นายเคนอิจิ ยามาโตะ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) (BAY) กล่าวว่า ในปี 2568 ธนาคารได้ตั้งเป้าหมายยอดเงินให้สินเชื่อเติบโตที่ระดับ 2-4% โดยกลุ่มธุรกิจรายใหญ่ตั้งเป้าหมายเติบโตที่ 5-7% จากปีก่อนที่ธุรกิจค่อนข้างชะลอตัวจาก Demand ที่ต่ำ สินเชื่อกลุ่มผู้ประกอบการเอสเอ็มอีทรงตัว เนื่องจากยังคงมีความเปราะบาง และการปล่อยสินเชื่อส่วนใหญ่จะเป็น Working Capital สินเชื่อรายย่อยเติบโตในระดับต่ำ (Low Single digit) เนื่องจากเป็นกลุ่มที่ยังมีปัญหาโครงสร้างหนี้ครัวเรือนที่สูงจึงยังต้องระมัดระวัง โดยสินเชื่อเช่าซื้อคาดการณ์ทรงตัวเนื่องจากในปีก่อนติดลบในระดับสูง สินเชื่อบ้านทรงตัว สินเชื่อเครดิตการ์ด-บุคคลตั้งเป้า 5-7%
สำหรับกลยุทธ์ในปี 2568 กรุงศรีจะมุ่งดำเนินงานในเรื่อง Corporate Transformation เพื่อสร้างรากฐานที่แข็งแกร่งสำหรับการเติบโตในอนาคตผ่าน 3 กลยุทธ์สำคัญได้แก่ ONE Krungsri โดยส่งเสริมการทำงานร่วมกันเป็นหนึ่งเดียว มีความคล่องตัว และยึดลูกค้าเป็นศูนย์กลาง การขยายเครือข่ายในอาเซียน โดยมุ่งเป้ายกระดับสถานะในภูมิภาคให้เด่นชัดยิ่งขึ้น ขณะที่ยังสนับสนุนการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศต่างๆ ในอาเซียนด้วย และความเป็นผู้นำด้านความยั่งยืน โดยตั้งเป้าหมายใหม่ในการสนับสนุนทางการเงินให้โครงการธุรกิจเพื่อสังคมและความยั่งยืนให้ถึง 250,000 ล้านบาทในปี 2573 จากเป้าหมายเดิมที่ 100,000 ล้านบาท ซึ่ง ณ สิ้นปี 2567 ปล่อยสินเชื่อไปแล้ว 95,000 ล้านบาท
ด้านสินเชื่อที่ไม่ก่อให้รายได้ (NPL) นั้น ตั้งเป้าที่ 3.25-3.50% แนวโน้มเพิ่มขึ้น ซึ่งยังคงมาจากกลุ่มเอสเอ็มอีขนาดกลาง-เล็ก ทั้งในประเทศ และในกลุ่มอาเซียนในธุรกิจ Trading อสังหาริมทรัพย์โดยเฉพาะในกัมพูชา
อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันธนาคารมีสัดส่วนสินเชื่อต่างประเทศอยู่ประมาณ 5-6% ของพอร์ตรวม และมีสัดส่วนรายได้ที่ 20% ของรายได้รวม ขณะที่การตั้งสำรองมีแนวโน้มลดลงเนื่องจากการตั้งสำรองที่สูงในช่วงก่อนหน้า
ส่วนทิศทางดอกเบี้ยของธนาคารหลังคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) มีมติปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายนั้น ธนาคารอยู่ระหว่างการพิจารณาในเรื่องดังกล่าว ซึ่งหากมองย้อนหลังไปในการปรับลดดอกเบี้ยของ กนง.ครั้งก่อนๆ ธนาคารมีแนวโน้มไปในทิศทางเดียวกันมาโดยตลอด