุ่งแซงหน้าเดือนเมษายนแบบขาดลอย
อย่างไรก็ตาม นี่คือการพลิกฟื้นความมั่นใจครั้งใหญ่ หลังจากที่บิทคอยน์เคยร่วงลงไปแตะจุดต่ำสุดของปีที่ 74,393 ดอลลาร์เมื่อเดือนเมษายน พร้อมกับเงินไหลออกจาก ETF หนักถึง 4.6 พันล้านดอลลาร์ในช่วงกุมภาพันธ์ถึงมีนาคม
ขณะที่ภาพภาวะเศรษฐกิจมหภาคที่ดูจะสงบลง โดยเฉพาะท่าทีผ่อนคลายระหว่างสหรัฐฯ กับจีน ก็มีส่วนช่วยหนุนกระแสบวกให้ตลาดกลับมาอีกระลอก
โดยก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 8 พฤษภาคมที่ผ่านมา Bitcoin ETF ทะยานสู่ยอดเงินไหลเข้าสูงสุดเป็นประวัติการณ์ พุ่งทะลุ 41 พันล้านดอลลาร์นับตั้งแต่เปิดตัวเมื่อต้นปี 2567 นำโดยยักษ์ใหญ่อย่าง iShares Bitcoin Trust (IBIT) ของ BlackRock ที่ดูดเม็ดเงินเข้าไปแล้วกว่า 6.96 พันล้านดอลลาร์ แซงหน้า ETF ทองคำเบอร์หนึ่งของโลกอย่าง SPDR Gold Trust (GLD) ที่ทำได้ 6.5 พันล้านดอลลาร์
ขณะที่ฝั่งนักวิเคราะห์ด้านเทคนิคก็ไม่ยอมน้อยหน้าเปิดเผยสัญญาณจากกราฟและเครื่องมือต่าง ๆ ส่งเสียงประสานชัดเจนว่า “ตลาดยังคงขาขึ้น” โดยเฉพาะการตัดกันของเส้นค่าเฉลี่ย 20 และ 50 วันที่พุ่งผ่าน 100 และ 200 วัน กลายเป็น “Golden Cross” ตัวบ่งชี้ระดับตำนานที่มักมาพร้อมกับการพุ่งขึ้นในระยะยาว
นอกจากนี้นักวิเคราะห์ชื่อดังอย่าง AlphaBTC ออกมาชี้เป้าว่าบิทคอยน์กำลังเข้าสู่ช่วงทดสอบจุดสูงสุดใหม่อีกครั้ง พร้อมเผยกราฟที่แสดงให้เห็นการเคลื่อนไหวในกรอบขาขึ้นนับตั้งแต่วันที่ 9 เมษายนที่ผ่านมา ข้อมูลจาก CoinGlass ยังเผยให้เห็นถึงแรงซื้อหนาแน่นที่ระดับราว 106,000 ดอลลาร์ ซึ่งกลายเป็นแนวรับสำคัญที่ “วาฬ” ลงมาเก็บของกันแบบไม่อั้น
ในภาพรวม ขณะนี้ BTC กำลังทดสอบแนวต้านทางจิตวิทยาที่ระดับ 110,000 ดอลลาร์ หากสามารถเบรกผ่านไปได้พร้อมกับวอลุ่มที่แน่นหนา ก็มีโอกาสทะยานไปสู่ระดับเป้าหมายถัดไปที่ 120,000 ดอลลาร์ในระยะสั้น ส่วนแนวรับที่สำคัญยังคงอยู่ที่บริเวณ 102,000 ดอลลาร์ หรือเส้น SMA 20 วันที่ราว 101,000 ดอลลาร์
ทั้งนี้แม้จะมีความเสี่ยงของการพักฐานระยะสั้น แต่สัญญาณทุกอย่างชี้ชัดว่าบิทคอยนพร้อมเดินหน้าทุบสถิติต่อไป และคำถามตอนนี้ไม่ใช่ว่า “จะถึง 130,000 ดอลลาร์หรือไม่” แต่คือ “จะไปได้ไกลแค่ไหน?”
