บลจ.เอ็มเอฟซี เปิดขาย "กองทุนเปิดเอ็มเอฟซี ยูเอส ทริกเกอร์ ซีรีส์ 2" หรือ “MUST2” จับจังหวะลงทุนหุ้นสหรัฐฯ ตั้งเป้าผลตอบแทน 5% ภายใน 5 เดือน มองกำไรบริษัทจดทะเบียนแข็งแกร่ง คาด EPS เติบโต 12% ในปี 68 โฟกัสลงทุนหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี สถาบันการเงิน IPO ตั้งแต่ 10-19 ก.พ.68
นายธนโชติ รุ่งสิทธิวัฒน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนเอ็มเอฟซี จำกัด (มหาชน) หรือ MFC ในฐานะผู้เชี่ยวชาญด้านการบริหารจัดการกองทุนคุณภาพทั้งในและต่างประเทศ เปิดเผยว่า บลจ.เอ็มเอฟซี เปิดเสนอขาย IPO กองทุนเปิดเอ็มเอฟซี ยูเอส ทริกเกอร์ ซีรี่ส์ 2 (MFC US Trigger Fund Series 2) หรือ MUST2 ซึ่งเป็นทริกเกอร์ฟันด์ เน้นลงทุนหุ้นสหรัฐฯ ในกลุ่มเทคโนโลยีที่มีธุรกิจที่ได้เปรียบทางการแข่งขันสูง มีแนวโน้มเติบโตสูงระยะยาวและลงทุนหุ้นกลุ่มสถาบันการเงินและกลุ่มอื่นๆ ที่ได้ประโยชน์จากนโยบายของประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ เช่น การผ่อนคลายกฎหมาย การขยายการลดภาษีเงินได้นิติบุคคล และมาตรการทางภาษีต่อสินค้านำเข้า รวมทั้งต้องเป็นหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานดี กำไรมีแนวโน้มเติบโตและราคาหุ้นมี Momentum ที่ดี
กองทุน MUST2 มีนโยบายลงทุนในตราสารทุน ตราสารหนี้ หน่วยลงทุนของกองทุนรวมต่างประเทศ (หน่วย CIS) กองทุนรวม ETF ต่างประเทศ หน่วยทรัสต์ของทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (REITs) เงินฝาก และ/หรือหลักทรัพย์หรือทรัพย์สินอื่นๆ ตามที่สำนักงาน ก.ล.ต. กำหนดหรือให้ความเห็นชอบ โดยจะลงทุนในหลักทรัพย์ของบริษัทที่จัดตั้ง และ/หรือมีการลงทุน และ/หรือมีรายได้หลักจากการดำเนินธุรกิจในสหรัฐอเมริกา ที่จดทะเบียนซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ของสหรัฐอเมริกา และหรือภูมิภาคอื่น โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิกองทุนรวม
นอกจากนี้ กองทุนจะพิจารณาลงทุนในหลักทรัพย์แต่ละประเภทในสัดส่วนตั้งแต่ร้อยละ 0 ถึงร้อยละ 100 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน โดยสัดส่วนการลงทุนในแต่ละประเภททรัพย์สินขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของผู้จัดการกองทุนและตามความเหมาะสมกับสภาวการณ์ในแต่ละขณะ และอาจลงทุนในสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (Derivatives) เพื่อป้องกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราจากการลงทุนในต่างประเทศ ตามความเหมาะสมและสภาวการณ์ในแต่ละขณะ โดยขึ้นอยู่กับดุลพินิจที่ผู้จัดการกองทุนเห็นเหมาะสม
กองทุน MUST2 คาดหวังผลตอบแทนเป้าหมายที่ระดับ 5% ของมูลค่าที่ตราไว้ (10 บาท) ภายในระยะเวลา 5 เดือน เมื่อกองทุนมีมูลค่าหน่วยลงทุนตั้งแต่ 10.65 บาทขึ้นไป จะรับซื้อคืนหน่วยลงทุนโดยอัตโนมัติ ซึ่งมูลค่าหน่วยลงทุนที่จะรับซื้อคืนหน่วยลงทุนโดยอัตโนมัติต้องไม่ต่ำกว่า 10.50 บาทต่อหน่วย
"จุดเด่นของกองทุน MUST2 มีความยืดหยุ่นในการปรับพอร์ตลงทุนตามความเหมาะสมกับสถานการณ์ในแต่ละขณะเพื่อโอกาสสร้างผลตอบแทนได้ตามเป้าหมาย จึงเหมาะกับผู้ที่ต้องการตั้งเป้าผลตอบแทนจากการลงทุน ที่มีกังวลจากความไม่แน่นอนของนโยบายประธานาธิบดีทรัมป์ ที่อาจจะมีผลทำให้ตลาดหุ้นผันผวน” นายธนโชติ กล่าว
กองทุนมีเป้าหมายจะเข้าลงทุนในหุ้นรายตัวประมาณ 30-40 ตัว ในสัดส่วนไม่น้อยกว่า 80% ของ NAV และอาจพิจารณาลงทุนใน ETFs โดยมีเกณฑ์การคัดเลือกหุ้นที่ปัจจัยพื้นฐานดีและราคาหุ้นมี Momentum ดี ในกลุ่มเทคโนโลยีและในกลุ่มหุ้นที่ได้ประโยชน์จากนโยบายของประธานาธิบดี โดนัลทรัมป์
นายธนโชติ กล่าวอีกว่า บลจ.เอ็มเอฟซี มองตลาดหุ้นสหรัฐฯ ยังน่าสนใจลงทุน เนื่องจากเศรษฐกิจสหรัฐฯ ยังเติบโตปัจจัยเสี่ยงเงินเฟ้ออยู่ในระดับสูง ขณะที่หุ้นสหรัฐฯ ส่วนใหญ่ยังมีแนวโน้มเติบโตดี จากฐานะการเงิน และ Business Model ที่แข็งแกร่ง คาดการณ์ผลประกอบการ (Earnings) ของบริษัทในดัชนี S&P500 จะเติบโต 12% ในปี 2025
นอกจากนี้ หุ้นสหรัฐฯ บางตัวมีธุรกิจที่ได้เปรียบทางการแข่งขันสูง มีแนวโน้มเติบโตสูงระยะยาวในตลาดรวมขนาดใหญ่ "ถึงแม้ตลาดหุ้นสหรัฐฯ จะปรับตัวขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง แต่กำไรของบริษัทจดทะเบียนก็เติบโตเช่นกัน เห็นได้จากผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนในดัชนี S&P 500 ในไตรมาส 4 ปี 2567 จำนวน 305 บริษัท ออกมาดีกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ โดยคิดเป็นกว่า 77% ของบริษัทที่รายงาน จึงเป็นอีกปัจจัยหนุนตลาดหุ้น" นายธนโชติ กล่าว
สำหรับกองทุน MUST2 เปิดขายหน่วยลงทุนครั้งแรก (IPO) ระหว่างวันที่ 10-19 กุมภาพันธ์ 2568 มูลค่าเงินลงทุนขั้นต่ำเพียง 1,000 บาท โดยผู้ลงทุนไม่สามารถขายคืนหน่วยลงทุนนี้ในช่วงเวลา 5 เดือนแรกได้