xs
xsm
sm
md
lg

SPRCฟุ้งปี67พลิกมีกำไร 2,235ล.

เผยแพร่:   ปรับปรุง:



SPRCโชว์ปี2567 บริษัทพลิกฟื้นมีกำไรสุทธิ 2,235 ล้านบาท มาจากค่าการกลั่นน้ำมันดีขึ้น และการใช้อัตราการกลั่นสูงขึ้น รวมทั้งการเข้าซื้อธุรกิจการตลาดน้ำมันเชื้อเพลิงภายใต้แบรนด์คาลเท็กซ์ บอร์ดไฟเขียวจ่ายปันผลอีกหุ้นละ 0.15บาท

นายโรเบิร์ต โดบริค ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการ บริษัท สตาร์ ปิโตรเลียม รีไฟน์นิ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ SPRC เปิดเผยว่า รายงานผลประกอบการไตรมาส4/2567 บริษัทกำไรสุทธิที่ 5 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ162ล้านบาท ซึ่งพลิกฟื้นได้อย่างมีศักยภาพเมื่อเปรียบเทียบกับผลขาดทุนสุทธิ 64 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในไตรมาสที่ผ่านมา โดยมีปัจจัยหลักจากค่าการกลั่นตลาดที่เพิ่มสูงขึ้น

ค่าการกลั่นตลาดในไตรมาสที่ 4/2567 อยู่ที่ 6.04 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล เพิ่มขึ้นจาก 4.24 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล ในไตรมาสที่ 3/2567 และอัตราการนำน้ำมันดิบเข้ากลั่นในไตรมาสที่ 4 อยู่ที่ 155,000 บาร์เรลต่อวัน คิดเป็นร้อยละ 89 ของกำลังการกลั่น ซึ่งลดลงเล็กน้อยจากไตรมาสก่อนหน้า เนื่องจากการซ่อมบำรุงตามแผน

สำหรับผลการดำเนินงานในปี 2567 SPRC และบริษัทในเครือมีกำไรสุทธิ 60 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ 2,235ล้านบาท เพิ่มสูงขึ้น 86 ล้านดอลลาร์สหรัฐหรือ 3,171ล้านบาท เมื่อเทียบกับการขาดทุนสุทธิ 26 ล้านดอลลาร์สหรัฐ จากผลประกอบการรวมในปี 2566 เป็นผลมาจากค่าการกลั่นน้ำมันที่ดีขึ้น อัตราการนำน้ำมันดิบเข้ากลั่นที่สูงขึ้น และมูลค่าที่เพิ่มขึ้น 29 ล้านดอลลาร์สหรัฐ จากการเข้าซื้อธุรกิจการตลาดน้ำมันเชื้อเพลิงภายใต้แบรนด์คาลเท็กซ์ เมื่อวันที่ 3 มกราคม 2567

นายโรเบิร์ต กล่าวว่า การบูรณาการธุรกิจ บริษัทสามารถเสริมสร้างมูลค่าได้อย่างมีนัยสำคัญผ่านการเติบโตทั้งในช่องทางการค้าปลีกน้ำมันเชื้อเพลิงคาลเท็กซ์และการขยายช่องทางการขาย การบริหารสินค้าคงคลังและกระบวนการกลั่นน้ำมันที่มีประสิทธิภาพ การทำข้อตกลงใหม่ ๆ เพื่อจำหน่ายผลิตภัณฑ์ รวมถึงการปรับปรุงระบบโลจิสติกส์

“แม้ว่า SPRC จะขยายธุรกิจได้เพียง 1 ปี แต่บริษัทฯ ได้วางรากฐานที่แข็งแกร่งเพื่อสร้างมูลค่าอย่างต่อเนื่องให้แก่องค์กร SPRC ยังคงมุ่งมั่นสร้างผลลัพธ์ที่โดดเด่นด้วยการผลิตผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพ เชื่อถือได้ และเข้าถึงได้เพื่อตอบสนองต่อความต้องการที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลาของลูกค้า และผู้มีส่วนได้เสีย SPRC พร้อมขับเคลื่อนการสร้างมูลค่าที่ยั่งยืนสูงสุดให้แก่ผู้ถือหุ้น”

ทั้งนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ ครั้งที่ 1/2568 มีมติให้เสนอต่อที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2568 ในวันที่ 10 เมษายน 2568 ให้จ่ายเงินปันผลจากกำไรสุทธิครึ่งหลังของปี 2567 เป็นจำนวนเงิน 0.15 บาทต่อหุ้น หลังจากก่อนหน้านี้ได้จ่ายปันผลระหว่างกาลไปแล้วหุ้นละ 0.25 บาท โดยบริษัทฯ จะกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิรับเงินปันผลในวันที่ 7 มีนาคม 2568 โดยกำหนดวันจ่ายเงินปันผลเป็นวันที่ 9 พฤษภาคม 2568 หลังจากได้รับการอนุมัติจากที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2568 แล้ว
กำลังโหลดความคิดเห็น