บีวายดี บริษัทอีวีเบอร์หนึ่งของจีน โกยรายได้ปีที่ผ่านมา 107,000 ล้านดอลลาร์ แซงหน้าเทสลาของอีลอน มัสก์ ที่กำลังเผชิญวิบากกรรมทั้งในและนอกประเทศ โดยมีรายได้เพียง 97,700 ล้านดอลลาร์
จากเมื่อปี 2011 ที่มัสก์เคยปรามาสว่า บีวายดีไม่มีทางเป็นภัยคุกคามเทสลา แต่วันนี้บริษัทอีวียักษ์ใหญ่ของจีนแห่งนี้กลับทำรายได้ในปี 2024 มากกว่าเทสลา และทำให้ตลาดอีวีทั่วโลกเกิดการเปลี่ยนแปลงขนานใหญ่
วันจันทร์ (24 มี.ค.) บีวายดีรายงานว่า รายได้ปี 2024 เพิ่มขึ้น 29% เป็น 107,000 ล้านดอลลาร์ โดยมียอดจัดส่งรถ 4.27 ล้านคัน ซึ่งรวมทั้งรถยนต์ไฟฟ้า 100% และไฮบริด
เทียบกับเทสลาที่รายได้ปีที่แล้วอยู่ที่ 97,700 ล้านดอลลาร์ จากยอดจัดส่งรถยนต์ไฟฟ้าแบตเตอรี่ 1.79 ล้านคัน ลดลงจากปี 2023 1.1% และถือเป็นการลดลงครั้งแรก
หวัง ชวนฟู ซีอีโอบีวายดี ระบุในรายงานประจำปีล่าสุดว่า บริษัทมีพัฒนาการอย่างรวดเร็วในปีที่ผ่านมา โดยก้าวขึ้นเป็นผู้นำอุตสาหกรรมในทุกเซ็กเตอร์ตั้งแต่แบตเตอรี่ อิเล็กทรอนิกส์ จนถึงรถยนต์พลังงานใหม่ อีกทั้งยังเอาชนะการครอบงำของแบรนด์ต่างชาติ และเปลี่ยนโฉมหน้าตลาดโลก
บีวายดีกลายเป็นความท้าทายใหญ่หลวงสำหรับเทสลาที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นผู้นำในตลาดอีวีมาก่อน
วันอาทิตย์ที่ผ่านมา (23 มี.ค.) บีวายดีเปิดตัวรถรุ่นใหม่ Qin L ราคาเริ่มต้น 16,500 ดอลลาร์ เทียบกับ Model 3 ซึ่งเป็นอีวีราคาถูกที่สุดของเทสลา ราคาเริ่มต้นที่ 32,400 ดอลลาร์ โดยความเคลื่อนไหวนี้เกิดขึ้นขณะที่ผู้บริโภคจีนกำลังพยายามรัดเข็มขัดเพื่อรับมือความท้าทายทาง
เศรษฐกิจ ซึ่งรวมถึงวิกฤตอสังหาริมทรัพย์ การเติบโตชะลอตัว และหนี้รัฐบาลท้องถิ่นพุ่งสูง
นอกจากนั้นเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว บีวายดียังเปิดตัวระบบชาร์จแบตเตอรี่ใหม่ “ซูเปอร์ อี-แพลตฟอร์ม” มีความเร็วในการชาร์จสูงสุด 1,000 kW ใช้เวลาชาร์จเพียง 5 นาทีสามารถวิ่งได้ไกลถึง 400 กิโลเมตร ขณะที่ระบบซูเปอร์ชาร์จเจอร์ของเทสลามีความเร็วในการชาร์จสูงสุดแค่ 500 kW และวิ่งได้ระยะทาง 270 กิโลเมตรจากการชาร์จ 15 นาที
ย้อนกลับไปเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ บีวายดียังเผยโฉม “God’s Eye” ระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ขั้นสูงสำหรับรถเกือบทุกรุ่นฟรี ซึ่งนักวิเคราะห์บอกว่า ยิ่งกดดันเทสลาและผู้ผลิตอีวีจีนรายอื่นๆ มากขึ้น
สำหรับเทสลานั้นคิดค่าบริการระบบ Full Self-Driving (FSD) เดือนละ 99 ดอลลาร์ในอเมริกา หรือจ่ายครั้งเดียว 8,000 ดอลลาร์
เซ็ธ โกลด์สตีน นักวิเคราะห์ของมอร์นิ่งสตาร์ เชื่อว่า ท้ายที่สุดแล้วเทสลาอาจต้องยอมลดราคา FSD ในจีน ขณะที่บริษัทมีปัญหาหนักในการไล่ตามบีวายดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งตราบที่บริการ FSD ยังไม่ได้รับอนุมัติจากปักกิ่ง
บริษัทอีวียักษ์ใหญ่ของอเมริกาแห่งนี้ปักหมุดให้บริการ FSD เต็มรูปแบบในจีนภายในปีนี้ โดยสัปดาห์ที่แล้วได้เปิดตัวโครงการทดลอง FSD ฟรีแบบจำกัด ทว่า ต้องระงับไปเมื่อวันจันทร์ท่ามกลางเสียงบ่นจากผู้ใช้ โดยฝ่ายสนับสนุนลูกค้าของเทสลาโพสต์บนแพลตฟอร์มเว่ยป๋อว่า บริษัทกำลังดำเนินการเพื่อให้ได้รับอนุมัติจากทางการจีน และหากทุกอย่างพร้อมแล้วจะมีการอัปเดตระบบโดยเร็วที่สุด
อนึ่ง แม้อีวีจีนถูกมาตรการภาษีศุลกากรสกัดจนไม่สามารถเข้าเจาะตลาดอเมริกาได้ แต่บีวายดีผงาดขึ้นเป็นผู้นำในจีนซึ่งเป็นตลาดรถใหญ่ที่สุดในโลก
จากข้อมูลของสมาคมรถยนต์นั่งส่วนบุคคลของจีน ปี 2024 บีวายดีครองส่วนแบ่ง 32% ในตลาดรถยนต์พลังงานใหม่ซึ่งรวมถึงไฮบริด เทียบกับ 6.1% ของเทสลา
นอกจากในจีนแล้ว เทสลายังประสบปัญหาในยุโรป ยอดขายเดือนกุมภาพันธ์ตกลงเป็นเดือนที่สองติดต่อกัน ข้อมูลของสมาคมผู้ผลิตยานยนต์แห่งยุโรประบุว่า ยอดขายเทสลาดิ่งลงถึง 40% เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันปีที่แล้ว
ความเคลื่อนไหวทั้งหมดนี้เกิดขึ้นขณะที่เทสลาเผชิญการต่อต้านทั่วโลกหลังจากที่มัสก์ไปสนิทชิดเชื้อกับประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของอเมริกา และได้รับแต่งตั้งให้คุมกระทรวงประสิทธิภาพรัฐบาล (โดช) ที่มีภารกิจในการหั่นค่าใช้จ่ายและปลดเจ้าหน้าที่รัฐบาลกลาง ซึ่งพลอยทำให้แบรนด์เทสลาที่เคยเป็นที่ชื่นชอบของพวกฝ่ายซ้ายกลับกลายเป็นสัญลักษณ์ของกลุ่มปีกขวาในอเมริกา และราคาเทสลามือสองดำดิ่งสวนทางกับความนิยมอีวีเก่าที่ขยับเพิ่มขึ้น
มัสก์ยังชอบแทรกแซงการเมืองประเทศอื่น ซึ่งรวมถึงการสนับสนุนอัลเทอร์เนทีฟ ซึ่งเป็นพรรคฝ่ายขวาสุดโต่งในการเลือกตั้งรัฐสภาเยอรมนี และการวิจารณ์นักการเมืองอังกฤษอย่างเช่น นายกรัฐมนตรีเคียร์ สตาร์เมอร์
ทั้งนี้ แม้เทสลายังคงเป็นผู้ผลิตอีวีที่ขายดีที่สุดในอเมริกา เนื่องจากมาตรการภาษีศุลกากรของสหรัฐฯ ที่มุ่งปกป้องผู้ผลิตในประเทศ แต่หากปราศจากอุปสรรคทางการค้าทั้งหลายทั้งปวง บีวายดีอาจกลายเป็นฝันร้ายอย่างแท้จริงสำหรับมัสก์และเทสลา