DeepSeek แชทบอท AI ที่โค่น ChatGPT ขึ้นอันดับ 1 แชมป์ดาวน์โหลดบน App Store เมื่อวันจันทร์ (27 ม.ค.) และทำให้มูลค่าตลาดของเอ็นวิเดียหายวับไปเกือบ 600,000 ล้านดอลลาร์ในวันเดียวนั้น กำลังทำให้คนวงในและนักวิเคราะห์ทึ่งกับความสามารถในการตามทันคู่แข่งอเมริกัน อีกทั้งยังทำให้เกิดความสงสัยในเงินนับหมื่นล้านดอลลาร์ที่บรรดาบิ๊กเทคของอเมริกากำลังทุ่มให้กับ AI
ตัวท็อป
DeepSeek เป็นสตาร์ทอัพที่ก่อตั้งขึ้นเมื่อเดือนพฤษภาคม 2023 ในเมืองหางโจว โดยเหลียน เหวินเฟิง ผู้จัดการกองทุนเฮดจ์ฟันด์
ปลายเดือนธันวาคมที่ผ่านมา สตาร์ทอัพที่เป็นผู้พัฒนา AI แห่งนี้ได้เปิดตัวโมเดล AI ฟรีที่บริษัทบอกว่า ใช้เวลาพัฒนาแค่ 2 เดือน
ต้นสัปดาห์ที่แล้ว DeepSeek ปล่อย R1 ซึ่งเป็นโมเดลแบบ reasoning ที่เอาชนะ o1 โมเดลล่าสุดของ Open AI ในการทดสอบของบุคคลที่สามหลายราย
DeepSeek กำลังพยายามฉีกตัวจากคู่แข่งด้วยความสามารถในการคิดเชิงตรรกะ ซึ่งหมายความว่า ก่อนที่จะให้คำตอบสุดท้าย โมเดลนี้จะสร้าง “ห่วงโซ่ความคิด” เพื่อนำเสนอคำตอบที่แม่นยำยิ่งขึ้น
DeepSeek R1 พร้อมใช้งานทั้งในรูปแอปและบนเดสก์ท็อป ทำงานได้หลากหลายไม่ต่างจากแอปคู่แข่งของตะวันตก ไม่ว่าจะเป็นแต่งเพลง ช่วยวางแผนพัฒนาส่วนบุคคล หรือแม้กระทั่งคิดสูตรดินเนอร์จากของที่เหลืออยู่ในตู้เย็น นอกจากนั้นยังสื่อสารได้หลายภาษา แต่ที่ถนัดที่สุดคือภาษาอังกฤษและจีน
คนวงในอุตสาหกรรมไฮเทคต่างทึ่งกับความสามารถของ DeepSeek ตัวอย่างเช่น อเล็กซานเดอร์ หวัง ซีอีโอ Scale AI ซึ่งเป็นผู้จัดหาข้อมูลเพื่อช่วยให้บริษัทต่างๆ เทรนเครื่องมือ AI นั้น ออกปากว่า DeepSeek R1 มีประสิทธิภาพเทียบเท่าโมเดล AI ที่ดีที่สุดของบิ๊กเทคอเมริกา
แต่ที่น่าทึ่งกว่านั้นคือ นักพัฒนาบอกว่า ใช้ชิปเพียงเศษเสี้ยวของที่บริษัทตะวันตกใช้ในการเทรน DeepSeek
สปุตนิกโมเมนต์
นักวิเคราะห์เชื่อมานานนมว่า อเมริกาเป็นต่อจีนหลายขุมในการผลิตชิปทรงพลังและในสงครามปัญญาประดิษฐ์ (AI) รวมทั้งศักยภาพในการป้องกันชาติมหาอำนาจจากเอเชียแห่งนี้ไม่ให้เข้าถึงเทคโนโลยีระดับสูง
ทว่า นักวิจัยของ DeepSeek เผยว่า ใช้เงินทุนแค่ 5.6 ล้านดอลลาร์ในการพัฒนาโมเดลล่าสุด ซึ่งถือว่า น้อยมากเมื่อเทียบกับงบหลักพันหลักหมื่นล้านดอลลาร์ที่บิ๊กเทคในอเมริกาทุ่มให้กับ AI
วันจันทร์ (27 ม.ค.) แอปบนมือถือของ DeepSeek แซง ChatGPT ขึ้นเป็นแอปฟรีที่มียอดดาวน์โหลดสูงสุดบน App Store ของแอปเปิล
การท้าทายจาก DeepSeek ฉุดหุ้นบริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่หลายแห่งทั้งในอเมริกาและญี่ปุ่นดิ่งเหวตามๆ กัน โดยเฉพาะเอ็นวิเดีย ผู้ผลิตชิปยักษ์ใหญ่และซัปพลายเออร์เบอร์หนึ่งสำหรับฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ AI ที่ปิดการซื้อขายด้วยการดิ่งลงถึง 17% และมูลค่าตลาดหายวับเฉียด 600,000 ล้านดอลลาร์
ด้านซอฟต์แบงก์ของญี่ปุ่น ซึ่งเป็นนักลงทุนหลักในโครงการร่วมทุน “สตาร์เกต” เพื่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานสำหรับ AI ในอเมริกาที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศเอิกเกริกเมื่อต้นสัปดาห์ที่แล้วนั้น ราคาหุ้นตกไปกว่า 8%
มาร์ก แอนเดรสเซน นักธุรกิจเงินร่วมลงทุนที่เป็นที่ปรึกษาใกล้ชิดของทรัมป์ พูดถึง DeepSeek ว่าเป็นสปุตนิกโมเมนต์ของวงการ AI ซึ่งหมายถึงเหตุการณ์ตอนที่โซเวียตปล่อยดาวเทียมสปุตนิกขึ้นสู่วงโคจรซึ่งเป็นการจุดชนวนสงครามอวกาศในยุคสงครามเย็น
แอนเดรสเซนบอกว่า DeepSeek R1 เป็นความก้าวหน้าที่น่าทึ่งและน่าประทับใจที่สุดเท่าที่เคยเห็นมา
โมเดล Open source
DeepSeek ใช้โมเดลภาษาขนาดใหญ่ (LLM) เช่นเดียวกับคู่แข่งตะวันตกอย่าง Chat-GPT ของ OpenAI, Llama ของเมตา และ Claude ของแอนโทรปิก แต่ที่ต่างจากผู้เล่นในซิลลิคอนแวลลีย์ที่เป็นผู้พัฒนา LLM ที่เป็นกรรมสิทธิ์คือ DeepSeek เป็นระบบ open source ซึ่งหมายความว่า ทุกคนสามารถเข้าถึงรหัสของแอปได้ ดูได้ว่าแอปทำงานอย่างไรและแก้ไขได้ด้วยตนเอง
จิม แฟน ผู้จัดการอาวุโสฝ่ายวิจัยของเอ็นวิเดีย โพสต์บนแพลตฟอร์ม X ว่า โลกขณะนี้อยู่ในไทม์ไลน์ที่บริษัทที่ไม่ใช่บริษัทอเมริกันกำลังปกป้องพันธกิจดั้งเดิมของ OpenAI ในการวิจัยขั้นแนวหน้าที่เปิดกว้างเพื่อเปิดโอกาสให้ทุกคนได้เพิ่มศักยภาพอย่างแท้จริง
DeepSeek ประกาศว่า เป็นผู้นำในบรรดาโมเดล open source และเป็นคู่แข่งของโมเดล closed source ที่ล้ำยุคที่สุดทั่วโลก
หวังจาก Scale AI โพสต์บน X ว่า DeepSeek เป็นสัญญาณเตือนภัยสำหรับอเมริกา
“ยิ่งใหญ่”
เหล่าผู้นำในปักกิ่งปักธงว่า จีนจะขึ้นเป็นผู้นำเทคโนโลยี AI ของโลกภายในปี 2030 และเตรียมทุ่มงบประมาณนับหมื่นล้านดอลลาร์สนับสนุนอุตสาหกรรมนี้ในช่วง 2-3 ปีข้างหน้า
ความสำเร็จของ DeepSeek บ่งชี้ว่า บริษัทจีนอาจเริ่มข้ามผ่านอุปสรรคบนเส้นทางนี้
สัปดาห์ที่แล้ว เหลียน ผู้ก่อตั้ง DeepSeek นั่งอยู่ในหมู่ผู้ประกอบการใกล้กับนายกรัฐมนตรีหลี่ เฉียงในงานประชุมหนึ่ง ตอกย้ำการเติบโตอย่างรวดเร็วของสตาร์ทอัพแห่งนี้
ความสำเร็จอย่างรวดเร็วยังส่งให้ DeepSeek ติดเทรนด์บนเว็บไซต์เว่ยป๋อเมื่อวันจันทร์ โดยแฮชแท็กที่เกี่ยวข้องมียอดวิวหลายสิบล้าน
ผู้ใช้คนหนึ่งบอกว่า DeepSeek เป็นตัวอย่างของการใช้เงินแค่เล็กน้อยเพื่อทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่