ประเทศไทยได้รับการต่อชะตากรรม เช่นเดียวกับหลายประเทศทั่วโลก ที่ประธานาธิบดีทรัมป์ ประกาศเลื่อนการบังคับใช้ภาษีตอบโต้สินค้านำเข้าสหรัฐออกไปอีก 3 เดือน เพื่อการเจรจาต่อรอง ซึ่งไม่อาจคาดเดาได้ว่า รัฐบาลนางสาวแพทองธาร ชินวัตร จะสามารถต่อรองขอลดอัตราภาษีสินค้าจากไทยที่เรียกเก็บเพิ่มอีก 36% ได้เพียงใด
ตลาดหุ้นที่กำลังดิ่งลงเหว ดัชนี ฯ ทรุดหวิดหลุดระดับ 1050 จุด ฟื้นตัวขึ้นอย่างฉับไว ทะยานผ่าน 1100 จุด และเกือบจะทะลุ 1150 จุด แต่ถูกเทขายทำกำไรจนอ่อนตัวลงมาตั้งหลักใหม่ โดยเมื่อวันศุกร์ที่ 11 เมษายนที่ผ่านมา ปิดที่ระดับ 1128.66 จุด
แม้จะผ่านแนวต้านระดับ 1150 จุดไม่ได้ แต่การที่ขึ้นมายืนเหนือ 1100 จุด ช่วยให้นักลงทุนมีอารมณ์ความรู้ที่ดีขึ้น มีความหวังกลับมาอีกครั้ง โดยเฉพาะหลังสงกรานต์ จะมีปัจจัยในเชิงบวกเข้ามาหลายด้าน
นักวิเคราะห์หลักทรัพย์โบรกเกอร์ทุกสำนักเตือนว่า แม้ตลาดหุ้นไทยได้ผ่อนลมหายใจยาว ๆ ต่อไปอีก 3 เดือน แต่ตราบใดที่ยังไม่มีข้อสรุปในการเจรจาต่อรอง ขอลดภาษีสินค้านำเข้าจากประเทศไทย ทิศทางการลงทุนก็ยังมีความไม่แน่นอน และอาจกลับมาสู่ความผันผวนอีกครั้ง
แต่สิ่งที่มีความเห็นในทิศทางเดียวกันคือ ดัชนี ฯ 1100 จุด น่าจะเป็น ”กันชน” ที่ดี ในระหว่างการเจรจาต่อรองเรื่องภาษีกับสหรัฐจะรู้ผล อย่างไรก็ตาม เพดานการปรับตัวขึ้นของดัชนี ฯ ในระยะสั้นยังมีขีดจำกัด เพราะถูกกดทับด้วยความวิตกในผลกระทบจากกำแพงภาษีทรัมป์
นักลงทุนไม่ได้คาดหวังกับทิศทางหุ้นมากมายอะไรนัก แต่อยากเห็นหุ้นดีดขึ้นไประดับ 1200 จุดอีกครั้ง และหลังสงกรานต์ก็มีหลายปัจจัยที่ได้ลุ้นว่า จะช่วยกระตุ้นบรรยากาศการซื้อขายหุ้นให้คึกคักขึ้น
กลุ่มธนาคารพาณิชย์ จะเริ่มทยอยประกาศผลประกอบการไตรมาสแรกปี 2568 ซึ่งหากผลประกอบการไม่เลวร้าย ไม่ทรุดหนัก หรือประคับประคองตัวใกล้เคียงกับระยะเดียวกันปีก่อน จะถือเป็นปัจจัยในเชิงบวก เพราะราคาหุ้นกลุ่มธนาคารปรับตัวลงมาก่อนหน้าแล้ว
และคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) จะประชุมกันวันที่ 30 เมษายนนี้ ซึ่งเดิมคาดว่า กนง.จะคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ 2% แต่เมื่อทรัมป์ประกาศขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากไทยอีก 36% ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อการส่งออกอย่างรุนแรง และซ้ำเติมภาวะเศรษฐกิจที่ทรุดหนักอยู่แล้ว จึงคาดว่า กนง.จะลดอัตราดอกเบี้ยอีกอย่างน้อย 1 ครั้งในปีนี้ และเริ่มต้นในการประชุมครั้งต่อไปวันที่ 30 เมษายนนี้
นอกจากนั้น กองทุนรวมไทยเพื่อความยั่งยืน หรือ TESGX จะเปิดให้นักลงทุน เข้าซื้อหน่วยลงทุนกองทุน ในเดือนพฤษภาคมและมิถุนายนนี้ โดยจะได้รับสิทธิลดหย่อนภาษี ซึ่งคาดว่า จะมีเงินเข้าลงทุนใน TESGX ประมาณ 2-3 หมื่นล้านบาท ซึ่งให้มีเงินก้อนใหม่เข้ามาในตลาดหุ้น
ผลกระทบจากภาษีทรัมป์อยู่ในช่วงเว้นวรรค 3 เดือน หุ้นทั่วโลกจึงเริ่มสงบลง รวมทั้งหุ้นไทย ซึ่งกำลังมีข่าวดีเข้ามากระตุ้น โดยนักลงทุนที่หยุดพักกันยาว ๆ กลับมาหลังสงกรานต์ อาจได้สัมผัสกับบรรยากาศการซื้อขายที่คึกคักกันอีกสักครั้ง
“กันชน” ระดับ 1100 จุด น่าจะสบายใจได้พักใหญ่ ถ้าไม่มีข่าวร้ายนอกเหนือความคาดหมายเข้ามากระทบ ดัชนี ฯ คงไม่หลุดแนวรับ และยังมีโอกาสได้เห็นดัชนี ฯ ตีฝ่าแนวต้าน 1150 จุดได้เสียด้วย
ส่วนจะมีแรงวิ่งไปแตะ 1200 จุดหรือไม่ ร่วมลุ้นกันอีกทีว่า ข่าวดี ๆ หลังสงกรานต์ หุ้นจะตอบรับมากน้อยเพียงใด
และนักลงทุนต่างชาติ จะเปลี่ยนใจกลับมาช้อนซื้อหุ้นบ้างหรือไม่