ฟอร์บส์ยกไมเคิล เซย์เลอร์ “นักเล่นแร่แปรธาตุบิตคอยน์” สะท้อนบทบาทในการผ่องถ่ายโลกการเงินผ่านคริปโต และการเป็นผู้บุกเบิกการนำบิตคอยน์เข้าสู่งบดุลกิจการทั่วโลกผ่านกลยุทธ์ของไมโครสเตรทเตอจี
เซย์เลอร์ ผู้ประกอบการที่รวยระดับพันล้านและประธานกรรมการไมโครสเตรทเตอจี เป็นผู้ที่คิดอ่านการใหญ่มาโดยตลอด ล่าสุดเขาได้ขึ้นปกนิตยสารฟอร์บส์พร้อมตำแหน่ง “นักเล่นแร่แปรธาตุบิตคอยน์”
เซย์เลอร์ วัย 59 ปี เป็นหนึ่งในผู้ทรงอิทธิพลที่สุดในแวดวงบิตคอยน์ ความเชื่อมั่นแรงกล้าที่มีต่อเงินดิจิทัลสกุลนี้ส่งให้ไมโครสเตรทเตอจีกลายเป็นบริษัทที่ถือครองบิตคอยน์มากที่สุดคือ 471,107 บีทีซี
ไมโครสเตรทเตอจียังประกาศตัวเป็น “คลังบิตคอยน์” แห่งแรกและใหญ่ที่สุดในโลก ซึ่งไม่ได้สะท้อนความทะเยอทะยานเท่านั้น แต่ยังบ่งชี้กลยุทธ์หลักที่บริษัทมากมายเจริญรอยตาม
บริษัทข้อมูลข่าวกรองด้านซอฟต์แวร์แห่งนี้ถือครองบิตคอยน์มากที่สุดเป็นอันดับสองรองจากซาโตชิ นากาโมโตะ บุคคลปริศนาที่เป็นผู้สร้างบิตคอยน์
หลายคนคิดว่า เซย์เลอร์ชอบเสี่ยง เพราะเดิมพันกับทุกสิ่งที่เป็นสินทรัพย์ที่มีความผันผวนอย่างเช่นบิตคอยน์ อย่างไรก็ตาม กลยุทธ์ของไมโครสเตรทเตอจีนั้นผสมผสานการเงินแบบดั้งเดิมเข้ากับศักยภาพของคริปโต
จากเหยื่อฟองสบู่อินเทอร์เน็ตสู่ราชาคริปโต
เรื่องราวความสำเร็จของเซย์เลอร์ไม่ได้เริ่มต้นจากบิตคอยน์ เขาร่วมก่อตั้งไมโครสเตรทเตอจีในปี 1989 ในรูปบริษัทซอฟต์แวร์ที่เริ่มแรกโฟกัสการทำเหมืองข้อมูลและข้อมูลข่าวกรองธุรกิจ
ปี 2000 ไมโครสเตรทเตอจีถูกคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์สหรัฐฯ (เอสอีซี) สอบสวนเกี่ยวกับการทำบัญชีและต้องจ่ายค่าปรับก้อนใหญ่เพื่อไกล่เกลี่ย ส่งผลให้บริษัทมีปัญหาทางการเงิน มิหนำซ้ำยังเกิดวิกฤตฟองสบู่อินเทอร์เน็ต เล่นเอาไมโครสเตรทเตอจีซวนเซมาสองทศวรรษจนกระทั่งเซย์เลอร์ตัดสินใจครั้งสำคัญ
เดือนสิงหาคม 2020 เขาเดิมพันอนาคตของบริษัทกับบิตคอยน์ ซึ่งในช่วงแรกมีแต่คนตั้งคำถาม แต่ถึงตอนนี้บริษัทมหาชนหลายแห่งตามรอยเซย์เลอร์ยอมรับบิตคอยน์เป็นสินทรัพย์ที่สามารถเก็บรักษามูลค่า
แม้แต่บริษัทการเงินยักษ์ใหญ่อย่างแบล็กร็อกและฟิเดลิตี้ อินเวสต์เมนต์ ยังเพิ่มการเข้าถึงสินทรัพย์ดิจิทัลแบบมีการควบคุมผ่านกองทุน ETF
การเดินเกมอย่างกล้าหาญนี้ทำให้ไมโครสเตรทเตอจีกลายเป็นบริษัทที่ถือครองบิตคอยน์มากที่สุด นอกจากนั้นการลงทุนในเงินดิจิทัลสกุลนี้อย่างต่อเนื่องยังทำให้ไมโครสเตรทเตอจีถูกเรียนขานว่าเป็นบริษัทตัวแทนคริปโต
คอยน์สปีกเกอร์รายงานว่า เมื่อเร็วๆ นี้ไมโครสเตรทเตอจีซื้อบิตคอยน์กว่า 10,107 บีทีซี รวมมูลค่ากว่า 1,000 ล้านดอลลาร์และมีแผนซื้อเพิ่มอีก ตอกย้ำกลยุทธ์บิตคอยน์ระยะยาวของบริษัท
ทั้งนี้ หลังจากเอสอีซีอนุมัติ Bitcoin ETF เมื่อต้นปี 2024 ส่งให้ราคาบิตคอยน์โลดลิ่วกว่าสองเท่าในช่วง 12 เดือน และทะลุ 100,000 ดอลลาร์เมื่อต้นเดือนธันวาคม
เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นควบคู่กับที่ไมโครสเตรทเตอจีเข้าร่วมดัชนีแนสแด็ก 100 ซึ่งยิ่งทำให้หุ้นของบริษัทเป็นที่ต้องการของนักลงทุนมากขึ้น โดยราคาหุ้นพุ่งขึ้นกว่า 700% ขณะที่มูลค่าทรัพย์สินส่วนตัวของเซย์เลอร์พุ่งทะยานจาก 1,900 ล้านดอลลาร์ เป็น 7,600 ล้านดอลลาร์ภายในเวลาแค่ปีเดียว และตอนนี้เขาไม่ได้เป็นแค่ซีอีโอบริษัทเทคโนโลยีธรรมดาๆ เท่านั้น แต่เป็นบุคคลสำคัญในการปฏิวัติบิตคอยน์
เซย์เลอร์เชื่อมั่นในบิตคอยน์ไม่ใช่ในแง่การเงินเท่านั้น แต่รวมถึงมุมมองด้านปรัชญาด้วย เขามองว่า คริปโตสกุลนี้เป็นสินทรัพย์ที่สร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ เป็นทองคำดิจิทัลที่จะอยู่ยงคงกระพันกว่าสกุลเงินดั้งเดิม
วิสัยทัศน์นี้กำหนดแนวทางใหม่ให้ไมโครสเตรทเตอจีและวางตำแหน่งเซย์เลอร์เป็นหนึ่งในผู้ที่มีความสำคัญที่สุดในการปฏิวัติคริปโต