ดีพซีค (DeepSeek) รันวงการยานยนต์ไฟฟ้าจีน พบผู้ผลิตรถ EV เกิน 20 แบรนด์แห่แสดงจุดยืนพร้อมปฏิวัติฟีเจอร์ใหม่ด้วยปัญญาประดิษฐ์ (AI) หนึ่งในนั้นคือยักษ์ใหญ่อย่างบีวายดี (BYD) และสตาร์ทอัปอย่าง ลีพมอเตอร์ (Leapmotor)
เฟ จาง (Phate Zhang) ผู้ก่อตั้งบริษัท CnEVPost ผู้ให้บริการข้อมูลรถยนต์ไฟฟ้าในเซี่ยงไฮ้กล่าวกับ South China Morning Post ว่าแนวโน้มการแข่งขันในตลาดรถยนต์จีนอนาคตจะมุ่งเน้นการดึงดูดผู้ขับขี่ด้วยเทคโนโลยี AI ที่ล้ำสมัย โดยเชื่อว่าจะส่งผลต่อส่วนแบ่งตลาดโดยตรง
"รถยนต์ที่ไม่มี DeepSeek จะสูญเสียส่วนแบ่งตลาดหรือถูกคู่แข่งแซงหน้าไปอย่างแน่นอน"
รายงานจาก South China Morning Post (SCMP) ระบุว่าในช่วง 2 สัปดาห์ต้นเดือนกุมภาพันธ์ 2025 ผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าชั้นนำของจีนเกิน 20 ราย รวมถึงยักษ์ใหญ่อย่าง BYD และสตาร์ทอัปอย่าง Leapmotor ต่างประกาศแผนติดตั้ง AI จาก DeepSeek ในรถยนต์รุ่นใหม่ เบื้องต้นคาดการณ์ว่าในปี 2025 จะมีรถยนต์กว่า 15 ล้านคัน หรือราว 2 ใน 3 ของยอดขายรถยนต์ทั้งหมดในจีนที่ติดตั้งระบบขับขี่อัตโนมัติขั้นต้นที่ขับเคลื่อนด้วย AI
DeepSeek นั้นเป็นชื่อผู้ให้บริการ AI ที่สร้างความฮือฮาในวงการเทคโนโลยีโลกด้วยการเปิดตัวโมเดล AI จำนวน 2 รุ่นล่าสุด ได้แก่ DeepSeek-V3 และ DeepSeek-R1 ที่ใช้ต้นทุนและพลังการประมวลผลน้อยกว่าโมเดล AI ของบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่อื่นๆ อย่างมีนัยสำคัญ แม้ว่าจะใช้หลักการเดียวกับ ChatGPT แต่ก็ได้รับการพัฒนาให้เป็นมาตรฐานเปิดที่เหมาะสมกับการปรับแต่งเพื่อใช้งานในกรณีที่หลากหลาย
กรณีของรถ EV ความสำคัญของ DeepSeek ไม่ได้อยู่เพียงแค่การเป็น AI คู่สนทนาที่สื่อสารกับผู้โดยสารเท่านั้น แต่ยังช่วยยกระดับความปลอดภัยและความฉลาดของรถยนต์ผ่านระบบช่วยการขับขี่ขั้นสูง (ADAS) ด้วย ซึ่งจะเสริมกับการเพิ่มประสบการณ์ความบันเทิงภายในรถและการขับขี่
สำหรับ BYD ผู้นำตลาดรถยนต์ไฟฟ้าจีนได้ประกาศแผนผสาน DeepSeek เข้ากับซอฟต์แวร์ยานยนต์ Xuanji ของบริษัท โดยมีแผนพร้อมติดตั้งในรถยนต์อย่างน้อย 21 รุ่น รวมถึงรุ่นประหยัด Seagull ที่มีราคาเริ่มต้นเพียง 69,800 หยวน หรือประมาณ 324,455 บาท
ความเคลื่อนไหวเหล่านี้ตอกย้ำว่า DeepSeek ไม่เพียงกลายเป็นความภาคภูมิใจใหม่ของจีน แต่ยังมีแนวโน้มช่วยเพิ่มยอดขายให้ผู้ผลิตรถยนต์ในประเทศอีกด้วย ที่ผ่านมา การแข่งขันที่เข้มข้นในตลาดทำให้ผู้ผลิตต้องเร่งพัฒนาเทคโนโลยีและลดราคา โดยในช่วงมกราคมถึงพฤศจิกายนปีที่ผ่านมา มีการปรับลดราคารถยนต์ถึง 195 รุ่น เพิ่มขึ้นจาก 150 รุ่นในปี 2023